วันจันทร์, ตุลาคม 28, 2562

"ยอมไม่ได้" จ่ายค่าโง่เหมืองทองอัคราแทน คสช. เพราะเศรษฐกิจย่ำแย่ทุกวัน การผลิตลด ราคาหุ้นตก


ต้องช่วยกันประโคมเรื่องนี้ เรื่องที่หมอชลน่าน เพื่อไทย บอกยอมไม่ได้ให้รัฐบาล คสช.๒ เอางบประมาณแผ่นดินไปจ่ายค่าโง่แทน คสช.๑ คดีเหมืองทองอัครา ในการที่ฝ่ายค้านเตรียมปรับลดงบประมาณความมั่นคงลงไป ๕ หมื่นล้าน

ขอบคุณข่าว ผู้จัดการออนไลน์(นานๆ ที) ช่วยโวยเรื่อง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ๒๕๖๓ “ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับงบประมาณของฝ่ายความมั่นคง กระทรวงกลาโหม และงบกลาง”

โดยเฉพาะงบกลาง ๙๖,๐๐๐ ล้านบาท อาจถูกกันเอาไปจ่ายค่าปรับ (ไม่น้อยกว่า) ๓๖,๐๐๐ ล้านบาท หากอนุญาโตตุลาการพิพากษาให้บริษัทคิงเกตของออสเตรเลียชนะความ จากคดีร้องเรียนถูก คสช.ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จ ม.๔๔ สั่งระงับสัมปทานการทำเหมืองแร่ทองคำชาตรี

“คณะกรรมาธิการฯ คงไม่ยอมให้เอาเงินภาษีประชาชนไปจ่ายค่าปรับ ถือเป็นการใช้งบประมาณที่ไม่เหมาะสม เพราะเมื่อหัวหน้า คสช.สั่งปิด หัวหน้า คสช.จะต้องรับผิดชอบเอง จะให้ประชาชนมาร่วมรับผิดชอบไม่ได้”

เหตุผลสมทบต่อการที่ฝ่ายค้านพยายามปกป้องไม่ให้ประชาชนต้องเป็นผู้รับภาระ ต่อความเสียหายสาธารณะที่เกิดด้วยน้ำมือและความมักง่าย ไร้ประสิทธิภาพการบริหารประเทศของ คสช. ก็คือ ในขณะนี้ผลพวงแห่งความไร้น้ำยานั้น

บ้านเมืองกำลังตกอยู่ในภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจรุนแรงยิ่งขึ้นทุกวัน ดูจากกรณีล่าสุดนอกเหนือจากเหตุชี้ชัดต่างๆ เรื่อยมามากมายแล้ว ตัวเลขการนำเข้าที่ลดลงของผลิตภัณฑ์อันเป็นองค์ประกอบของการเติบโตทางธุรกิจภายในประเทศ ขาดสมดุลอย่างน่าเป็นห่วง
 
รายงานของ ประชาชาติธุรกิจ เมื่อ ๒๗ ตุลานี้ชี้ว่า การนำเข้าสินค้าในสามไตรมาสแรก ลดลงเกือบ ๔ เปอร์เซ็นต์เป็นมีมูลค่าเพียง ๑๗๙,๑๙๐ ล้านบาท ส่วนที่ลดล้วนเป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการใช้ในการผลิต ได้แก่

“กลุ่ม เชื้อเพลิงลดลง ๒.% ‘ทุนลดลง ๔.% ‘วัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูปลดลง ๘.%” ขณะเดียวกันสินค้าฟุ่มเฟือยกลับ เพิ่มขึ้น “โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์นั่ง รถยนต์โดยสารและรถยนต์บรรทุก รถจักรยานยนต์ และกลุ่มอาวุธ ยุทธปัจจัย”

พวกนั้นเพิ่มขึ้นอย่างน่าใจหาย ๓๐๙.๓% แล้วยังมีเหตุย้อนแย้งอย่างยิ่งเมื่อ สภาหอการค้าไทย เผยว่ามีการลดนำเข้าชิ้นส่วนองค์ประกอบยานยนต์และอีเล็คโทรนิคส์เป็นหลัก จะทำให้การผลิตในประเทศชะงักเพราะจำเป็นต้องลดสต็อค

สภาหอการค้าฯ จึงประเมินการส่งออกไทยในปี ๖๒ นี้ว่าจะ ติดลบเบาะๆ ๑ เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับสภาผู้ส่งออกทางเรือ ที่คิดเหมือนกันว่าจะติดลบ ๑.๕% ในปีนี้ แต่ปีหน้าคาดว่าจะดีหน่อย คือขยายตัว ๑% โดยสภาหอการค้าคาดหมายสูงกว่าที่ ๓%


หนักเข้าไปอีก เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทยเปิดความจริงที่อดีตเลขานุการ คสช. (เดี๋ยวนี้สาย มั่นคง-มั่งคั่ง-ยั่งยืน เรียก แดงหย่าย แต่สาย ทักษิโณมิคส์ เรียก แดงฟาย) ไม่อยากบอก ว่าขนาดตลาดหุ้นที่ทำให้มีเศรษฐีใหม่เกิดขึ้นง่ายๆ ยังแบ้บ
 
เขาเพิ่งเตือนรัฐบาลให้ระวัง “หุ้นของกลุ่มธุรกิจหลักๆ ที่เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย...กำลังมีปัญหา” แจกแจงไว้ ๕ กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ ๑.พวกธนาคารพาณิชย์ ราคาหุ้นต่ำสุดในรอบ ๓ ปี “บางตัวทำสถิติราคาต่ำสุดในรอบ ๗ ปี” เสียด้วย

๒.หมวดรับเหมาก่อสร้าง ทำสถิติเหมือนกันตอนนี้ราคาต่ำสุดในรอบ ๕ ปี เช่นเดียวกับ ๓.หมวดวัสดุก่อสร้างที่ตกสุดๆ ใน ๕ ปี ส่วน ๔.หมวดท่องเที่ยวดีกว่านิด แต่แค่ตกต่ำสุดใน ๔ ปี ไม่เหมือน ๕.หมวดเกษตรฯ ที่ราคาหุ้นกลุ่มนี้ตกเอา ตกเอา จนขณะนี้ต่ำสุดใน ๙ ปี


คำเตือนจาก คนรุ่นใหม่อย่างนี้มีหรือรุ่นเก๋าอย่าง คสช.จะเงี่ยฟัง แต่คนสมัยนี้ความจำไม่สั้นเท่าพวกลุงๆ หรอกนะ เพราะเขาใช้วิธี แค้ปชั่น กันไว้ว่า ๕ ปีที่แล้วใครพูดอะไร เซิ้ร์ชปั๊บก็ติดปุ๊บพบว่า
 
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มือวางด้านเศรษฐกิจ คสช. อดีตศิษย์ (ล้างครู) ของ ทักษิโณมิคส์เคยคุยว่าอีก ๒๐ ปีประเทศไทยจะไม่มีคนจน นี่ก็เข้ามาเกิน ๑ ใน ๔ แล้ว ยังดิ่งลง ดิ่งลง มองไม่เห็นก้นเหว

จะให้รออีก ๓ ใน ๔ ที่เหลือ ประชาชนรากหญ้าไม่น่าจะมีน้ำอดน้ำทน และแรงส่งดีเท่า เจ้าสัว ที่รวยเอา รวยเอาทุกปีไม่มีเว้นวรรค