บรรยายพิเศษของ ธีรยุทธ์ บุญมี
เที่ยวนี้ไม่ฮือฮาเท่าที่ควร อาจเป็นเพราะเดินหว่างกลาง ‘กระจ้อน’ ดังอุปมาอุปมัยของเขาเอง เลยแคระ แกร็น
ไม่แหลมคม แม้จะยอมรับว่า “ปัญหาความเลื่อมล้ำมีสูง
คนจน คนชั้นกลางก็ลำบากจริง ๆ”
คราวนี้ธีรยุทธ์ซัดทั้งสองฟาก
ว่ารัฐบาลประยุทธ์ (จันทร์โอชา) จาก ๑ มา ๒ นี้ “การปฏิรูประบบไม่เกิด
การสร้างความสมานฉันท์ก็ไม่เกิด” ขณะที่สองพรรคฝ่ายตรงข้าม พรรคหนึ่งที่ประชานิยมจับใจชาวบ้าน
แต่ก็ ‘ไม่ยั่งยืน’
อีกพรรคเป็นฐานเสียงชนชั้นกลางและคนรุ่นใหม่
ก็ “ยังไม่มีการเสนอยุทธศาสตร์แผนงานหลัก ที่จะนำพาประเทศข้ามความขัดแย้ง...ส่วนพลังฝ่ายอนุรักษ์หรือทหารเองแม้จะได้อำนาจมา
๕ ปีเศษ
แต่ก็ติดกับดักความคิดที่เน้นเฉพะความมั่นคง
ไม่มีเป้าหมายที่จะกินใจประชาชนจนเกิดเป็นเป้าหมายร่วมของประเทศได้” เหล่านั้นเป็นคำคมคำคายอย่างนักวิชาการหอคอยงาช้าง
ที่เต็มไปด้วยศัพท์แสงทางรัฐศาสตร์ ทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส และลาติน
รวมความว่าที่ผ่านมาในยุค
‘ติดกับดัก’ ๒๕๕๗-๒๕๖๒ ยังไม่ได้ความ จนในขณะนี้ “มีการเคลื่อนไหวกว้างขวางจากหลายฝ่ายในสังคม
ถือ “เป็นวิกฤติใหม่ที่ควรกังวล” ฉะนั้นต้อง ‘วนกลับ’ ถอยกระบวนการตุลาการภิวัฒน์กลับบ้าง
เขาเสนอแนะให้ พล.อ.ประยุทธ์อย่าใช้สภาวะสงครามทำลายล้าง
และ “เป็นศัตรูกับประชาชนบางกลุ่ม ซึ่งไม่เป็นผลดีอย่างยิ่งกับบ้านเมือง ศาลและระบบยุติธรรมเองก็ต้องตริตรอง...ซึ่งควรจะช่วยบรรเทาความรุนแรง
และความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้”
แล้วก็ไม่น่าแปลกใจเมื่อนักข่าวไปถามประยุทธ์
ว่าไงที่ธีรยุทธ์เค้าว่างี้ นายกฯ คสช.๒ บอกว่าไม่สน ไม่ใส่ใจ
ตอนนี้สนแต่เรื่องเสียงโหวกเหวกหน้าทำเนียบตรงประตู ๔ ประตู ๕ เพราะคงเกิดความรำคาญตามวิสัย
‘ปากไม่อยู่สุข’
พอไปงานนิทรรศการส่งเสริมศิลปาชีพ
เห็นพวกตัวแสดงโขนมาตั้งแถวโชว์ แทนที่จะทักทายตามปกติ กลับพูดเหน็บกระทบพวกสมัชชาคนจน
ที่ปักหลักชุมนุมกันมากว่าอาทิตย์แล้ว บอกตัวแสดงโขนรูปร่างสูงใหญ่ดี
“มีวันว่างวันไหนบ้าง
ถ้าว่างจะให้มาเฝ้าประตู ๔ และประตู ๕ เสียหน่อย จะได้ไม่วุ่นวาย รวมทั้งองคตและตัวละครอื่นๆ
ให้มาช่วยกันด้วย” (@MatichonOnline)
น่าเห็นใจขบวนการนี้
ที่ต่อสู้เพื่อสิทธิเสียงมาแล้วหลายทศวรรษ เคยโดนรัฐบาลปล่อยหมากัดระหว่างชุมนุมข้างทำเนียบก็เคย
เจ้าของหมาตอนนั้นเป็นประธานสภาอยู่ตอนนี้ คงเป็นวิธีการที่นายกรัฐมนตรีคนนี้ไม่สามารถทำได้
เลยกระฟัดกระเฟียดเสียดสี
ถ้าจะให้พวกตัวละครรามเกียรติ์ไปเป้นยามสกัดกั้นผู้ชุมนุมละก็
จะต้องใช้ทั้งคณะยังจะไม่พอแล้วละ เพราะเวลานี้มีผู้ชุมนุมเรียกร้องเต้มไปหมด
ไหนจะ “ลูกจ้างสังกัด สพฐ. นั่งรถบัสเกือบ ๒๐ คัน มารวมตัวประท้วงหน้ากระทรวงศึกษาธิการ”
ตามที่ #ข่าวช่องวัน แพร่หลายว่าพวกเขาเหล่านั้น “ถูกปรับสัญญาจ้าง
จากเดิมลูกจ้างชั่วคราวรายปี เป็นลูกจ้างเหมาบริการ ทำให้ถูกตัดประกันสังคม” ตั้งแต่
๑ ตุลาเป็นต้นมา “ทำให้ไม่ได้รับเงินสมทบประกันสังคมจากนายจ้างร้อยละ ๕๐
และถูกตัดสิทธิการลาโดยไม่ถูกหักเงินเดือน”
(@ThaiPBSNews และ https://youtu.be/aRGt7j5Urbw)
แล้วยังมีแถลงการณ์ของคณะกรรมการสตรีเรื่องการเรียกร้องของพนักงานสถานบริการ
ขอให้ยกเลิก พรบ.ปราบปรามการค้าประเวณี พศ.๒๕๓๙ โดยเฉพาะในกรณีการเอาผิดกับพนักงานบริการ
โดยการ ‘ล่อซื้อ’
แล้วจับกุม
คำเรียกร้องผ่านทางเครือข่าย ‘Empower
Foundation’ สะท้อนการกดขี่และเอารัดเอาเปรียบพนักงานบริการทางเพศ
ไหนจะต้องทนกับการดูหมิ่น ละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ถูกเอาเปรียบเงื่อนไขทำงาน หักส่วนแบ่งรายได้มากกว่า ๕๐%
แล้วยังถูกรีดไถ บุคคลที่อ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ
“เรียกรับเงินเพื่อให้สามารถทำงานต่อไปได้” แล้วเข้าไม่ถึงกระบวนการยุติธรรม
เพราะถ้าไปแจ้งความจะโดนจับเสียเอง กับทั้งเข้าไม่ถึงการคุ้มครองสิทธิแรงงาน
สิทธิการทำธุรกรรมการเงิน (ซื้อบ้าน)
ข้อสำคัญในการเรียกร้องนี้มูลนิธิซึ่งมีสามชิกกว่า
๕ หมื่นคนเห็นว่า การแก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎหมายค้าประเวณีที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ขณะนี้
นอกจากคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ ให้โอกาสแสวงหาอาชีพใหม่แล้ว
เสนอว่าต้องพัฒนาอาชีพภาคบริการ
ที่หลายแสนคนทำอยู่แล้วเพื่อแก้ไขปัญหาพนักงานบริการให้ได้เสียที อ้างว่าการต่อสู้เรียกร้องสิ่งเหล่านี้
“ผ่านมา ๑๕ รัฐบาลแล้ว แต่ปัญหายังอยู่ที่เดิม”