วันพุธ, กุมภาพันธ์ 20, 2562

สนช.ประเคนให้อีก พรบ.พันธุ์ข้าว ประดับบารมี 'เจ้าสัว' ที่แนบแน่นทหาร

มัวแต่ใส่ใจ ซิงเกิ้ล เก่าเอามาโปรโมทใหม่ หนักแผ่นดิน ที่มีคนบอกว่าฟาดเข้าไปร้อยล้านแล้วขั้นทดลองจ่ายให้อำนาจ ผบ.ทบ. ไม่นับรายได้ส่วนตัวขณะนี้ ยืนยันได้ว่าหนัก (งบประมาณ) แผ่นดิน ในระดับต้นๆ

(นอกจากเงินเดือน ผบ.ทบ. แสนสอง เงินเดือน คสช. หย่อนหน่อยแต่ก็เกือบแสนสอง เงินเดือน สนช. อีกแสนกว่า บวกเบี้ยประชุมยุทธศาสตร์ชาติครั้งละ ๖ พัน แถมเงินตอบแทนจากกองสลากแห่งชาติในฐานะประธานกรรมการเท่าไหร่ไม่รู้ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ มีรายได้ปกติเหยียบๆ สี่แสน)


ผู้คนเลยอาจไม่ได้ใส่ใจเท่าที่ควรกับรายการประเคนให้ คสช.ตามต้องการ ที่ สนช. เร่งมือ ผ่าน ตอนตีนปลายอยู่ขณะนี้ คือ พรบ.ข้าวที่เข้าสู่การพิจารณาในวาระ ๒ ของ สนช.วันนี้ (๒๐ กุมภา) และมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันหนักหน่วงมาเกือบอาทิตย์แล้ว

โดยเฉพาะในประเด็นที่จะทำให้ชาวนาไม่สามารถเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ใช้ในปีต่อไปได้ หากไม่จดทะเบียนตามระเบียบของกรมการข้าว ไม่เช่นนั้นจะมีโทษจำคุก ๑ ปี และปรับไม่เกิน ๑ แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ

เรื่องนี้ถูกเปิดประเด็นตั้งแต่วันที่ ๑๐ ก.พ.โดยนักวิจัย ทีดีอาร์ไอ ที่กล่าวถึงร่างฯ มาตรา ๒๗ และ ๓๔ ซึ่งนอกจากจะให้อำนาจรับรองการพัฒนาและการค้าเมล็ดพันธุ์ข้าวต่อกระทรวงเกษตรฯ ผ่านกรมการข้าว

“และให้อำนาจเจ้าหน้าที่จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สามารถเข้าไปตรวจสอบโรงสีโดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า ทั้งที่หน้าที่นี้ควรเป็นของกรมการค้าภายใน” ซึ่ง ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร ชี้ว่า “การให้อำนาจนี้เสี่ยงต่อประเด็นการเรียกรับ (การทำมาหากิน) ของเจ้าหน้าที่”

เป็นเหตุให้รัฐบาล คสช. ผ่านทางรองโฆษกสำนักนายกฯ ออกมาแก้ต่างพร้อมทั้งขู่ว่า ข้อมูลที่แชร์กันแพร่หลายไม่ถูกต้อง “ผู้ที่โพสต์หรือส่งต่อข้อมูลที่บิดเบือน อาจเข้าข่ายกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ด้วย”

พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค ชี้แจงกรณีที่เป็นข่าว พรบ.ข้าวกำหนดความผิดชาวนาที่เก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ “และยังเป็นกฎหมายที่เอื้อนายทุนด้วยนั้น” รองโฆษกฯ อ้างถึงบางเพจที่โวยเรื่องคุก ๕ ปี ปรับ ๕ แสน “รัฐบาลขอยืนยันว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง”

ถึงอย่างนั้นก็ได้มีนักแสดงตลก (ป๋องแป๋ง มกจ๊ก) อัดคลิปครวญเพลงโอดเรื่องทุกข์ยากของชาวนา ที่มาถูกซ้ำเติมด้วย พรบ.ข้าว ออกแพร่หลายเกลื่อนแล้ว
 
มิใยรัฐมนตรีช่วยว่าการพาณิชย์ จะออกมาย้ำข้อแก้ตัวตามแถลงของนายกรัฐมนตรีด้วยว่า กระทรวงได้ทำการปรับแก้ร่างเดิมที่ส่งไปให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้ว “กระทรวงพาณิชย์ไม่เห็นด้วยในหลายประเด็น และเสนอความเห็นที่ควรปรับแก้ตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้ว

ซึ่งในร่างฉบับที่จะเสนอสนช. พิจารณาในวันที่ ๒๐ ก.พ. นี้ ได้มีการแก้ไขตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอขอแก้เป็นส่วนใหญ่แล้วค่ะ” แก้อย่างไร รมช. ชุติมา บุณยประภัศร ไม่ได้ลงรายละเอียด จึงต้องหันไปหานักวิชาการเศรษฐศาสตร์ ม.เกษตรฯ

อจ.เดชรัตน์ สุขกำเนิด โพสต์ข้อความทางโซเชียลมีเดีย “ขอเคลียร์เรื่อง ร่าง พ.ร.บ. ข้าว จากร่างที่กำลังเข้าสู่การพิจารณาของ สนช. มาตราที่ห้ามมิให้คนที่ไม่มีใบรับรองพันธุ์ข้าวขายเมล็ดพันธุ์ข้าวคือ มาตรา ๒๖ (ตอนนี้ขยับเป็นมาตรา ๒๗ แล้ว)

มาตรานี้มีโทษจำคุก (ไม่เกินสองปี) และโทษปรับจริงตามที่เป็นข่าว (ระบุไว้ในมาตรา ๓๔) อย่างไรก็ดี มาตรานี้มีข้อยกเว้นไว้สำหรับ “ชาวนาที่ขายและแลกเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ข้าวจากที่นาที่เป็นของตนเอง”

แปลว่า ชาวนาถ้าปลูกข้าวในที่ดินของตนเอง ขายได้ และแลกเปลี่ยนกับผู้อื่นได้ แต่หากเป็นชาวนาที่ไม่ได้ทำกินบนที่ดินของตนเอง (เช่น เช่านา) จะไม่ได้รับการยกเว้น แต่การให้ข่าวของหน่วยราชการบอกว่า “ชาวนาทั่วไปทำได้ไม่ผิด”

ตีความได้ว่า ร่างกฎหมายยกเว้นให้เฉพาะผู้ที่นำเมล็ดพันธุ์จากที่นาของตนเองไปขายหรือแลกเปลี่ยนเท่านั้น ถ้าเรานำข้าวที่ไม่ได้ปลูกในที่นาของตนเอง (เช่น แลกมาจากเพื่อน หรือเพื่อนให้มา หรือปลูกในนาเช่า) ไปขายหรือไปแลกเปลี่ยนกับคนอื่นอีกทอดหนึ่ง เราจะผิดทันทีครับ (ถ้าเอามาปลูกไม่ผิดนะครับ)”

อจ.เดชรัตน์อธิบายเพิ่มเติมในโพสต์ของเขาภายหลัง (๑๙ ก.พ.) ว่าข้อเสียของ พรบ.ข้าวฉบับนี้อยู่ที่ทางการพยายามแก้ปัญหาจากมุมมองของข้าราชการ ที่ต้องการเข้าไปกำกับควบคุมการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว จึงได้มีบทลงโทษปรากฏอยู่

“แต่บทบาทของเครือข่ายชาวนาในการอนุรักษ์และพัฒนาพันธุ์ข้าว กลับถูกมองข้ามไปอย่างน่าเสียดายจากผู้ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้” และจากการพูดคุยกับชาวนาและค้นคว้าวิจัยพบว่า มี หนามตำใจ พี่น้องชาวนากลุ่มนี้อยู่มากปัญหา

นับแก่การที่เจ้าของที่นาไม่เกื้อหนุนจุนเจือผู้เช่าที่ทำนาตามกฎหมาย การที่รัฐบาล คสช. ยกเว้นข้อบังคับผังเมืองเอื้อเจ้าสัวนายทุนเข้าไปตั้งโรงงานในพื้นที่ศักยภาพการผลิตข้าวชั้นดี มาตรการชดเชยต่อความเสี่ยงเรื่องภัยแล้งและน้ำท่วมอ่อนมาก

บวกกับความล่าช้าและด้อยประสิทธิภาพของหน่วยงานราชการในการตรวจรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ และความล้าหลังในการสนับสนุนระบบโลจิสติคส์กระจายสินค้า เหล่านั้นทำให้ชาวนากลายเป็นเบี้ยรองบ่อนของนายทุนใหญ่ๆ มาตลอด

ซ้ำร้ายในยุค คสช.ตลอดจะ ๕ ปีที่ผ่านมา เจ้าสัวรายใหญ่ๆ ไม่เพียงได้เป็นหุ้นส่วนประชารัฐของคณะรัฐประหารอย่างแนบแน่น ไม่ว่าเจ้าสัวเหล่านั้นจะเคยเป็นผู้ค้าอาหารสัตว์ โรงต้มเหล้า หรือค้าปลีกมาก่อน

เดี๋ยวนี้ทุกรายไม่เพียงมีเอี่ยวในโครงการเมกกะโปรเจ็คยักษ์ๆ ของ คสช. ไม่ว่าโทรคมนาคม ท่าเรือน้ำลึก อุตสาหกรรมไอที ฯลฯ เท่านั้น ต่างคนต่างยื่นมือควานลงไปในอ่างอุตสาหกรรมการเกษตรกันถ้วนหน้าด้วย

เจ้าสัวเหล่านี้มีนายทหารของ คสช.เข้าไปเป็นที่ปรึกษา กรรมการ ประดับบารมีกันสลอน จนทำให้นายทหารใหญ่บางคนบางรายเหลิงระเริงมากล้น เที่ยวชี้หน้าคนที่วิพากษ์วิจารณ์ว่า อย่าล้ำเส้น บ้าง หนักแผ่นดิน บ้าง

ระวังแล้วกันอย่าให้ เส้นของทั่น แผ่นดินของเธอว์ บางและเบาเสียจนก้าวล้ำและลอยล่องจนกู่ไม่กลับ