วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 24, 2559

ถอดรหัสนักพูดสไตล์นาซี





ถอดรหัสนักพูดสไตล์นาซี


23 พฤศจิกายน 2559
โดย พรรณิการ์ วานิช
นักข่าวและพิธีกร iASEAN/ Tonight Thailand/ Voice World Wide

Voice TV


คงไม่มียุคไหนที่คนไทยจะตื่นตัวเกี่ยวกับอาชีพและบทบาทของ "นักพูด" ที่บำเพ็ญตนเป็นกระบอกเสียงของรัฐ หรือโน้มน้าวสังคมไปในทิศทางที่รัฐต้องการ เท่ากับเมืองไทยในยุคที่ใครๆก็พูดถึง "เบส-อรพิมพ์" อันที่จริง ต้นตำรับรัฐที่ใช้นักพูดเป็นเครื่องมือควบคุมทิศทางพลังมวลชน ก็คือเยอรมนียุคนาซี




การก้าวขึ้นสู่อำนาจของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ในฐานะผู้นำพรรคนาซี และผู้นำเยอรมนีไปสู่สงครามโลกครั้งที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ไม่ได้อาศัยอาวุธร้ายแรงอย่างปืนใหญ่ ระเบิดนิวเคลียร์ หรืออาวุธเคมีชีวภาพ แต่อาศัยพลังธรรมชาติอันรุนแรงที่สุดเท่าที่มนุษย์จะสามารถทำได้ มันคือ "ลมปาก" พูดได้ว่าในโลกสมัยใหม่ ไม่มีรัฐบาลใดในโลกที่ตระหนักถึงความสำคัญของนักพูด และสามารถใช้โฆษณาชวนเชื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่ากับรัฐบาลนาซี

ฮิตเลอร์ได้ดีจากการพูดปราศรัย

ฮิตเลอร์เป็นเพียงทหารชั้นผู้น้อย แต่ไต่เต้าขึ้นสู่การเป็นคนดังของพรรคนาซี ได้จากบทบาท "นักพูด" ที่เดินสายปราศรัยปลุกใจประชาชนตามชนบทของประเทศ ในยุคที่สังคมกำลังแตกแยก เศรษฐกิจย่ำแย่และเกียรติภูมิประเทศเสื่อมถอยจากการพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 เขากล่าวสุนทรพจน์เร่าร้อน ปลุกเร้ากระแสเกลียดยิว เกลียดมาร์กซิสม์ และก่นด่าสนธิสัญญาแวร์ซายส์ที่เยอรมนีต้องชดใช้ค่าปฏิกรณ์สงครามจากความพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 ความนิยมในตัวนักพูดที่ชื่ออดอล์ฟ ฮิตเลอร์ กลายมาเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้เขามีบทบาทโดดเด่นในพรรค จนกลายเป็น "ฟือแรร์" ผู้นำอาณาจักรไรช์ที่ 3





ด้วยเหตุนี้ ฮิตเลอร์จึงตระหนักดีว่าการพูดปลุกใจและโฆษณาชวนเชื่อเป็นเครื่องมือที่จะช่วยควบคุมทิศทางความคิดประชาชนในประเทศ และส่งเสริมความนิยมในตัวเขาและพรรคได้ดีที่สุด ฮิตเลอร์มีลูกมือคนสำคัญคือพอล ยูเซป เกิบเบลส์ รัฐมนตรีกระทรวงโฆษณาการและสมาชิกพรรคนาซีที่จงรักภักดีต่อท่านผู้นำมากที่สุด เขาคนนี้ได้ชื่อว่าเป็นยอดนักโฆษณาชวนเชื่อของโลกยุคใหม่





โรงเรียนนักพูดนาซี

นับตั้งแต่ก่อนเยอรมนีจะตกอยู่ภายใต้การปกครองของฮิตเลอร์ นักพูดก็เป็นเครื่องมือสำคัญของเขาแล้วในการดิสเครดิตรัฐบาลในยุคนั้น ถึงขนาดมีการตั้งโรงเรียนนักพูดขึ้นมาอย่างเป็นระบบ ภายใต้ชื่อ "โรงเรียนนักพูดแห่งไรช์" เพื่อผลิตบุคลากรลงไปพูดปราศรัยตามที่ต่างๆ ตั้งแต่หมู่บ้านชนบทไปจนถึงเมืองใหญ่ โดยจุดมุ่งหมายของการปราศรัยก็คือการทำให้ประชาชนบางส่วนที่ยัง "เพิกเฉย" ต่อแนวคิดสังคมนิยมชาตินิยม และแนวคิดเชิดชูเผ่าอารยันอันเป็นแกนหลักของพรรคนาซี สามารถปรับทัศนคติและปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของบ้านเมือง นักพูดเหล่านี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นพลังสำคัญที่ช่วยให้พรรคนาซีได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางจนก้าวขึ้นครองอำนาจในเยอรมนีได้อย่างเบ็ดเสร็จในปี 1933 เพียง 4 ปีหลังการก่อตั้งโรงเรียนนักพูดแห่งไรช์

นักพูดแต่ละคนจะถูกคัดเลือกมาจากผู้ที่มีพรสวรรค์และมีบุคลิกภาพดี นำมาฝึกฝนทั้งทักษะการพูดให้มีพลัง น่าเชื่อถือ รวมถึงต้องศึกษาปรัชญาสังคมนิยมชาตินิยมแบบนาซี และปรัชญาการเมืองอื่น ตลอดจนแนวนโยบายของพรรค เพื่อให้มีความรู้กว้างขวางพอสำหรับการเป็นกระบอกเสียงของนาซี การเรียนมีหลายระดับและหลักสูตร อาจกินเวลาหลายเดือนหรือแม้แต่หลายปี โดยโรงเรียนเหล่านี้จะมีทั้งระดับหมู่บ้าน ระดับเมือง และระดับแคว้น นักพูดก็จะแบ่งเกรด และเลื่อนชั้นกันตามทักษะ แต่ละคนที่จบมาจะได้เดินสายปราศรัยตามที่ต่างๆ เป็นเวลา 8 เดือน และได้รับการการันตีว่าจะได้ขึ้นพูดอย่างน้อย 30 ครั้ง ในที่ประชุมของพรรคตามเมืองต่างๆ รวมถึงได้รับเบี้ยเลี้ยงและค่าตอบแทนอย่างงาม แถมยังได้ชื่อเสียงในฐานะนักพูดของพรรคนาซี ทำให้โรงเรียนนักพูดของนาซีเป็นหนึ่งในสถาบันที่มีผู้แข่งขันกันสมัครเข้าเรียนอย่างล้นหลามที่สุดในยุคนั้น



นักพูดนาซีพูดอะไรบ้าง?

จากรายงานของกระทรวงมหาดไทยปรัสเซียในปี 1930 ผู้สนับสนุนหลักของพรรคนาซีก็คือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วยเหตุนี้ คำปราศรัยของนักพูด จึงมักวนเวียนอยู่กับเรื่องเศรษฐกิจ สอดแทรกไปกับการชื่นชมนโยบายของพรรคนาซี ผนวกกับการใช้วาจาเสียดสี บิดเบือน ยุยงให้เกิดความเกลียดชังรัฐบาล ในฐานะเป็นต้นเหตุของเศรษฐกิจที่ล่มสลายโดยรายละเอียดจะปรับเปลี่ยนไปตามผู้ฟังในแต่ละเมือง

แต่ละครั้ง ผู้ฟังจะมีจำนวนมากถึง 1,000-5,000 คน แล้วแต่ความใหญ่โตของเมืองและประสิทธิภาพของหน่วยงานท้องถิ่นผู้จัดงาน แต่ในทุกการปราศรัย จะมีทหารหน่วยกองพันเสื้อน้ำตาล หรือ SA กองกำลังหลักของพรรคนาซีเข้าร่วมฟังด้วยเสมอ ทั้งเพื่อสนับสนุนผู้ปราศรัย รักษาความปลอดภัยในงาน เติมเต็มที่ว่างในหอประชุม และที่สำคัญก็คือคอยกำราบไม่ให้ผู้ฟังคนไหนกล้าลุกขึ้นคัดค้านโต้เถียงกับผู้ปราศรัย





จุดอ่อนการปราศรัยแบบนาซี จากมุมนักพูดนาซี

แม้ว่าระบบการโฆษณาชวนเชื่อผ่านนักพูดและสื่อต่างๆของพรรคนาซีจะดูเข้มแข็งทรงประสิทธิภาพอย่างมาก แต่จากบันทึกของหนึ่งในนักพูดของพรรคนาซีเอง กลับปรากฏว่าการปราศรัยไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่นทุกครั้ง มักซ์ โคเนาเออร์ นักพูดระดับหมู่บ้านของนาซี บอกว่าตลอดหลายปีที่เขาเดินทางไปปราศรัยตามที่ต่างๆ เจอประสบการณ์เลวร้ายหลายครั้ง เช่นเก้าอี้ที่ว่างเปล่า ไม่มีคนมาฟัง โคเนาเออร์ตั้งข้อสังเกตว่าการปราศรัยในชนบทง่ายกว่าในเมืองใหญ่มาก เพราะเป็นเรื่องง่ายกว่าที่จะทำให้คนในชนบทหันมาสนใจเรื่องการเมือง เมื่อเทียบกับการพยายามโน้มน้าวใจคนในเมืองใหญ่ที่ได้เห็นโลก เห็นโอกาสมากกว่า

นอกจากนี้ โคเนาเออร์ยังให้ความสำคัญกับการเกณฑ์หรือเชิญชวนคนมาฟังอย่างเป็นระบบ โดยอาศัยหน่วยงานท้องถิ่นของพรรค เขาย้ำว่าการปราศรัยจะกร่อยแน่นอน หากปราศจากการกะเกณฑ์ผู้ฟังให้มาร่วมฟังมากๆ ส่วนรูปแบบการจัดประชุมก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน การปราศรัยควรเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการเดินขบวน โบกธงพรรค มีทหารใส่เครื่องแบบเข้าร่วมให้ดูขึงขัง จะทำให้นักพูดที่จะขึ้นพูดดูน่าเชื่อถือขึ้นมาก

อีกจุดอ่อนที่ในขณะนี้ก็ยังคงมีความสำคัญ ก็คือเรื่องเงินๆทองๆ นักพูดนาซีคนนี้แนะนำว่าพรรคควรต้องดูแลนักพูดอย่างดี จ่ายค่าจ้างให้นักพูดอย่างงาม และจ่ายก่อนที่จะขึ้นพูด เพราะหากมีปัญหาเรื่องเงินๆทองๆเกิดขึ้นระหว่างนักพูดและพรรคนาซี ย่อมเกิดผยเสียหายต่อภาพลักษณ์ของทั้งสองฝ่าย แต่ในขณะเดียวกัน หน่วยงานท้องถิ่นที่จัดการประชุม และเชิญนักพูดไปพูด ก็จำเป็นต้องรายงานมายังส่วนกลางอย่างเที่ยงตรงและเคร่งครัดว่านักพูดทำงานได้ดี พูดแล้วผู้ฟังให้ความสนใจ ได้เนื่อหาสาระหรือไม่ นักพูดที่ถูกประเมินว่าผลงานไม่ดีบ่อยๆ จะต้องถูกย้ายไปรับใช้พรรคในด้านอื่น เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับชื่อเสียงของพรรค

หมดยุคนักพูด เมื่อมีโซเชียลมีเดีย?

ในโลกยุคปัจจุบัน คนอาจมองว่านักพูดมีบทบาทน้อยลง เพราะโซเชียลมีเดียเข้ามามีบทบาทกระจายอำนาจการเป็นสื่อลงไปยังประชาชน รัฐบาลหรือกลุ่มใดๆก็ไม่สามารถผูกขาดการให้ข้อมูลกับประชาชนฝ่ายเดียวได้ แต่เราคงต้องยอมรับความจริงว่า "ข้อมูลจัดตั้ง" ที่ส่งถึงประชาชนโดยตรงผ่านวิธีพื้นฐานอย่างการพูด ยังคงมีบทบาทเสมอในการเมือง และโซเชียลมีเดีย ก็เป็นหนึ่งในช่องทางที่ทำให้ข้อมูลจัดตั้งจากทุกกลุ่มการเมือง แพร่สะพัดได้ไกลและทรงพลังกว่าครั้งไหนๆในประวัติศาสตร์โลก

อย่างน้อย นักพูดนาซีก็ไม่เคยมีคลิปในยูทูบ