วันอังคาร, ตุลาคม 15, 2562

อภิปรายงบประมาณ ปชป.‘กินน้ำใต้ศอก’ เลยเสี้ยม ๑๐ พรรคจิ๋ว


งบประมาณรายจ่ายรัฐบาลจะเข้าสภาในวันที่ ๑๗-๑๘ ตุลานี้ ทางฝ่ายค้าน ๗ พรรคนั้นเตรียมอภิปรายอย่างหนักหน่วง เพื่อชี้ว่า ๓.๒ ล้านล้านจะถูกเอาไปถลุงละลายน้ำเหมือนที่ผ่านมา ๔-๕ ปี มิหนำซ้ำเป็นนโยบายขาดดุลเกือบ ๔ แสน ๗ หมื่นล้านบาท

เนื่องจากเป็นการเพิ่มงบฯ แก่ราชสำนักถึง ๑๓% และด้านกลาโหมอีก ๒.๗% นอกเหนือจากงบประมาณจำนวนมากที่สุด กว่า ๕ แสนล้านบาทไปกองอยู่ที่ งบกลางซึ่งรัฐบาลสามารถเบิกใช้ได้ตามอำเภอใจ เพียงแค่อ้างว่า จำเป็น

อีกประเด็นหนึ่งที่ชี้ถึงความไม่น่าพิศมัยของงบประมาณนี้ อยู่ที่การจัดสรรปันส่วนไปอยู่กับกระทรวงที่พรรคหลักของ คสช. (พลังประชารัฐ) ค่อนข้างมากกว่าพรรคร่วมอื่นๆ อีก ๑๗ พรรค ไม่นับพรรคภูมิใจไทยที่ถึงเวลานี้น่าจะจัดว่าเป็นพรรคหลักของ คสช. ชัดแจ้งแล้ว หลังจากที่อำพรางอย่างยิ่งระหว่างหาเสียง

พรรคสำคัญที่ทำให้คณะรัฐประหาร คสช.ได้กลับมาครองเมือง เบิ้ล ซ้ำซากในหน้ากาก การเลือกตั้งคือพรรคประชาธิปัตย์ เท่าที่ผ่านมา ๗ เดือนก็เห็นได้ไม่ยากว่า กินน้ำใต้ศอกยังคงสงบเสงี่ยมเจียมตัวไม่ขึ้นเสียงอะไรมาก

อาจมุ่งหมาย (เดาเอานะ) วันข้างหน้าจะได้บุญหล่นทับเป็น เจ้าคุณพระบ้าง แต่ดูท่าแล้วน่าจะยาก เนื่องจากไม่มีอะไรให้ คสช.โปรดปรานเป็นพิเศษสักเท่าไร เขายังมีความเกรงใจเหลืออยู่บ้างเล็กน้อยก็ยังดี ได้เวลาอภิปรายมาแค่ ๕ ชั่วโมง คงต้องก้มหน้าก้มตากันต่อไป

ขณะที่ฝ่ายค้านเตรียมการทะลวงฟันกันได้เต็มที่ ไหนจะปัญหาปากท้องประชาชนอันเป็นที่กระทบกระเทือนทั้งประเทศแล้ว ยังสมทบด้วยการแก้รัฐธรรมนูญที่แม้แต่ม็อบสมัชชาคนจน ซึ่งยกขบวนเข้ากรุงมาปักหลักได้อาทิตย์หนึ่งแล้วยังเล่นด้วย

โดยประกาศว่า “มิได้หมายถึงเพียงแค่กรณีปัญหาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า ที่ยืดเยื้อยาวนานเท่านั้น หากแต่ยังหมายรวมถึงการเรียกร้องสิทธิทางนโยบายที่รัฐบาลประกาศออกมาริดรอนละเมิดสิทธิของพวกเรา”

และ “...หมายถึงความตั้งใจของพวกเราที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้เป็นรัฐธรรมนูญตามระบอบประชาธิปไตยอย่างที่พวกเราเรียกว่า ประชาธิปไตยที่กินได้ การเมืองที่เห็นหัวคนจน” กลายเป็นประเด็นหนุนฝ่ายค้านเข้าอีก

ส.ส.นครศรีธรรมราชพรรคประชาธิปัตย์ปากเก่งคนหนึ่ง จึงเสนอให้กำหนดเวลาอภิปรายแต่ละวันถึงแค่สี่ทุ่ม เพื่อ “เป็นเพียงพิธีกรรม ไม่เน้นเนื้อหาสาระหรือคุณภาพ และการมีส่วนร่วมของประชาชน” เทพไท เสนพงศ์ยังแกล้งเสี้ยม ๑๐ พรรคเอื้ออาทรขนาดจิ๋ว ให้เป็น ตัวแปรที่สำคัญที่สุด

ว่าขณะนี้เสียงปริ่มน้ำ รัฐบาล ๒๔๙ ฝ่ายค้าน ๒๔๔ ห่างกันแค่ ๕ เสียง “ถ้าทฤษฎีลิงกินกล้วยใช้ไม่ได้ผล ลิงไม่กินกล้วย หรือลิงกินกล้วยไม่อิ่ม ก็จะเป็นอันตรายต่อคะแนนเสียงสนับสนุนฝ่ายรัฐบาลอย่างแน่นอน”


ซึ่งการนั้นมีคนอ่านทะลุว่าเหมือน “โยนขี้ให้คนอื่น...แต่ตัวเองจะโหวตเข้าข้างรัฐบาล” ในเมื่อ ปชป. ๕๓ เสียงไม่ยอมกระดิก แต่ไปสกิด ๑๐ เสียง ให้เรียกหากล้วยเสียนี่ (Peter Cockea @Pcockea) อันเป็นการเล่นการเมืองอย่างเดิมๆ ของพรรคแมลงสาบ
 
แต่คนสำคัญในพรรค ปชป.อีกราย อ้างว่าเป็นปัญหาของการที่การเมืองแบ่งขั้ว ๕ ปีที่ผ่านมา “กลายเป็นการเลือกข้าง” แล้ว “เราก็ติดอยู่ตรงกลาง” ทั้งที่ (เรา) “ให้ความสำคัญกับนโยบายที่จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แก้ปัญหาหนี้สิน”

กรณ์ จาติกวณิช ให้สัมภาษณ์เพจ ๑๐๑ว่าประชาธิปัตย์เลือกเข้าร่วมรัฐบาลกับ คสช. “เพราะว่าเขามีสมมติฐานมาตลอดว่า การที่เขาจะเลือกพรรคประชาธิปัตย์ก็เพราะเขาคิดว่าประชาธิปัตย์จะไปร่วมรัฐบาลกับ พล.อ.ประยุทธ์”

ดังนั้นแม้ว่าจะ ผิดหวังจากการบริหารงานของรัฐบาล คสช. ที่ทำให้รู้สึกว่า “การบริหารเป็นไปแบบวันต่อวัน ไม่มีทิศทางที่ชัดเจน” โดยเฉพาะเรื่องแจก “นโยบายแบบนี้ต้องใช้ครั้งเดียว ถ้าใช้บ่อยๆ คนจะดื้อยา” แต่ถ้าถามว่า “ผมชอบวิธีการไหม ผมชอบ”

ก็เลยทำให้เขาตอบเรื่องว่า “ทำไมยอมรับรัฐบาลทหารได้ ผมก็ต้องบอกว่าผมไม่ได้ยอมรับ และต้องบอกว่าตอนนี้เรามีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง จะหาว่าผมเล่นคำยังไงก็แล้วแต่ เราปฏิเสธข้อเท็จจริงไม่ได้ว่าพรรคพลังประชารัฐได้คะแนนเสียงเหนือความคาดหมายของทุกคน”


ทว่า ความจริงที่กรณ์ยอมรับนี้เป็นความจริงเสี้ยวเดียว การ “ที่มีประชาชนไปกาให้เขาจริง” ไม่ใช่เรื่องต้องช็อคอะไร ในเมื่อเกิดจากกลเม็ดในการ ดูดเอย นับคะแนนพิสดารเอย การได้เป็นรัฐบาลมิใช่ชนะด้วยคะแนนที่ประชาชนให้

แต่เกิดจากการเล่นแร่แปรธาตุ และสนับสนุนโดยพรรคการเมืองที่เอาแต่ดีกับได้ให้ตัวเอง อย่างพรรคประชาธิปัตย์นั่นไง