‘ลิเบอร่าน’ ที่ไหนๆ
ก็ฟัดกันตุงนังทั้งนั้นแหละ ท้ายที่สุดแล้วอยู่ที่เป้าหมายในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง
อย่างเช่นเลือกตั้งอเมริกันเมื่อวันอังคาร
ฝ่ายเดโมแครทต้องการยึดสภาผู้แทนคืนก็ได้ดังคาด ด้วยแรงหนุนของกระบวนการ #Me
Too
ทำให้ผู้สมัครสตรีได้รับเลือกตั้งเข้าสู่สภาล่างมากอย่างไม่เคยมีมาก่อน
มี ส.ส.หญิงอายุน้อยที่สุดเป็นประวัติการณ์ ๑ คน เชื้อสายอินเดียแดง ๒ คน
เลือดฮิสแปนิค (หรืออเมริกากลาง-ใต้) ๒ คน เป็นสตรีผิวดำก็หลาย รวมทั้งที่เพศสภาพ LGBTQ แม้กระทั่งที่เป็นเกย์อย่างเปิดเผยได้เป็นผู้ว่าการรัฐก็คนหนึ่ง
โดยเฉพาะ อเล็กซานเดรีย อ็อคแคสิโอ-คอร์เทซ ซึ่งมีอุดมการณ์ก้าวหน้า-สังคมนิยม
นั้นกว่าจะผ่านด่านพวก establishments ในพรรคเดโมแครทตั้งแต่ไพรมารี่มา
ก็ต้องเถียงกันเองอย่างหัวร้อนมาแล้วโชก ฉะนั้นวิวาทะระหว่าง ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์
กับ คริส โปตระนันทน์ เป็นเพียงน้ำพริกจิ้มอย่างเผ็ดเท่านั้นเอง
ที่จริงก็ควรจะเป็นอย่างที่ปวินสรุปเอาไว้ในข้อ ๗ เมื่อ อะโก “ความสัมพันธ์ของปวินกับอนาคตใหม่
จบตรงนี้...แยกย้ายไปทำมาหากินต่อได้แล้ว” แต่อาจเป็นอย่างที่ Natwipha Nicki London เม้นต์ “เอ่อเรื่องใหญ่นะเนี่ย”
แล้วปวินตอบว่า “ดิชั้นไม่ทำเรื่องเล็กๆ”
ก็เลยต่อความยาวกันอีกนิดหน่อย มีทั้ง ประวิตร โรจนพฤกษ์ อธึกกิต แสวงสุข
และคุณช่อ โฆษกพรรคอนาคตใหม่
ก่อนจะไปถึงเรื่องพัวพันสามคนที่อ้างข้างต้น
ย้อนไปดูที่มาสักนิดซึ่ง ‘เวิ้ร์คพ้อยต์’ สรุปไว้ชนิดที่ปวินเองบอก
“อันนี้ยอมรับว่าสรุปได้ดีนะครับ”
เราตัดตอนไปเริ่มตรงวันที่ ๓๑ ตุลา เมื่อเฌอปราง อารีย์กุล กัปตันของคณะนักร้อง ‘บีเอ็มเค ๔๘’ ผู้เป็นพรีเซ้นเตอร์ให้ คสช.
หลายเดือนแล้วช่วงหลังๆ เงียบหายไป
จนกระทั่งมาให้สัมภาษณ์ Timeout.com พาดหัวบทสัมภาษณ์นี้ว่า
“เป็นเฌอปรางมันเหนื่อย: คุยกับกัปตัน BNK48 ในวันที่เธอเติบโตกลายเป็นไอดอลอันดับหนึ่งของประเทศ” โดยที่เจ้าตัวตอบว่า “ไม่ได้รู้สึกว่ามันต้องการมีชีวิตส่วนตัวอะไรหรอก
แค่เขาไม่บนเวลาเฌอหายไป เฌอก็แฮปปี้มากแล้ว”
นั่นละจึงมีวิพากษ์จากปวิน “ลำไยอีเฌอปรางมาก
บ่นว่าเหนื่อยนี่นั่น โทษนะคะ ทำงานอะไรไม่เหนื่อย...อาชีพอะไรก็เหนื่อยทั้งนั้นเพราะมันต้องเอาแรงงานแลกเงิน
ถ้าไม่อยากเหนื่อย ก็นั่งตะไบเล็บอยู่บ้าน ดัดจริตฉิบหายค่ะ”
นี่เองทำให้ ‘โอตะ’ หรือประดาแฟนคลับของเฌอปราง “ด่าดิชั้นว่าอิจฉาเด็ก
คอยแต่จ้องจะวิจารณ์” ปวินแฉ “ขำนะ
ที่โอตะพยายามเอาเรื่องที่ดิชั้นวิจารณ์เฌอปราง ไปผูกกับการที่ดิชั้นสนับสนุนพรรคอนาคตใหม่
เอารูปดิชั้นกับธนาธรไปลงแล้วพยายามบอกว่า โอตะทั้งหลายอย่าไปเลือกพรรคอนาคตใหม่
เพราะมีคนอย่างดิชั้นไปวิจารณ์สิ่งที่พวกเค้าคิดว่าแตะต้องไม่ได้...
ขอพูดสั้นๆ
คิดว่าธนาธรคงไม่แคร์ฐานเสียงไร้คุณภาพเช่นนี้ มีโอตะโง่ งมงายตัวบุคคล
ถ้าจะมาสนับสนุนพรรค กลับทำให้พรรคเสียชื่อต่างหาก”
ก็เลยเดือดร้อนถึง คริส โปตระนันทน์ ใส่แหลก
“เห็นข่าวปวินออกมาแสดงความไม่มีวุฒิภาวะ
ต่อ ‘แคปเฌอ’ และโอตะทั้งหลาย จริงๆ ปวินไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพรรคของเรานะครับ
(แกเป็นแฟนคลับเราเฉยๆ ซึ่งเราก็ขอบคุณมาก แต่รอบนี้ผมในฐานะผู้ก่อตั้งพรรค
แกล้ำเส้นไปมากจริงๆ)”
จึงได้หมัดสวนกลับมาจากปวิน
“เมื่อดิชั้นประกาศศึกกับนักร้องเด็กที่ช่วยเผด็จการ
แล้วโอตะเอาดิชั้นไปเกี่ยวโยงกับอนาคตใหม่ คุณรู้ไหมคะ
สมาชิกพรรคคนหนึ่งรีบออกมาผลักไสดิชั้น แถมด่าดิชั้นว่าไม่มีวุฒิภาวะ
เพราะหวังคะแนนเสียงจากโอตะ”
ฉะนี้ ประวิตร โรจนพฤกษ์ จึงได้ถามไปที่ ‘ช่อ’ พรรณิการ์ วานิช ว่าการวิพากษ์ปวินโดยคริสนั้นสะท้อนจุดยืนของพรรคอนาคตใหม่หรือเปล่า
ได้ความว่า “สมาชิกพรรคทุกคนมีฐานะเท่ากัน...คำพูดของสมาชิกคนใดคนหนึ่งไม่สามารถถือได้ว่าเป็นมติหรือจุดยืนพรรค...
เสรีภาพในการแสดงความเห็นของทุกคน
จึงต้องมาพร้อมกับการรับผิดชอบส่วนบุคคลต่อการแสดงความเห็นนั้นด้วย” และเธอยังบอกกับปวินด้วยว่า
“เรื่องนี้จะเป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับสมาชิกพรรคหลายๆ คนค่ะ”
แต่ไม่พ้นถูกปวินค่อนแคะ “นี่คือ typical spokesperson ที่คุณหาพบได้ในตลาดนัดทั่วไป ลอยตัว ไม่รับผิดชอบอะไร
ไม่อยากเปลืองตัว ปล่อยให้เรื่องจางๆ เอง”
เช่นเดียวกับที่เขาโต้ ประวิตร โรจนพฤกษ์ “แดกดันว่าทำไมเพิ่งออกมาวิจารณ์”
พรรคอนาคตใหม่ “หรือเพราะผิดใจกันแล้วจึงวิจารณ์ เอ๊ะ
ก็เพราะก่อนหน้านี้เราเห็นด้วยกับนโยบายเค้า แต่ตอนนี้นโยบายเค้าเปลี่ยน
เราก็เริ่มไม่เห็นด้วยแล้ว มันผิดยังไง อยากถามนักข่าวเสี้ยมนิดนึง”
กระนั้นพรรณิการ์ไม่วายเสริมว่า “พรรคเราไม่วิพากษ์วิจารณ์ตัดสินการแสดงความเห็นส่วนบุคคลของใคร
และหวังว่าสังคมจะเปิดรับการวิจารณ์อย่างสร้างสรรค์
ไม่ลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้เห็นต่างหรือมีจุดยืนตรงข้ามกับตัวเอง”
ในส่วนที่เกี่ยวกับเฌอปรางนั้น พรรณิการ์ชี้แจงว่า “ศิลปินควรมีเสรีภาพในการแสดงจุดยืนทางการเมือง
หากเชื่อมั่นในระบอบอำนาจนิยมจริงๆ ก็มีสิทธิ์ที่จะสนับสนุนรัฐบาลทหาร”
นั่นเป็นต้นตอก่อเกิดคอมเม้นต์ของ Atukkit
Sawangsuk “เหนื่อยแทนช่อจริงจริงเลย กับสมาชิกพรรคที่ไม่เข้าใจความแตกต่างหลากหลายทางการเมือง
เต้นตามกระแส ไม่เข้าใจว่าตัวเองไม่สามารถขีดเส้นให้คนอื่นได้ทุกเรื่อง...
ถ้าคริส โปตระนันท์ เดือดร้อนกลัวคนด่าลากอนาคตใหม่เข้าไปด้วย
ก็บอกแต่เพียงว่าปวินไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพรรค เป็นความเห็นส่วนตัวของคนเชียร์พรรคคนหนึ่ง
ซึ่งคนเชียร์พรรคคนอื่นๆ ที่ชื่นชอบเฌอปรางก็มี นานาจิตตัง”
ลงเอยว่าเป็นเรื่องของการ ‘อ่อนหัดทางการเมือง’ ของสมาชิกระดับร่วมก่อตั้งพรรคนั่นละ
เหมือนกับตอนก่อนพรรคสามัญชนประชุมเปิดตัวที่วังสะพุง
มีสมาชิกบางคนไปถล่มดำริของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่จะเอา ‘ไฮเปอร์ลู้ป’ เข้าไปทดลองทำในไทย
กรณีอนาคตใหม่กับเฌอปรางนี่เช่นกัน มีบางคอมเม้นต์บ่นเสียอารมณ์
บ้างประกาศว่าไม่เอาแล้ว จะกลับไปหาเพื่อไทยก็มี พอดีพรรค ทษช. เพิ่งเปิดตัวคึกคัก
เต็มไปด้วยคนรุ่นหนุ่มสาวทายาทนักการเมืองรุ่นเก๋าพรรคเพื่อไทย รอรับอยู่
จะอย่างไรก็ตาม แม้การทะเลาะถกเถียงจะเป็นจะตายเพียงไร
ก็แค่เบาะแว้งกันในหลักการและยุทธวิธีจะไปถึงปณิธานที่ตั้งไว้สู่ปลายทางเดียวกัน
ดังที่มีการจัดหมวดหมู่พรรคการเมืองเอาไว้อย่างแยบยลเป็นสี่กลุ่ม ได้แก่
กลุ่มเพื่อไทย กลุ่มไม่เอา คสช. กลุ่มสนับสนุนประยุทธ์เป็นนายกฯ
อีกครั้ง และกลุ่มที่ยังไม่ชัดเจน เฉพาะสองกลุ่มแรกก็มีให้เลือกตั้ง ๙ พรรคแล้ว
จะเถียงกันอย่างไรคงไม่หลุดไปถึงอีกสองกลุ่มหลังได้หรอก