วันอังคาร, กุมภาพันธ์ 19, 2562

ชัยเกษม’ ถามผบ. ทบ. ฟังเพลงหนักแผ่นดิน เตือนใจตัวเองหรือเตือนใคร + รู้สึกเป็นห่วงวิธีคิดของ ผบ.ทบ.





ชัยเกษม’ ถามผบ. ทบ. ฟังเพลงหนักแผ่นดิน เตือนใจตัวเองหรือเตือนใคร

นายชัยเกษม นิติสิริ อดีตอัยการสูงสุด และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยระบุ เดินหน้าแคมเปญปฏิรูปกองทัพ ปรับลดงบประมาณ ติง ผบ.ทบ. ทำบรรยากาศเลือกตั้งเสีย เหมือนทหารเป็นข้าราชการที่แตะต้องไม่ได้

“ถ้าถามผม ผมว่ามันไม่มีอะไรเกี่ยวกัน เพราะเดาใจท่านไม่ถูก แม้ท่านจะพูดต่อเนื่องว่ามีความเห็นกับความเห็นของคุณหญิงหน่อยว่าอย่างไร แล้วท่านก็ตอบว่าให้ไปฟังเพลง ผมก็ไปฟังเพลงแล้วผมก็ไม่แน่ใจว่าท่านหมายความว่าอย่างไร ว่าท่านเตือนตัวเอง หรือท่านเตือนคุณหญิงหน่อย หรือเตือนผม หรือยังไง มันไม่ความชัดเจน แมนๆ พูดออกมาให้ชัดเลยดีกว่าครับว่าจะเอายังไง”

นายชัยเกษมตั้งคำถามพร้อมทั้งระบุด้วยว่า ถ้าการออกมาพูดของ ผบ.ทบ. เป็นการปรามให้หยุดพูดเรื่องการปฏิรูปกองทัพ หรือหยุดพูดเรื่องการปรับลดงบประมาณทหารก็เป็นเรื่องน่าเป็นห่วง

“ก็น่าเป็นห่วง เพราะเมื่อออกมาในลักษณะแบบนี้แล้วคนก็ชักจะสงสัยว่าเอ๊ะท่านมีวัตถุประสงค์อย่างไร ซึ่งก็ทำให้มันทำลายบรรยากาศของการเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นจริงๆ ผมอยากให้ถามท่านชัดๆ ว่าท่านหมายความว่าอย่างไร”

ทั้งนี้นายชัยเกษมระบุว่า หากไม่ต้องการให้หาเสียงด้วยประเด็นนี้ก็ให้ออกคำสั่งโดยอาศัยมาตรา 44 ออกมาเลย
“ถ้าท่านจะทำอย่างนั้นว่าไม่ให้ทำไม่ให้พูดไม่ให้มาหาเสียงเรื่องนี้ท่านก็พูดออกมาตรงๆ เพราะท่านก็เป็นเลขาธิการของ คสช. ก็ให้ คสช. ออกคำสั่งมาเลยครับว่าการออกมาหาเสียงห้ามพูดถึงการตัดงบประมาณของทหาร ห้ามพูดถึงเรื่องการปฏิรูปทหาร ถ้าเป็นคำสั่งออกมาตามมาตรา 44 ผมเองก็ไม่ฝ่าฝืนละครับ ยินดีปฏิบัติตาม คุณหญิงหน่อยก็น่าจะยินดีปฏิบัติตามเช่นเดียวกัน” อดีตอัยการสูงสุดกล่าวและว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องน่าเป็นห่วง และทำลายบรรยากาศการเลือกตั้ง

ทั้งนี้หากไม่มีคำสั่งห้าม ในส่วนของพรรคเพื่อไทยจะเดินหน้ารณรงค์เป็นหนึ่งในประเด็นหาเสียงขอพรรคต่อไป โดยนายชัยเกษมระบุด้วยว่ามี 3 ประเด็นใหญ่ในการปฏิรูปกองทัพ ได้แก่ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ปรับลดจำนวนนายทหาร และการนำที่ดินของทหารออกมาใช้ประโยชน์

“ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะว่าอะไรที่เป็นสิ่งที่ทำแล้วเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง เป็นประโยชน์ต่อประชาชน พรรคเพื่อไทยก็คงจะต้องเดินตามนั้นต่อไป แต่ทำได้มากน้อยแค่ไหนอย่างไร เราไม่ใช่พรรคที่จะหักด้ามพร้าด้วยเข่า เพราะฉะนั้น จะทำอะไร เมื่อถึงเวลาแล้วก็ต้องคุยกัน บางอย่างที่มันเกินเลยในเรื่องของกองทัพ สมควรต้องตัดออกก็ต้องตัดออก อะไรที่มีความจำเป็นต่อกองทัพ ก็ต้องให้ แต่ผมยังเชื่อว่าจากที่ผ่านมา เนื่องจากว่าไม่ได้อยู่ภายใต้รัฐบาลที่ปกติ ที่ผ่านมางบประมาณของกองทัพ-ถ้าดูจากข่าว ก็ใช้เกินเลยไปมาก อย่างเช่น ซื้อเรือดำน้ำ ผมคิดว่าประชาชน เจอใครก็บอกว่าไม่เห็นด้วยทั้งสิ้น ซึ่งแบบนี้ก็อาจจะต้องมาคุยกันว่าจำเป็นอย่างไร ไม่ใช่ถึงเวลาก็มาหั่นๆๆๆ ทุกอย่างเป็นไปตามความเหมาะสม ตามเหตุผลอันสมควร”
ทั้งนี้ นายชัยเกษมระบุว่า ประเด็นการปฏิรูปกองทัพและลดงบประมาณทหาร เป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยได้รับการสะท้อนมาจากประชาชน และเขาเห็นว่ามีพรรคการเมืองที่เห็นสอดคล้องกันในประเด็นดังกล่าวด้วย

"ผมเองก็เคยเห็นพ้องกับบางพรรคการเมืองด้วยซ้ำว่า เรื่องการเกณฑ์ทหารก็มีข่าวออกมามากมาย เกณฑ์ไปแล้วก็ไปใช้เขาผิดวัตถุประสงค์ เกณฑ์ไปแล้วก็ไปทำให้เขาบาดเจ็บเสียหาย"

“จริงๆ คนอยากเป็นทหารมีเยอะ แต่เมื่อเขาอยากเป็นทหารแล้วให้เขาสมัครใจไปเป็นก็จะได้ทหารที่ดี และผมเชื่อว่าถ้าเราปรับปรุงสวัสดิการคนเข้าไปเป็นทหารแล้ว ต้องได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมกว่านี้ ลดจำนวนแต่คุณภาพดีขึ้น ขณะเดียวกันต้องฝึกเขา เป็นการฝึกที่ทำประโยชน์ให้กับสถาบันทหารได้จริงๆ อย่าไปฝึกเขาเลี้ยงไก่ อย่าไปฝึกเขาซักผ้า อย่าไปฝึกเขาล้างรถ ซึ่งพวกนี้มันไม่ใช่กิจที่จะให้พลทหารเขาไปทำ นอกจากดูไม่ดีแล้ว ผมว่ามันจะเสื่อมเกียรติของทหารด้วยซ้ำ” นายชัยเกษมกล่าว

ที่มา FB

Somsri Chantorn




ooo




รู้สึกเป็นห่วงวิธีคิดของ ผบ.ทบ.

ที่ถือเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ของประเทศ ที่มีท่าทีอ่อนน้อมอย่างยิ่งกับคนที่เสนอตัวเป็นแคนดิเดตนายกในการเลือกตั้งครั้งนี้ ที่มีที่มาจากการรัฐประหาร แต่แข็งกร้าวกับคนที่เสนอตัวมาเป็นตัวแทนประชาชนตามครรลองประชาธิปไตยแบบไร้เส้น ทั้งที่โดยสถานะผบ.ทบ. ต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง

ถ้าจะต้องให้บอกว่า จะเพิ่มงบให้กระทรวงกลาโหมจากแสนกว่าล้านบาทเป็นสองแสนกว่าล้านบาท แบบที่รัฐบาลนี้ทำ จึงจะเป็นคนไม่หนักแผ่นดินในสายตา ผบ.ทบ.

ดิฉันจะขอยืนยันในความถูกต้อง ที่ได้เสนอขอปรับลดงบกระทรวงกลาโหมให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของประเทศในปัจจุบัน ที่ประชาชนคนส่วนใหญ่กำลังเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส กับปัญหาปากท้อง และในเวลานี้ยังไม่ปรากฏภัยคุกคามทางความมั่นคงของประเทศ ถึงขั้นจะต้องใช้กำลังคนและ อาวุธยุทโธปกรณ์มากไปกว่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน

ดิฉันขออนุญาตพูดอีกครั้งหนึ่ง
เผื่อผู้มีอำนาจจะฟังบ้าง เราเสนอให้ลดงบประมาณลงเพียง 10% ในส่วนที่ใช้ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ที่เราเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องซื้ออย่างมากมายในสภาวะที่เศรษฐกิจของประเทศที่แย่อย่างทุกวันนี้

เราชวนกลาโหมให้มาช่วยกันสร้างโอกาส สร้างรายได้ให้กับคนรุ่นใหม่ และประชาชนคนตัวเล็ก ๆ ในภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำและตำแหน่งงานน้อยลง งานหายากขึ้น และคนจะตกงานมากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ จากภาวะเศรษฐกิจ และความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่เข้ามากระทบต่ออาชีพต่าง ๆ
ซึ่งเราต้องเตรียมความพร้อมให้กับประชาชนคนไทยและเด็กรุ่นใหม่ของเรา

งบประมาณที่ขอแบ่งมา 10% นี้เป็นจำนวน เพียง 20,000 ล้านบาท จากงบประมาณกระทรวงกลาโหม ทั้งหมด กว่า 200,000 ล้านบาท จะเอามาช่วยคนรุ่นใหม่ให้มีอาชีพ ได้เป็นเจ้าของธุรกิจ ซึ่งจะช่วยเด็กรุ่นใหม่ และประชาชนได้ มากกว่า30,000 คนต่อปีซึ่งเป็นการให้โอกาสคนรุ่นใหม่ได้มาเป็นกำลังในการผลิตและสร้างรายได้ให้กับประเทศ

ทหารและงบประมาณทหารมีความจำเป็น แต่ควรใช้เท่าที่จำเป็นและใช้ให้มีประสิทธิภาพต่อการพัฒนากำลังพลและศักยภาพของกองทัพ

การเสนอให้ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ให้ใช้ระบบสมัครใจเข้ารับราชการ จะ เป็นการพัฒนาบุคลากรที่เข้ารับราชการทหารเพราะได้เข้ามาด้วยความเต็มใจก็จะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งจะใช้งบประมาณน้อยกว่า

เรายืนยันว่างบประมาณส่วนที่ขอแบ่งมาจากงบซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์เพียง 10% นี้จะไม่กระทบต่อการดูแลรายได้ และสวัสดิการของกำลังพล ตรงกันข้ามเรากลับมองว่า เราควรจะสนับสนุนในการเพิ่มเงินเดือนและสวัสดิการของทหารชั้นผู้น้อย เพื่อให้เขามีคุณภาพชีวิตดีขึ้น สมกับความเสียสละของเขาที่ถือเป็นเหล่าทหารกล้า

โดยส่วนตัวดิฉันชื่นชมทหารที่เป็นทหารอาชีพ เพราะเขาเหล่านั้นเป็นผู้เสียสละในการปกป้องอธิปไตยของชาติ และสนับสนุนให้ทหารอาชีพเหล่านี้ได้มีเกียรติมีศักดิ์ศรี และมีคุณภาพชีวิตที่ดี

แต่ดิฉันไม่ชื่นชมทหารที่มาทำรัฐประหารยึดอำนาจจากประชาชน

ผลิตโดย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
พรรคเพื่อไทย 

ที่มา FB