ต้องช่วยกันประโคมเรื่องนี้ เรื่องที่หมอชลน่าน
‘เพื่อไทย’ บอกยอมไม่ได้ให้รัฐบาล
คสช.๒ เอางบประมาณแผ่นดินไปจ่ายค่าโง่แทน คสช.๑ คดีเหมืองทองอัครา ในการที่ฝ่ายค้านเตรียมปรับลดงบประมาณความมั่นคงลงไป
๕ หมื่นล้าน
ขอบคุณข่าว ‘ผู้จัดการออนไลน์’
(นานๆ ที) ช่วยโวยเรื่อง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย
ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ๒๕๖๓ “ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับงบประมาณของฝ่ายความมั่นคง
กระทรวงกลาโหม และงบกลาง”
โดยเฉพาะงบกลาง ๙๖,๐๐๐ ล้านบาท
อาจถูกกันเอาไปจ่ายค่าปรับ (ไม่น้อยกว่า) ๓๖,๐๐๐ ล้านบาท
หากอนุญาโตตุลาการพิพากษาให้บริษัทคิงเกตของออสเตรเลียชนะความ จากคดีร้องเรียนถูก
คสช.ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จ ม.๔๔ สั่งระงับสัมปทานการทำเหมืองแร่ทองคำชาตรี
“คณะกรรมาธิการฯ
คงไม่ยอมให้เอาเงินภาษีประชาชนไปจ่ายค่าปรับ ถือเป็นการใช้งบประมาณที่ไม่เหมาะสม
เพราะเมื่อหัวหน้า คสช.สั่งปิด หัวหน้า คสช.จะต้องรับผิดชอบเอง
จะให้ประชาชนมาร่วมรับผิดชอบไม่ได้”
เหตุผลสมทบต่อการที่ฝ่ายค้านพยายามปกป้องไม่ให้ประชาชนต้องเป็นผู้รับภาระ
ต่อความเสียหายสาธารณะที่เกิดด้วยน้ำมือและความมักง่าย ไร้ประสิทธิภาพการบริหารประเทศของ
คสช. ก็คือ ในขณะนี้ผลพวงแห่งความไร้น้ำยานั้น
บ้านเมืองกำลังตกอยู่ในภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจรุนแรงยิ่งขึ้นทุกวัน
ดูจากกรณีล่าสุดนอกเหนือจากเหตุชี้ชัดต่างๆ เรื่อยมามากมายแล้ว
ตัวเลขการนำเข้าที่ลดลงของผลิตภัณฑ์อันเป็นองค์ประกอบของการเติบโตทางธุรกิจภายในประเทศ
ขาดสมดุลอย่างน่าเป็นห่วง
รายงานของ ‘ประชาชาติธุรกิจ’ เมื่อ ๒๗ ตุลานี้ชี้ว่า การนำเข้าสินค้าในสามไตรมาสแรก ลดลงเกือบ ๔
เปอร์เซ็นต์เป็นมีมูลค่าเพียง ๑๗๙,๑๙๐ ล้านบาท ส่วนที่ลดล้วนเป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการใช้ในการผลิต
ได้แก่
“กลุ่ม ‘เชื้อเพลิง’
ลดลง ๒.๘% ‘ทุน’ ลดลง ๔.๕% ‘วัตถุดิบ’ และกึ่งสำเร็จรูปลดลง ๘.๔%”
ขณะเดียวกันสินค้าฟุ่มเฟือยกลับ ‘เพิ่ม’ ขึ้น “โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์นั่ง รถยนต์โดยสารและรถยนต์บรรทุก รถจักรยานยนต์
และกลุ่มอาวุธ ยุทธปัจจัย”
พวกนั้นเพิ่มขึ้นอย่างน่าใจหาย ๓๐๙.๓%
แล้วยังมีเหตุย้อนแย้งอย่างยิ่งเมื่อ ‘สภาหอการค้าไทย’ เผยว่ามีการลดนำเข้าชิ้นส่วนองค์ประกอบยานยนต์และอีเล็คโทรนิคส์เป็นหลัก
จะทำให้การผลิตในประเทศชะงักเพราะจำเป็นต้องลดสต็อค
สภาหอการค้าฯ จึงประเมินการส่งออกไทยในปี
๖๒ นี้ว่าจะ ‘ติดลบ’ เบาะๆ
๑ เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับสภาผู้ส่งออกทางเรือ ที่คิดเหมือนกันว่าจะติดลบ ๑.๕% ในปีนี้ แต่ปีหน้าคาดว่าจะดีหน่อย คือขยายตัว ๑%
โดยสภาหอการค้าคาดหมายสูงกว่าที่ ๓%
หนักเข้าไปอีก เผ่าภูมิ โรจนสกุล
รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทยเปิดความจริงที่อดีตเลขานุการ คสช. (เดี๋ยวนี้สาย ‘มั่นคง-มั่งคั่ง-ยั่งยืน’ เรียก ‘แดงหย่าย’ แต่สาย ‘ทักษิโณมิคส์’ เรียก ‘แดงฟาย’) ไม่อยากบอก ว่าขนาดตลาดหุ้นที่ทำให้มีเศรษฐีใหม่เกิดขึ้นง่ายๆ ยังแบ้บ
เขาเพิ่งเตือนรัฐบาลให้ระวัง “หุ้นของกลุ่มธุรกิจหลักๆ
ที่เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย...กำลังมีปัญหา” แจกแจงไว้ ๕ กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ ๑.พวกธนาคารพาณิชย์
ราคาหุ้นต่ำสุดในรอบ ๓ ปี “บางตัวทำสถิติราคาต่ำสุดในรอบ ๗ ปี”
เสียด้วย
๒.หมวดรับเหมาก่อสร้าง
ทำสถิติเหมือนกันตอนนี้ราคาต่ำสุดในรอบ ๕ ปี เช่นเดียวกับ ๓.หมวดวัสดุก่อสร้างที่ตกสุดๆ
ใน ๕ ปี ส่วน ๔.หมวดท่องเที่ยวดีกว่านิด แต่แค่ตกต่ำสุดใน ๔ ปี ไม่เหมือน ๕.หมวดเกษตรฯ
ที่ราคาหุ้นกลุ่มนี้ตกเอา ตกเอา จนขณะนี้ต่ำสุดใน ๙ ปี
คำเตือนจาก ‘คนรุ่นใหม่’ อย่างนี้มีหรือรุ่นเก๋าอย่าง
คสช.จะเงี่ยฟัง แต่คนสมัยนี้ความจำไม่สั้นเท่าพวกลุงๆ หรอกนะ เพราะเขาใช้วิธี ‘แค้ปชั่น’ กันไว้ว่า ๕ ปีที่แล้วใครพูดอะไร
เซิ้ร์ชปั๊บก็ติดปุ๊บพบว่า
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
มือวางด้านเศรษฐกิจ คสช. อดีตศิษย์ (ล้างครู) ของ ‘ทักษิโณมิคส์’ เคยคุยว่าอีก
๒๐ ปีประเทศไทยจะไม่มีคนจน นี่ก็เข้ามาเกิน ๑ ใน ๔ แล้ว ยังดิ่งลง ดิ่งลง
มองไม่เห็นก้นเหว
จะให้รออีก ๓ ใน ๔ ที่เหลือ ประชาชนรากหญ้าไม่น่าจะมีน้ำอดน้ำทน
และแรงส่งดีเท่า ‘เจ้าสัว’ ที่รวยเอา รวยเอาทุกปีไม่มีเว้นวรรค