วันศุกร์, ธันวาคม 14, 2561

"นกหวีดไม่หวานเหมือนวันวาน" บทเรียนจากคนชั้นกลางโง่-อ่อนหัด-ถูกหักหลัง (บอกเลยว่าถึงคนชั้นกลางจะกร่นด่าเท่าไหร่เค้าก็ไม่ฟังคุณหรอก ก็คุณให้อำนาจที่มีให้เค้าไปแล้ว)




ooo





นกหวีดไม่หวานเหมือนวันวาน เมื่อคนชั้นกลางถูกหักหลัง
--------------------------------------------
ย้อนไปเมื่อ 5-6 ปีก่อนคนชั้นกลางในนาม กปปส.จำนวนมากออกมาเป่านกหวีดเรียกร้องให้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรยกเลิก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งต่อมาอดีตนายกปูก็ประกาศยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนตามครรลองประชาธิปไตย ไม่ต่างจากพี่ชายอย่าง ดร.ทักษิณ ชินวัตรก็เคยยุบสภาเมื่อประชาชนต้องการอำนาจคืนเช่นกัน หากแต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือ เรื่องที่ควรจบกลับไม่จบ แกนนำม๊อบไม่ยอมจบกลับยื้อต่อเนื่องจนนำไปสู่การรัฐประหารตามพล้อตเดียวกันเป๊ะ
.
หากแต่ผลที่ได้จากการรัฐประหารปี 49 ไม่เป็นดังหวังจึงต้องมีรัฐประหารปี 57 ตามมา ถามว่าใครล่ะได้ประโยชน์จากการรัฐประหารมีเพียงกลุ่มเครือข่ายอำนาจชั้นบนเท่านั้นชัยชนะของประชาชนมันได้มาตั้งแต่รัฐบาลประกาศยุบสภาแล้ว แต่คนที่ยังไม่ชนะคือกลุ่มเหล่านี้เพราะกติกาที่จะทำให้พวกเขาแพ้ยังอยู่ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องล้มโต๊ะเขียนกติกาใหม่ ท้ายที่สุดกลุ่มเครือข่ายรัฐประหารก็ชนะ ชนะทั้งกติกาและอยู่รอดปลอดภัยด้วยการตอบแทนกันและกันด้วยตำแหน่ง อำนาจหน้าที่
.
หากแต่กลไกแห่งความสำเร็จจริงๆนั้นคือกลุ่มคนชั้นกลางที่เข้าใจการเมืองเพียงตื้นเขิน หลงไปกับข่าวบิดเบือนและวาทะกรรมป้ายสียอมเป็นมือเป็นเท้าให้คนเหล่านี้ขึ้นสู่อำนาจ ครั้นพอได้สิ่งที่ต้องการนกหวีดกลับไม่หวานเสียแล้ว เพราะผลพวงจากการรัฐประหารทำให้ต่างประเทศแบนเราส่งผลทางเศรษฐกิจโดยตรง บริษัทห้างร้านหากินฝืดเคือง ขณะที่คณะรัฐประหารกินภาษีของประชาชนสบายๆ จ้างญาติพี่น้องมาทำงานกันให้ทั่ว และที่ยังมีพฤติกรรมว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเองที่เคยไปว่าฝ่ายประชาธิปไตยเสียๆหายๆไว้อย่างไรหากแต่วันนี้กลับทำเองเสียหมด เอาผิดเฉพาะฝั่งตรงข้ามแต่ฝ่ายเดียวกันมองข้ามแถมยังออก ม.44 ปกป้องอีกด้วยอย่างล่าสุดที่กรรมการสภามหาวิทยาลัยไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน แต่ที่เจ็บใจที่สุดคงเหมือนโดนหักหลัง คือการหวังต่อท่ออำนาจอยู่ยาวจนลืมสิ่งที่เคยให้สัญญากับประชาชนที่สนับสนุนมาเสียสิ้น ปฏิรูปอะไรยังไม่เป็นชิ้นเป็นอันสักอย่างแต่พอจะหมดอำนาจก็กลับมาใช้ประชานิยมเรียกคะแนนโดยใช้วาทะกรรมเปลี่ยนชื่อเสียสวยหรูว่า "วิเศษนิยม"
.
วันนี้เครื่องมือชิ้นเดิมอย่างคนชั้นกลางนั้นหมดประโยชน์เสียแล้วหากแต่เครื่องมือชิ้นใหม่ของพวกเขาคือกลุ่มคนที่ถือบัตรคนจนฐานเสียงเดิมของพรรคการเมือง การนำเงินภาษีประชาชนไปใช้ในลักษณะของการให้เปล่าๆโดยโครงการที่มีชื่อคล้องจองกับพรรคการเมืองที่จัดโดยรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งอยู่ด้วยถึง 4 คน แบบนี้ไม่เรียกหาเสียงล่วงหน้าก็ไม่รู้ว่าจะเรียกอะไรแล้ว
.
คนชั้นกลางจำนวนมากเริ่มบ่นกันแล้วว่าทำงานมาแทบตายกลับไม่ได้สิทธิประโยชน์อะไรเลยหากแต่สิ่งเหล่านั้นกลับไปตกอยู่กับผู้ถือบัตรคนจนที่บางคนก็จนไม่จริง มันน่าเจ็บปวดไหมล่ะตอนถูกหลอกให้รับร่างรัฐธรรมนูญ โดนมีชัยหว่านล้อมว่า มันยุติธรรมแล้วหรือที่จะให้เศรษฐีได้รับสิทธิประโยชน์เท่าคนจน แท้จริงแล้วคนรวยในประเทศนี้มันมีแค่ 5 % ที่เหลือคือคนชั้นกลางกับคนจน แต่คนจนยังมีบัตรดูแลแล้วคนชั้นกลางล่ะดูแลตัวเองไปสิ หากเรายังใช้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน มีโครงการที่ให้ทุนกับประชาชนแบบหมุมเวียนอย่างยั่งยืนแบบกองทุนหมู่บ้าน ทุกคนมีบัตรทองที่ได้สิทธิเท่าเทียมกัน มีการกระจายรายได้ผ่านโครงการต่างๆแบบสมเหตุสมผล ได้ระบบรถไฟความเร็วสูงใช้ตั้งแต่หลายปีก่อน มีสร้างงานสร้างอาชีพอย่างกลุ่ม OTOP เงินจะหมุนเวียนจากรากหญ้าไปสู่ท้องถิ่นสู่นายทุนอย่างเป็นระบบรัฐจะเก็บภาษีได้สม่ำเสมอ เศรษฐกิจก็จะดีตามไปด้วย ไม่ใช้การให้เปล่าด้วยภาษีคนกลุ่มหนึ่งไปช่วยคนอีกกลุ่มหนึ่งแบบนี้ แล้วเอารายได้จากรากหญ้าเข้ากระเป๋านายทุนโดยตรง
.
บอกเลยว่าถึงคนชั้นกลางจะกร่นด่าเท่าไหร่เค้าก็ไม่ฟังคุณหรอก ก็คุณให้อำนาจที่มีให้เค้าไปแล้ว ถึงการเลือกตั้งกำลังจะมาถึงแต่กลไกที่เค้าวางไว้ทำให้เค้าจะอยู่ในอำนาจไปอีกยาวๆ และบรรดาคนชั้นกลางก็จะต้องเข้าสู่ยุคภาษีอานแน่นอน เพราะผู้นำหาเงินไม่เก่ง แค่ตอนนี้เจอภาษีความหวาน ภาษีความเค็ม ขึ้นราคาบุหรี่ ขึ้นค่าไฟ เก็บภาษีแม่ค้าออนไลน์คนชั้นกลางก็เริ่มไม่ไหวกันแล้ว ถ้าไม่อยากเป็นแบบนี้ก็ต้องร่วมกันเอาชนะ 250+ 163 เสียงให้ได้ถ้าไม่สามัคคีกันตอนนี้ต่อไปคงไม่รอดแน่ๆ
----------------------------
#ไขลานความคิด


ไขลานความคิด

...

เมื่อโง่มาก ก็ช่วยไม่ได้ที่จะถูกหลอกและถูกหักหลัง โดย ชนชั้นสูงที่ปกครองประเทศ!

ตัวเลขการถือครองทรัพย์สินและมั่งคั่ง ของ ชนชั้นกลางไทย( 11% - 40%ในระดับบนสุด) ของประเทศนี้ ที่ลดลงไปเกือบ 40%ในห้วง5ปีนี้ จากที่เคยมีส่วนแบ่งอยู่ 18.4 ในปี 2014 ลดลงเหลือ 11.2% ในปี 2018*

คงบ่งบอกอะไรได้พอสมควร เพราะ คนชั้นกลางในกลุ่มนี้ กำลังถูกผลักให้เปลี่ยนฐานะเป็นชนชั้นเกือบจน แต่ไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น

ข้อมูลเปรียบเทียบ จาก รายงาน Global Wealth data book 2018(หน้า 156) เทียบกับ ปี 2014(หน้า 147)


พลเมืองต่อต้าน Single Gateway เพื่อเสรีภาพและความยุติธรรม #opsinglegateway

...




...

5ปีที่ผ่านมาคงเป็นบทเรียนได้ดีว่า วาทกรรมลวงโลกอย่าง เผด็จการรัฐสภา เผด็จการทักษิน ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ปรองดอง ปฏิรูป ไม่เคยเป็นจริงสักเรื่อง วันนี้เราจึงเห็นปีศาจหน้าดำที่เคยออกมาขัดขวางเลือกตั้ง เดินเพ่นพ่านไปทั่วด้วยวาทกรรมเน่าๆ "คารวะแผ่นดิน"