วันนี้ได้ (10 พย.) ผมไปที่ทัณฑสถานหญิงกลาง เพื่อเยี่ยม อ.ตุ้ม ที่ต้องเข้าเรือนจำแห่งนี้จากคำพิพากษาทีน่าเพลียใจ
ผมมาถึงที่นี่ประมาณ 10.30 น. จึงได้พบกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่ต้องการเยี่ยม อ.ตุ้ม ซึ่งรออยู่ก่อนหน้านี้ประมาณ 20-30 คน
ปกติผมจะถ่ายเอกสารบัตรประชาชนของผมที่ข้างห้องเยี่ยมญาติ แต่ตอนนี้จุดถ่ายเอกสารปิดตัวลงแล้ว
ผู้ที่ต้องการถ่ายเอกสารจะต้องออกไปถ่ายเอกสารที่อื่น ซึ่งอยู่ไกลออกไปมาก แสดงให้เห็นว่า เรือนจำแห่งนี้ขาดการเตรียมพร้อม
โชคดีที่เพื่อนร่วมอุดมการณ์คนหนึ่งอาสานำบัตรประชาชนของผม และของคนอื่นๆไปถ่ายเอกสารมาให้ ผมจึงมีโอกาสได้เข้าเยี่ยม
ผมมีโอกาสได้เยี่ยมรอบที่ 3 ซึ่งรอบแรกเป็นของพ่อ-แม่ และแขก VIP ส่วนรอบที่ 2 เป็นของเพื่อนอุดมการณ์กลุ่มอื่นที่มาก่อนหน้าผม
ผมเพิ่งมีโอกาสได้พบหน้าแม่ของเธอ แม่ของเธอหน้าตาเมื่อเธอไม่ผิดเพี้ยน จึงเห็นได้ชัดว่า อนาคตหน้าตาของเธอจะเป็นอย่างไร
เนื่องจากมีผู้เข้าเยี่ยม อ.ตุ้ม เป็นจำนวนมาก เรือนจำจึงจัดให้เยี่ยมที่ห้องสอบสวน ซึ่งมีความสะดวกในการเยี่ยมมากกว่าห้องเยี่ยมญาติธรรมดา
เมื่อผมได้พบหน้า อ.ตุ้ม สิ่งแรกที่ผมได้เห็นคือ อ.ตุ้ม ในชุดผู้ต้องขังสีน้ำตาล และคราบน้ำตาบนใบหน้าของเธอ
ดวงตาทั้ง 2 ข้างของเธอแดงก่ำ เธอต้องใช้ผ้าปิดปากคอยซับน้ำตาของเธอตลอดเวลา สร้างความเวทนาให้กับผู้เข้าเยี่ยมเธออย่างมาก
เธอไม่คิดว่า ศาลจะพิพากษาออกมาเช่นนี้ เธอจึงไม่ได้เตรียมใจมาก่อน ความเครียดทำให้เธอนอนไม่หลับตลอดเมื่อคืนนี้
เพื่อนร่วมอุดมการณ์ต่างปลอบใจให้เธออดทนต่อสู้ เวลาเพียง 1 เดือนไม่สามารถเปลี่ยนจิตใจที่เข้มแข็งของเธอได้
บางคนร้องเพลงอวยพรวันเกิดของเธอซึ่งตรงกับวันนี้ บางคนสัญญาจะมารับเธอในวันที่เธอได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำ และจะพาเธอไปเที่ยวเพื่อคลายทุกข์
ผมเล่าประสบการณ์ตรงของผม วันแรกของผู้ต้องขังใหม่ รวมทั้งผมเป็นวันที่โหดร้ายที่สุดในชีวิต ผู้ต้องขังทุกคนล้วนต้องพบกับประสบการณ์นี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป 2-3 วันทุกคนก็จะสามารถปรับตัวได้
ผมต้องอดทนกว่า 2 ปี ดังนั้นเวลาเพียง 1 เดือนจึงน้อยมากเมื่อเทียบกับผม เธอทำหน้าเหมือนจะเข้าใจความหมายของผม
สุดท้ายเราก็ต้องกลับ ทุกคนปลอบใจให้เธออดทนสู้ต่อไป ขณะที่เพื่อนร่วมอุดมการณ์อื่นที่มาทีหลังต้องรอเยี่ยมในรอบบ่ายแทน
เอกชัย หงส์กังวาน