ภาพนักฟุตบอลเชื้อสายบาห์เรนผู้ลี้ภัยการเมืองของออสเตรเลีย
ถูกนำตัวโดยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ไปศาลอาญา โดยข้อเท้าล่ามโซ่ตีตรวน แพร่ไปทั่วโลก
เป็นความอัปยศอีกครั้งของกระบวนตุลาการไทยที่ขาดวุฒิภาวะสากล
สุณัย ผาสุข เจ้าหน้าที่ฮิวแมนไร้ท์ว้อทช์ประจำไทยชี้ว่า “ภาพปรากฎต่อหน้าคณะทูต, ยูเอ็น, ผู้แทนฟีฟ่า, สื่อนานาชาติ,
องค์กรสิทธิ์ > ไทยจับ “ฮาคีม”
นักฟุตบอลผู้ลี้ภัยตีตรวน-พาตัวขึ้นศาลเตรียมส่งไปให้บาห์เรนลงโทษ
โดยไม่สนใจเสียงทักท้วงใดๆ #SaveHakeem”
อธิบดีราชทัณฑ์
อ้างว่าเป็นหน้าที่ต้องตีตรวนตามกฎหมายไทย (อ้าง พรบ.ราชทัณฑ์ฉบับ คสช. ๒๕๖๐ ม.๒๑)
“การพิจารณาใส่เครื่องพันธนาการ
เป็นเรื่องที่ผู้ควบคุมเห็นแล้วว่าผู้ต้องขังเข้าข่ายสุ่มเสี่ยงหลบหนี
เนื่องจากนายฮาคีมเป็นอดีตนักฟุตบอล
เป็นผู้ต้องขังคดีที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องระหว่างประเทศ”
(https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_2174079)
(https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_2174079)
อันนี้
พ.ต.อ.ณรัชต์
เศวตนันทน์ อาจจะอ้างมั่วก็ได้ นายฮาคีม อัล-อาไรบี ไม่ใช่ ‘อดีต’ นักฟุตบอล ปัจจุบันเขาเป็นนักฟุตบอลทีมสโมสรพาสโกเวลของออสเตรเลีย
ที่ได้รับสถานะผู้ลี้ภัยและอยู่อาศัยในออสเตรเลียมากว่าสี่ปีแล้ว
ทางการไทยจะอ้างการเป็นอดีตนักฟุตบอลที่มชาติบาห์เรนที่เขายินดีสลัดทิ้งมาเป็นข้อปรักปรำเพื่อลงโทษทำร้ายเขา ย่อมละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนสากลเต็มเปา แล้วยังที่อ้างอีกว่าเขาต้องคดี “ที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องระหว่างประเทศ” ก็ไม่น่าจะใช่
ฮาคีมถูกทางการบาห์เรนหมายหัวเพราะเขาและพี่ชายอยู่ในกลุ่มผู้ต่อต้านการละเมิดสิทธิมนุษยชนของบาห์เรน
ประเด็นการเมืองภายในของประเทศนั้นแท้ๆ ที่ประเทศไทยไม่มีความจำเป็นใดๆ
จะต้องไปเผือกกับเขา
รัฐบาลออสเตรเลียปฏิเสธกระบวนการทางอาญาของบาห์เรนจึงได้ให้สถานะผู้ลี้ภัยแก่ฮาคีม
มิหนำซ้ำตำรวจสากล ‘อินเตอร์โพล’
ที่เคยออกหมายจับตามคำร้องของบาห์เรนตระหนักในความงั่งของตนแล้วแก้ไข สั่งยกเลิกหมายนั้นไปแล้ว
แต่ศาลไทยยังดึงดันออกหมายจับเอง
ทั้งที่ไม่ได้มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อกัน แต่เลี่ยงไปใช้ ‘หลักปฏิบัติต่างตอบแทน’
ซึ่งทางการบาห์เรนให้คำมั่นว่า ในอนาคตเมื่อไทยร้องขอในลักษณะคล้ายคลึงกันจะปฏิบัติตามทันที
มีบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรเมื่อ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๑
นอกนั้นจะมีอะไรผูกพันกันลึกล้ำระหว่างรัฐบาล
คสช.กับบาห์เรน ที่ซ่อนเร้นอยู่หรือเปล่าไม่รู้
รัฐบาลไทยจึงยอมให้ทั้งโลกด่าเพื่อเอาใจรัฐบาลอาหรับเศรษฐีน้ำมันแห่งเดียว
ถ้ามีจริงอาจจะโผล่ในภายหลังจากที่ฮาคีมถูกส่งตัวกลับไปให้บาห์เรนกดขี่ทำร้าย
อาจถึงตายไปเลยก็ได้
ฉะนั้นการอ้างว่าจะต้องล่ามโซ่ฮาคีมมีแต่ทำให้รัฐบาลบาห์เรนสะใจ
แลกกับการประจานความล้าหลังของระบบตุลาการไทยในสื่อต่างประเทศทั่วโลก “บอกได้คำเดียว ไม่คุ้มเลย #SaveHakeem” ดังคอมเม้นต์ของ ‘ARM WORAWIT @armupdate’
จาตุรนต์ ฉายแสง
ที่เคยถูกควบคุมตัวในข้อหาการเมืองยังแย้งทั่นอธิบดีฯ ว่า “ไม่จริงครับ ผมเจอมากับตัวเอง
วันที่ผมจะเดินทางจากคุกมาศาลทหาร ผมถามเจ้าหน้าที่ว่าจะต้องใส่ตรวนมั้ย
เจ้าหน้าที่ว่าเดี๋ยวถามผู้บังคับบัญชาก่อน
ผมก็บอกว่าถ้าเป็นระเบียบขอให้ใส่ตรวนที่ข้อเท้าผมอย่ายกเว้น
พอถึงเวลาจริงๆ ก็ใส่กุญแจมือ แล้วก็พาหลบผู้สื่อข่าวด้วย ไม่ให้มีภาพ” (@chaturon)
รังสิมันต์ โรม
ซึ่งมีประสบการณ์โดนตีตรวนเช่นกันแสดงปฏิกิริยา “#SaveHakeem ผมเห็นรูปนี้แล้วสะเทือนใจมาก...ทุกย่างก้าวที่เดิน
เจ็บมาก ปวดมาก ไม่อยากเดินไปไหนเลย จำได้ว่ามีแผลถลอกเต็มไปหมด ยิ่งเขาเป็นนักฟุตบอล
คงยิ่งทำร้ายจิตใจเขามากแน่ๆ การตีตรวนแบบนี้ควรเลิกได้เลย ประเทศไทยไม่มีทาสแล้ว”
อย่างไรก็ดี
ในฐานะที่ศาลเป็นหนึ่งในสามสถาบันชั้น ‘วิเศษ’
ของไทยนอกเหนือจากทหาร จึงมีคนพินบพิเทาเตือนว่า “คนไทยคะ อ่านหน่อยค่ะ
อย่าเพิ่งด่าชาติตัวเองโดยไม่มีข้อมูลเลยนะคะ ถือว่าขอร้อง #saveThailand” (ถ้อยคำของ ‘NX @XNampeth’)
เขาอ้างโพสต์ของ ‘นักกอดหมอนออนไลน์’ ที่ว่า “เราก็ต้องจับแล้วนำเข้ากระบวนการไป...แล้วตำรวจสากลดันเพิกถอนหมาย
ความซวยจึงตกมาที่ประเทศไทย ทำไมไทยจึงไม่ปล่อยตัวไปเลย
มันต้องทำตามกระบวนการของเรา...”
นี่คิดแบบว่าประเทศไทยเป็น ‘Center
of the universe’ ล่ะสิ ในทางอารยะสากลเขายึดถือหลักอย่างหนึ่งว่า “ทำผิดไปแล้วแก้ไข
ทำใหม่ได้” ศาลไทยหน้าหนามากหรือไรจึงเปลี่ยนจากผิดให้เป็นถูกไม่ได้
กระบวนการเรียกร้องให้ปล่อยตัวฮาคีมไม่ใช่เพิ่งมาเกิด
“เป็นประเด็นมาตั้งแต่ปลายปีก่อนแล้วค่ะ
แต่ข่าวไม่ดัง ขนาด รมต.กต.ของ AUS มาเจรจาขอด้วยตัวเอง” ‘V
Nus @meVnus’ แฉ “ทางเราก็เหมือนไม่แคร์
บรรดาผู้มีชื่อเสียงทั่วโลกก็รณรงค์ปล่อยตัว ทางเราก็เฉยเมย
ปล่อยจนเรื่องมาถึงวันที่ฮาคิมถูกโซ่ตรวน ภาพนี้ออกไปทั่วโลก
กระแสเลยแรงกว่าที่ผ่านมา”
แรงไม่แรงเปล่า กระแทกหน้าตุลาการไทยฉาดใหญ่
ซ้ำร้ายในระดับพลเมืองเรื่องมิตรจิตมิตรใจระหว่างคนไทยกับออสเตรเลียน
มีชาวออสเตรเลียนายหนึ่งทวี้ตข้อความชวนสะอึก เจค บั๊คลี่ย์ ทวง “ประเทศไทยที่รัก
เราเคยช่วยนักฟุตบอลของคุณออกมาได้แล้ว (#หมูป่าถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน) บัดนี้ถึงเวลาที่คุณจะปลดปล่อยคนของเราบ้าง
ด้วยความนับถือ (จาก) ออสเตรเลีย #SaveHakeem”