ว่องไวเช่นกัน ศาลรัฐธรรมนูญของ คสช. รับคำร้องของ
กกต.ที่ขอให้ตัดสินยุบพรรคไทยรักษาชาติ มิได้รอช้า ให้เวลาผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน
๗ วัน โดยศาลจะมีการประชุมพิจารณาครั้งหน้าวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์
แต่ฟากประชาชนมีปัญหาหน่อย ติงว่า “งามไส้! ศาลรัฐธรรมนูญที่กำลังรับเรื่องการยุบพรรคไทยรักษาชาติ มีตุลาการ ๕
คน ‘หมดอายุไปนานแล้ว’ แต่ คสช.ใช้ มาตรา ๔๔ ต่ออายุให้อยู่ยาว คุมถึงหลังเลือกตั้งได้เลย”
(ขออนุญาตคัดข้อความจาก independence @redbamboo16 มาใช้)
เขาอ้างแหล่งข่าว #มิตรสหายท่านหนึ่ง แจ้งว่าตุลาการทั้ง ๕ คนได้แก่ นายนุรักษ์
มาประณีต (ประธาน) นายจรัญ ภักดีธนากุล นายชัช ชลวร นายบุญส่ง กุลบุปผา
และนายอุดมศักดิ์ นิติมนตรี ซึ่งกำหนดหมดวาระหน้าที่ครบ ๙ ปีในกลางปี ๒๕๖๐
แต่ คสช.ออกคำสั่งวันที่ ๒๐ เมษา ๖๐ “ให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป”
จนกว่าจะมีกฎหมายฉบับใหม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมาบังคับใช้ และจนป่านนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าอย่างใด
จึงเป็นตุลาการเสียงข้างมาก ๕ ใน ๙ ที่อยู่รอตัดสินยุบพรรค ทษช.จนได้
ถึงอย่างนั้นฟากประชาชนก็ทำงานว่องไวแข่งกัน
เช้าวันที่ ๑๕ ก.พ. นายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพ
“ในฐานะประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง” เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต.ให้พิจารณาและวินิจฉัยส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคพลังประชารัฐด้วย
เนื่องจาก พปชร.กระทำการ ‘เป็นปฏิปักษ์’ ต่อการปกครองแบบไทยๆ (ชื่อยาวอันเป็นที่รู้กัน) เหตุเพราะ “พล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.ได้อำนาจการปกครองมาจากการปฏิวัติ
เป็นบุคคลที่มีที่มาโดยมิชอบ ยึดอำนาจมาบริหารประเทศต่อ
ซึ่งไม่เป็นไปตามครรลองระบอบประชาธิปไตย และขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ”
นอกจากนั้นประยุทธ์ยังเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ รับเงินเดือน
(บวกเบี้ยเลี้ย เบี้ยประชุม ค่าเดินทาง จิปาถะ) จากงบประมาณแผ่นดิน
แล้วรับเป็นแคนดิเดทตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพรรค พปชร. ต้องห้ามตามมาตรา ๑๔ ของ
พรป.เลือกตั้ง
โดยมาตรฐานเดียวกันเด๊ะกับการมีมติให้พรรค
ทษช.มีความผิดที่ยื่นชื่อ ‘ทูลกระหม่อม’
อุบลรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ขอให้ กกต. ใช้มาตรา ๙๒ (๒) ของ
พรป.พรรคการเมืองชี้ว่าพรรค พปชร.สมควรถูกยุบ เช่นกัน
“ขอให้
กกต.ใช้มาตรฐานเดียวกันกับที่ดำเนินการกับพรรคการเมืองอื่นก่อนหน้า” และด้วยความว่องไวปานกัน
ถ้าหากยังประวิงเวลาหรือเบี่ยงเบนไปจากเดิมอย่างใดอย่างหนึ่ง “ถือเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา ๑๕๗” อันสามารถล่ารายชื่อประชาชน
๒ หมื่นคนเพื่อถอดถอน กกต.ได้
ทางด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ก็ออกมาเล่นด้วย
บอกว่าจะไปยื่น กกต.อีกคนว่าการที่ พปชร.เสนอชื่อประยุทธ์เป็นนายกฯ ก็ถือเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองไทยๆ
ด้วย นั่นยังไม่นับที่ประยุทธ์เป็นนายกฯ เป็นหัวหน้า คสช. เป็นนู่นเป็นนี่ “ชัดยิ่งกว่ากรณีพรรคไทยรักษาชาติ”
หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวทิ้งท้ายว่า “กรณีพรรคไทยรักษาชาติ
๓ วันทำเสร็จ ถ้าผมยื่นจะทำหรือไม่ ข้อหาเดียวกันด้วย ถ้าไม่ทำ ก็จะดำเนินคดี
กกต.ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ”
การนี้มีนักวิชาการรัฐศาสตร์ของจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย
ให้ความเห็นเสริมต่อการที่ประยุทธ์รับเป็นแคนดิเดทนายกฯ ของ พปชร.
ว่าเป็นเรื่องของ ‘ผลประโยชน์ทับซ้อน’ โจ่งแจ้ง
ผศ.ดร.พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย แจงว่า
“หากตัดเรื่องเป็นแคนดิเดตนายกฯ ออกไป
ตามหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญแล้ว การที่คุณประยุทธ์ดำรงตำแหน่งหัวหน้า คสช. และนายกฯ
ในขณะเดียวกัน ถือเป็นการกระทำต้องห้าม ทำมิได้อยู่ดี ตรรกะเดียวกันกับการห้าม สส.
เป็นผู้พิพากษาในเวลาเดียวกัน เพราะเรื่องอำนาจหน้าที่ทับซ้อน”
(https://www.matichon.co.th/politics/news_1364881HvsD8Y, http://www.komchadluek.net/news/breaking-news/362704GMBTPI และhttps://www.matichon.co.th/politics/news_1364294F-ByY)
ดร.พรสันต์ ยังให้ความเห็นในประเด็นที่มีเสียงวิจารณ์ว่า
การตัดสินยุบพรรค ทษช. จะมีผลให้กรรมการบริหารพรรคทั้งชุด ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ‘ตลอดชีวิต’ ว่า “นี่คือหนึ่งในปัญหาของรัฐธรรมนูญ
๖๐
การตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตถือเป็นแนวคิดที่ขัดกับกติการะหว่างประเทศที่ไทยก็ลงนามไว้เอง
อีกทั้งศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปก็เคยตัดสินว่าบทลงโทษแบบนี้ละเมิดสิทธิมนุษยชน” (พรสันต์) @pornson
อีกข้อหาที่ร้ายแรงทีเดียวหากเป็นพรรคการเมืองอื่นที่ไม่ใช่ตั้งขึ้นในกำกับของ
คสช. ซึ่งนายวิญญัติชี้แจงว่าพรรค พปชร. จัดตั้งขึ้นมาโดยผิดกฎหมาย “มีกลุ่มบุคคลครอบงำการจัดตั้งพรรคโดยเรียกรับผลประโยชน์เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้ง
(จัดเลี้ยงโต๊ะจีน)
และใช้ตำแหน่งเจ้าพนักงานของรัฐโดยมิชอบ
เพื่อเป็นคุณหรือเป็นโทษต่อผู้สมัครหรือพรรคการเมือง” นี่มีตัวอย่างเยอะเลย ที่ ‘ไอลอว์’ ระบุ นอกจาก ‘โต๊ะจีนหรู’
แล้วยังมีเรื่องคนนอกครอบงำพรรค คือ
“๑๕ มกราคม ๒๕๖๒ พล.อ.ประยุทธ์ ได้สั่งให้ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ให้ไประงับไอเดียของแกนนำพรรคพลังประชารัฐที่นำประเด็นที่ดิน
ส.ป.ก. ๔-๐๑ ไปหาเสียง เพราะขัดต่อเจตนารมณ์การใช้ที่ดินของรัฐ”
กับเรื่องที่มีการบีบบังคับประชาชนสมัครสมาชิกพรรค พปชร.
เพื่อแลกกับการได้บัตรคนจน “ในพื้นที่ ต.สามัคคี อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร...
เมื่อสำนักข่าวเข้าไปตรวจสอบในพื้นที่ ประชาชนที่จังหวัดยโสธรยืนยันว่า ถูกเจ้าหน้าที่ของว่าที่ผู้สมัครส.ส.พรรคการเมืองพรรคหนึ่งบังคับ ให้สมัครเป็นสมาชิกพรรคก่อนจึงจะทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้”
รวมทั้งพฤติกรรมเอาเปรียบในการหาเสียงต่างๆ
ดังที่มีการแชร์ภาพเกลื่อนเว็บเวลานี้ จากเหตุการณ์ต้อนรับประยุทธ์ลงพื้นที่หาเสียงในตำแหน่งนายกฯ
ของ คสช. มีการขึงผ้าเป็นแถบสีธงชาติ พิมพ์ข้อความทับว่า “ขอสนับสนุน...(ลุงตู่)
เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ ๓๐ สู้ๆ...”
EIEIO @CoollerJam ทวี้ตว่า “ไม่รู้หรือครับการ ประดิษฐ์รูป ตัวอักษร ตัวเลข
หรือเครื่องหมายในผืนธง รูปจำลองของธง ในแถบสีธง มันผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.บ. ธง ๒๕๒๒
มาตรา ๕๓ ข้อ ๑” เขาอ้างอิงให้ไปดูเว็บของกฤษฎีกา https://goo.gl/5z1r6J
กับที่ควรสังเกตุอีกอย่างจากโพสต์ของ วาสนา นาน่วม เรื่อง ‘ไพร่พลลำโพง’
คอยบริการไม่ว่าประยุทธ์จะไปลงพื้นที่แห่งไหน จะมีทหารมายื่น ‘ไมค์ลอย’ ให้ประยุทธ์พูดออกเครื่องขยายเสียง ดังลั่นทั่วบริเวณ
“คนถือไมค์ฯ ไม่เท่าไหร่
แต่คนแบกลำโพงนี่สิ..หนักพอดู จนท.ของปภ. -กรมป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน มหาดไทย
ฝึกบรรเทาสาธารณภัยแบบบูรณาการ IDMEx 2019”