เพิ่งรู้นะนี่ เว็บไซ้ท์ราชกิจจามีไว้สลับขาหลอก แบบว่าถ้าประกาศขึ้นภาษีบางอย่างที่จะเป็นการสร้างความเดือดร้อนแก่ชาวบ้านมากกว่าผลประโยชน์เข้ารัฐ
ก็ให้อธิบดีสรรพากรออกมาปรามประชาชนไม่ต้องตกใจ บอกเป็นแค่เทคนิคทางกฎหมาย
โอ้ว่าประเทดไตแลนเดีย กฎหมายนอกจากมีสองมาตรฐานแล้วยังมีเทคนิคล่อหลอกแพรวพราว
กรณีมีราชกฤษฎีกาประกาศเมื่อวันที่ ๒ ตุลานี้ว่า
อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ๖.๓ เปอร์เซ็นต์ ซึ่งต้องบวกภาษีท้องถิ่นอีกร้อยละ
๐.๗ ด้วยแล้วจะรวมเป็น ๗ เปอร์เซ็นต์นั้น ให้คงเดิมไปจนกระทั่งวันที่ ๓๐ กันยายน
๒๕๖๑ จากนั้นจะขึ้นเป็นร้อยละ ๙ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป
นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากรให้สัมภาษณ์ว่าเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่ปี
๒๕๓๕ “ไม่ต้องตกใจครับ เชื่อว่าปีหน้ารัฐบาลก็จะออกพระราชกฤษฎีกาเพื่อคงภาษีแบบไว้
๖.๓% เหมือนเดิม”
อธิบดีอ้างนี่ “เป็นเทคนิคในการเขียนกฎหมายซึ่งทุกรัฐบาลตลอด
๒๕ ปีที่ผ่านมาจะมีการเขียนไว้แบบนี้”
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องยักย้ายยอกย้อน ไม่เขียนไปตรงๆ
เลยว่า “ไม่เปลี่ยน” หรือแค่ประกาศใช้อัตราเดิมก็ได้
ไอ้ที่อ้างว่าประมวลรัชดากรออกมาตั้งแต่ปี ๒๕๓๔
กำหนดเพดานอยู่ที่ ๑๐ เปอร์เซ็นต์ก็ไม่เห็นแปลกเช่นกัน
ตราบเท่าที่ไม่ทะลุเพดานใช่ไหมล่ะ ทำไมต้องบอกว่าจะเพิ่มเป็น ๙
แล้วหวังว่าปีหน้าจะไม่เอา ๙ เอาแค่ ๗ หรือจะอ่อยเหยื่อไว้เผื่อจับพลัดจับผลูสลับขาอีกทีไปอยู่ที่
๑๐
รู้ละว่าพวก ตลก.บริการ คสช. ชอบตีความกฎหมายแบบศรีธนญชัย
คราวนี้พวกนิติบริกรเลยเขียนกฎหมายอย่างพล นิกร กิมหงวน กวนประสาทบ้าง
เอาอย่างวิธีสลับขาหลอกของหัวหน้าใหญ่ อุตส่าห์ไปแถลงถึงอเมริกา
“ยืนยันว่าจะประกาศเลือกตั้งปีหน้าแน่นอน ทั้งนี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ไม่ได้ถามเรื่องการเลือกตั้ง แต่ผมได้แสดงความเชื่อมั่นออกไป”
คุยเสียอีกว่าเขาไม่ได้ถามแต่อยากบอก เสร็จแล้วไง
ให้ทั่นรองฯ พี่ตือช่วยกระชับความเข้าใจ “นายกฯ ไม่ได้บอกว่าจะเลือกตั้งปีหน้า
แค่บอกว่าจะประกาศวันเลือกตั้งปีหน้า หลังกฎหมายลูกเสร็จให้นับไปอีก ๑๕๐ วัน”
แล้วถ้ากฎหมายลูกเสร็จปีโน้น ก็คงได้เลือกตั้งปีมะโว้ละมั้ง
หนำซ้ำที่พูดเรื่องเลือกตั้งก็สลับขาหลอกอีกเหมือนกัน
ความจริงไปยื่น ‘purchase orders’
ใบสั่งซื้อของให้พี่ทรั้มพ์เค้า นอกจากซื้อหมูหมากาไก่ (งวง)
แล้วยังซื้อถ่านหินด้วย
ในการแถลงข่าวที่โรงแรมโฟร์ซีซั่น กรุงวอชิงตัน ดีซี พล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ‘Thai junta leader’ แจงว่า
“ภาคเอกชนเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ” โดยเฉพาะภาคเอกชนขนาดยักษ์อย่าง SCG
หรือเครือสยามซีเมนต์ ในสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
ซึ่งตามติดไปในคณะเยือนทรั้มพ์เพื่อ “ลงนามซื้อถ่านหินภาคเอกชนสหรัฐ
๒ ฉบับ รวม ๑๕๕,๐๐๐ ตัน
ทดแทนการซื้อถ่านหินจากอินโดนีเซีย...ซึ่งถ่านหินจากสหรัฐมีคุณภาพดีและคุ้มค่าต่อการลงทุน”
มันช่างเหมาะเจาะอะไรฉะนี้ ภาคเอกชนซื้อถ่านหิน
ภาครัฐซื้ออาวุธ (แม้นว่าบิ๊กตือยักท่าบอก “ต้องพิจารณาอีกที” ดูข่าว “บิ๊กป้อมเผยสหรัฐฯ
ยอมขายอาวุธให้ไทยแล้ว รอชงงบประมาณ-รับมีเเผนซื้อเฮลิคอปเตอร์โจมตี” https://www.prachachat.net/politics/news-49046)
เรื่องถ่านหินนี่
รัฐบาลสหรัฐชุดที่แล้วเขาเป็นห่วงสุขภาพประชากรมากกว่ารัฐบาลนี้
ที่เป็นห่วงกระเป๋านายทุนยิ่งนัก ช่วงสามสี่ปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมผลิตถ่านหินเจอปัญหากฏระเบียบป้องกันสุขภาพคนงานและสภาพแวดล้อมน่าดู
พอทรั้มพ์เข้ามาก็จัดการสั่งยกเลิกกฏระเบียบเดิมเกี่ยวกับการป้องกันมลพิษบางอย่าง
เพื่อให้เหมืองถ่านหินกลับมาลุยขุดบดกันอย่างเต็มที่
ตลอดระยะทศวรรษที่ผ่านมาความหวาดกลัวภัยแอบแฝงจากการผลิตถ่านหินทำให้ในสหรัฐหันไปใช้พลังงานทดแทนกันมาก
ส่วนแบ่งตลาดในประเทศของถ่านหินซบเซา พอทรั้มพ์สั่งให้เริ่มโหมผลิตใหม่ ก็ต้องหาตลาดจากนอกประเทศมาเสริม
จีนซึ่งพอจะเป็นความหวังว่าจะช่วยได้ก็ดันเริ่มสำนึกตระหนักเสียนี่
ประกาศว่าจะมุ่งหน้าหาพลังความร้อนแสงอาทิตย์มาแทนถ่านหิน ที่ทำให้กรุงปักกิ่งและอีกหลายท้องที่แหล่งอุตสาหกรรมปรากฏอากาศเป็นพิษ
หรือ smog
หมอกสีเทาแดง หนักหน่วงขนาดมองไม่เห็นในระยะสองสามเมตร
นี่ละจังหวะพอดีลุงตูบอยากไปดีซี
เข้าไปนั่งห้องทำงานวงรีเป็นเกียรติอย่างสูง เลยได้สมใจเฮียทรั้มพ์ ยัดทั้งไก่งวง
โบอิ้ง และถ่านหิน ใส่มือฮุนต้าไทยนำกลับไปฝากไพร่ฟ้าหน้าใส เติมความสุขให้อีกไม่น้อย