จ้าวหลักการ 'มีสองสภา' ตู่อ้าง สว.ลากตั้ง ‘มีสมอง’

 

ถูกฝ่ายประชาธิปไตยยั่วยุให้ออกมาดีเบทด้วยอย่างไร ตู่ไม่ฉุน ไม่ยอมตกหลุมพลาง ตั้งหน้าเอาชนะด้วยตัวช่วยต่างๆ ที่จัดตั้งจัดวางเอาไว้ กฎหมายเลือกตั้ง กฎหมายพรรคการเมือง ยันรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะข้อได้เปรียบอุกฉกรรจ์ สว. ๒๕๐ เสียง ตัวเลือกนายกฯ

เพลวันศุกร์-ประยุทธ์ตอบคำถามเรื่องแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาที่รออยู่อีก ๑๙๔ คนไปถึงไหน ตอนนี้มีการลิสต์รายชื่อไว้แล้ว ยังไม่มีการทาบทาม รอส่งหนังสือไปถึงเจ้าตัวว่าเขาจะตอบรับหรือไม่ “เจ้าตัวอาจไม่มาก็ได้” อ้างบางคนต้องเสียสิทธิประโยชน์ที่มีอยู่

อ้างอีกว่า “คสช.ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ” โทษ สว.ที่ผ่านมาจากการเลือกตั้ง “เป็นอย่างไร เป็นเครือข่ายกันแบบไหน ก่อนหน้านี้ทำไมไม่ดูว่าเป็นเครือข่ายกับใคร เป็นเครือข่ายกับพรรคการเมืองและนักการเมืองหรือไม่”

แต่แล้วพอถูกแย้งว่า สว.ที่ คสช.ตั้งเองเหล่านี้จะไปโหวตเลือกประยุทธ์เป็นนายกฯ ล่ะ ก็แถไปอีกว่า ‘ไม่ใช่’ แค่โหวตตอน “พอเสนอชื่อขึ้นมาแล้วพรรคอื่นไม่ยอมรับ ก็จะมีความขัดแย้งกันต่อไป จึงจ้องหาวิธีการปลดล็อกตรงนี้ เพื่อให้ ส.ว.เข้ามาร่วมพิจารณาด้วยได้”

ทำเป็นจ้าวหลักการว่า “เป็นเรื่องของการมีสองสภา” ทั้งที่โบร่ำโบราณเคยมีแค่สภาเดียว พวกทหารยึดอำนาจรุ่นพี่ๆ นี่แหละที่มาแก้ ยังอีก “แม้ส.ว.จะตั้งมาจากผม แต่ถามว่าพวกคุณจะดูถูกทั้ง ๒๕๐ คนนี้หรือ เขาไม่มีสมองหรือ เขาไม่รักประเทศหรือ”

เฮ้ย ไปโน่นแน่ะ ถ้าพวกนี้ ๑๙๔ คนที่ คสช.ตั้งโหวตให้แคนดิเดทนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐเพราะสำนึกในบุญคุณ อีก ๖ คนที่เป็นแม่ทัพนายกองโหวตให้ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะรักบูชาในฐานะนายเก่า เหลืออีก ๕๐ คนชั่งหัวเผือกหัวมัน อย่างนี้ ‘มีสมอง’ และ ‘รักประเทศ’ แค่ไหน

(https://www.matichon.co.th/politics/news_1374637)

ฟังนักกฎหมายสำนัก มธ. หน่อยเป็นไร อจ.ธีระ สุธีวรางกูร อดีตสมาชิกคณะนิติราษฎร์รุ่นบุกเบิก บอก “ไม่ใช่เรื่อง สว. มีหรือไม่มีสมอง แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า การที่ท่านเป็นคนเลือก สว. แล้ว สว.ที่ท่านเลือกก็จะมาเลือกท่านเป็นนายกฯ

นั้นมันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ เป็นเรื่องของการมีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งคนที่มีใจนักเลงเขาจะไม่ทำกัน เพราะมันทุเรศ” นั่นไง ที่จริงวิธีการอย่างนี้ ‘ใช้ตัวช่วย’ มันก็คือสิ่งที่ ปิยบุตร แสงกนกกุล ตอบจอมขวัญในรายการดีเบทไทยรัฐครั้งที่สองว่า ‘ขี้โกง’ ดีๆ นี่แหละ

ไม่เพียงโกงเฉพาะตอนจะเลือกตั้ง แต่ยังโกงเก็บไว้รอใช้ตอนกลับมาครองเมืองอีกสมัยหน้า แล้วยังจะมีหน้ามาอ้าง “วันนี้ตนเป็นขึ้นมาก็กลายมาเป็นเครือข่ายของตน ทั้งๆ ที่ความจริงก็เห็นกันว่า พ.ร.บ. หลายฉบับที่พิจารณากันในสภาไม่เคยออกมาได้ง่าย”

นี่เขาเรียกปากเปรอะพูดไปเรื่อยเปื่อย สนช. นี่นะออกกฎหมายยาก แล้วที่ผ่านรวดสามวาระกี่ฉบับล่ะ กับที่กำลังเร่งที่ปลายมืออีกสองสามฉบับอยู่นี่ กฎหมายพันธุ์ข้าวเอย กฎหมายโรงงานอีก ชั่วร้ายหนักกว่าใครก็กฎหมายความมั่นคงไซเบอร์นี่ละ

ตอนนี้เข้าไปสู่การพิจารณาวาระ ๒ และ ๓ กะจะออกมาให้ได้ก่อนเสร็จเลือกตั้ง ที่รองโฆษกพรรคเพื่อชาติดร.รยุศด์ บุญทัน พยายามโวยให้ สนช.ชะลอมือไว้ก่อน เพราะเห็นว่าเป็นกฎหมายที่มีเนื้อหา “ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนขั้นร้ายแรง

อาทิ การให้อำนาจของเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ Cyber Security ในการเข้าตรวจค้น ยึด ข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ โดยเหตุเเค่เพียงต้องสงสัย เเละไม่มีการตรวจสอบถ่วงดุลขอหมายค้นจากศาล ซึ่งเป็นการผิดหลักการของกระบวนการยุติธรรมในทางสากล”

(https://www.matichonweekly.com/hot-news/article_172629)

ส่วนร่างกฎหมายโรงงานนั่น เดชะบุญได้ทราบจาก ‘iLaw Club’ “ไม่มีผู้ใดอภิปรายมาตรา ๔ ที่มีการแก้ไขนิยามของคำว่า ‘โรงงาน’ ใหม่จากกฎหมายเดิม ที่อาจทำให้โรงงานมากกว่า ๖ หมื่นแห่ง หลุดจากการควบคุมตาม พรบ.โรงงาน”

เรื่องนี้มีคอมเม้นต์จาก Pipob‏ @pipob69 ว่า “พอคนโพสต์เรื่อง #ฝุ่นPM25 มันมาไล่จับ แต่โรงงานที่ก่อ #ฝุ่นPM25 เหล่านี้ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการได้ตลอดชีพ และผ่อนปรนมาตรการต่าง ๆ เลือกลุงตู่สิครัชได้ดมฝุ่นต่อไปแน่”

ด้านร่าง พรบ.พันธุ์ข้าวนั้นเล่า ฉบับเดิมยัดเข้าไปผ่านวาระแรกแล้ว พอจะเข้าวาระสองมีการปรับแก้จากกระทรวงพาณิชย์พอสมควรให้ดูดีกว่าร่างเดิมหน่อย ผ่อนผันในเรื่องการผลิตพันธุ์กล้าไว้ใช้ภายในที่นาของตัวเองได้

 

เสร็จแล้วเป็นไง ตอนนี้พรรคพลังประชารัฐเอาไปหาเสียงคัดค้าน ไม่พอใจร่างฉบับที่มีการแก้ไขนี้เสียแล้ว นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กรรมการบริหารพรรค อดีต กปปส. อดีตรองเลขาฯ สำนักนายกฯ ไปพูดที่ชัยนาทเมืองข้าว

“วันนี้ขอพูดถึง พ.ร.บ.ข้าว ที่มีปัญหาอยู่ มีอยู่แค่ ๒ มาตราเท่านั้น คือ มาตรา ๒๐ ที่ระบุว่า คนซื้อรับข้าวเปลือกต้องมีใบรับส่งข้าว ไปให้กรมการค้า มาตรา ๒๗ บอกว่าคนปลูกข้าวก่อนขาย ต้องไประบุด้วยว่าพันธุ์อะไร”

พุทธิพงษ์คุยว่าถ้า พปชร.ได้รับเลือก “ได้เป็นผู้แทนราษฎร เราจะยกเลิกมาตรา ๒๐ และชะลอการใช้มาตรา ๒๗ เพราะยังไม่ถึงเวลา ยังไม่ต้องเอา”

(https://www.matichon.co.th/politics/news_1374307)

นั่นเขามั่นใจว่าแค่ได้รับเลือกตั้งเข้าสภาผู้แทนฯ เท่านั้นนะ จะสามารถยกเลิกบทบัญญัติบางมาตราในกฎหมายฉบับใดฉบับหนึ่งได้ดังใจ นึกหรือว่าชาวนาชัยนาทนี่ยังขั้นปฐมภูมิ ไม่ค่อยใช้เครื่องยนต์หรือแม้แต่อีแต๋นไถนา คุ้นกันแต่ควายจึงจะได้เชื่อพุทธิพงษ์ง่ายๆ