ระเบียบการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา ๒๐๐ คนจากทั่วประเทศหลังจาก สว.ชุดตู่ตั้งสิ้นสุดภาระในกลางเดือนพฤษภาคมนี้แล้วนั้น ไม่เพียง กกต.จะเป็นผู้จัดการทุกอย่างตั้งแต่รับสมัครและคัดกรอง (ตรวจคุณสมบัติ) ในระดับประเทศแล้ว
ที่เหลือตั้งแต่ระดับอำเภอขึ้นมาหาจังหวัดก่อนส่งต่อ กกต.ในระดับชาตินั้น กระทรวงมหาดไทยเหมาหมด “ข้าราชการของกระทรวงมหาดไทยจะดำรงตำแหน่งเป็นคณะกรรมการโดยอัตโนมัติ” ระเบียบ กกต.หมวด ๑ ข้อ ๗ ถึง ๑๑ กำหนดไว้
ดังเช่น “ข้อ ๗ ระบุให้การเลือก สว.ในระดับอำเภอ ประกอบไปด้วยคณะกรรมการจำนวนเจ็ดตำแหน่งดังต่อไปนี้ นายอำเภอเป็นประธานคณะกรรมการ หัวหน้าส่วนราชการประจำอำเภอจำนวนสามคน เป็นกรรมการ โดยมีนายอำเภอเป็นผู้แต่งตั้ง”
นอกนั้นก็มีผู้ทรงคุณวุฒิสองคน (ยังไม่รู้ใครตั้ง) เป็นกรรมการ กับเจ้าหน้าที่ กกต. หรือข้าราชการประจำอำเภอ เป็นกรรมการทำหน้าที่เลขาณุการอีกหนึ่งคน รายนี้ให้ผู้อำนวยการ กกต.จังหวัดเป็นคนแต่งตั้ง กรุงเทพมหานครใช้หลักเดียวกัน ทั้งในระดับเขต และ กทม.
สำหรับระดับจังหวัดก็มีกรรมการ ๗ คนเหมือนกัน นำโดยผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ตามด้วยหัวหน้าส่วนราชการจังหวัด หรือบุคคลากรในสถาบันอุดมศึกษาในจังหวัดนั้น ๓ คน ผู้ทรงคุณวุฒิอีกสองคน เป็นกรรมการ ส่วนเลขาฯ ให้ ผอ.กกต.จังหวัดรับไป
ด้านผู้ปฏิบัติงาน เช่น รับลงทะเบียนผู้สมัคร “ตรวจสอบเอกสาร จัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัคร จัดเตรียมสถานที่และอุปกรณ์ จัดทำประกาศและการนับคะแนน รวมถึงหน้าที่อื่นๆ ที่ได้รับการมอบหมาย” ก็ให้กรรมการแต่ละระดับแต่งตั้งกันเข้ามา
โดยมีจำนวนไม่เกิน ๒๐ คนในแต่ละอำเภอ ทว่าในระดับจังหวัดนั้นให้แต่งตั้งตามจำนวนอำเภอที่จังหวัดนั้นมี เช่นน้อยกว่า ๑๐ อำเภอ ตั้งได้ ๑๐ คน สิบถึงยี่สิบอำเภอตั้งได้ ๑๕ คน ยี่สิบถึงสามสิบอำเภอตั้งได้ไม่เกิน ๒๐ คน สูงสุด ๔๐ อำเภอขึ้นไปตั้งได้ ๓๐ คน
ฉะนั้นการจัดการเลือกสรร สว.ชุดใหม่นี้หนีไม่พ้นทั้ง กกต.และมหาดไทยควบคุม ประธาน กกต. อิทธิพร บุญประคอง คาดว่าจะมีผู้สมัครครั้งนี้ไม่หนีหนึ่งแสนคน ดูจากการเลือกตั้งเมื่อปี ๖๑ แถมเตือนล่วงหน้าอย่าลงสมัครเป็นบล็อคโดยมีกลุ่มการเมืองเบื้องหลัง
ส่วนเรื่องที่ว่าจะมีการดึงรายชื่อผู้สมัครไปตรวจสอบก่อน โดย กอ.รมน.เหมือนการสมัครบอร์ดประกันสังคมด้วยไหม ไม่มีนักข่าวคนไหนถาม ทั่นประธานฯ ก็เลยไม่ได้ตอบ
(https://www.khaosod.co.th/politics/news_8122600 และ https://www.ilaw.or.th/articles/21137=IwAR0F-9lYAnEA)
