วันอาทิตย์, กรกฎาคม 02, 2566

เจ้าเกินเจ้า คือ การฆ่าความเป็นเจ้า


Thicha Nanakorn




Thicha Nanakorn
14h
·
เจ้าเกินเจ้า เจ้าสูงวัย … ที่เกรี้ยวกราดเธอว่า
ทำให้สังคมแตกแยก
ไม่สมควรเป็นตัวแทนของชาติอีกต่อไป
และลากคนเกินเจ้าออกมาประชาทัณฑ์เธอ
ต่อให้ออกมาขอโทษว่าตัวเองเข้าใจผิด คิดว่าชู 3 นิ้ว คือฝ่ายการเมืองขั้วตรงข้าม
ให้อภัยก็ได้ แต่ไม่สามารถลบ …
ร่องรอยแห่งอคติ ความมืดบอดทางปัญญา ความมักง่ายในการประทับตรา การยัดเยียด และสร้างบาดแผลให้ผู้อื่น โดยเฉพาะในประเด็นที่อ่อนไหวและเตกร้าวในสังคมได้ง่ายและรุนแรง
สงสัยต่อไปอีกว่า …
กลุ่มคนเกินเจ้าทำไม “ไม่เอาความ” กับเจ้าเกินเจ้า
ที่ตีความได้ว่า “เสื่อมเสียเจ้า” เช่นกัน !!!

วิเคราะห์บอลจริงจัง
1d
·
เพียว-อัจฉราพร คงยศ เป็นคนที่ "รับใช้ชาติ" มาตั้งแต่เด็ก จนถึงวันนี้เธอติดทีมชาติชุดใหญ่เกินทศวรรษแล้ว
อัจฉราพร เรียนประถมที่โรงเรียนชุมชนวัดปัณณาราม อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยอาจารย์คนแรก ชื่ออาจารย์ทวีพร ทิพย์พิริยะพงษ์ ท่านเห็นโครงสร้างร่างกายของอัจฉราพรที่สูงกว่าเด็กทั่วไป เลยไปขอคุณพ่อคุณแม่ว่า ลองหัดให้เพียวมาเล่นวอลเลย์บอลดูไหม นั่นคือครั้งแรกที่เธอเข้ามาสัมผัสกีฬาชนิดนี้
ด้วยพรสวรรค์เชิงกีฬา ทำให้เธอได้ย้ายไปเล่นให้โรงเรียนบ้านขอนหาด ที่อำเภอชะอวด โดยโรงเรียนแห่งนี้มีอาจารย์สมยศ พงศาปาน ผู้ชำนาญในการปลุกปั้นเยาวชนไปสู่ดวงดาว เป็นโค้ชอยู่ด้วย
อัจฉราพร ต้องอยู่ห่างจากพ่อแม่ คือต้องย้ายอำเภอมาเลย และมากินนอนที่บ้านอาจารย์สมยศ แต่เธอไม่ยอมแพ้ เธอเป็น Fighter เต็มตัว และในที่สุด ก็ได้รับทุนการศึกษาจากโรงเรียนบดินทรเดชา ที่กรุงเทพมหานคร
ชื่อเสียงของอัจฉราพรนั้น โดดเด่นตั้งแต่เป็นเยาวชนแล้ว เธอมีส่วนสูงที่ไม่ธรรมดา คือ 180 เซนติเมตร สำหรับเด็กไทย ชั้นมัธยม เป็นไซส์ที่หายากแล้ว นอกจากนั้นยังกระโดดได้สูงมาก เล่นได้ดีทั้งตบ ทั้งบล็อก
อัจฉราพรติดทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกตั้งแต่อายุ 17 ปี ในรอบควอลิฟายโอลิมปิก 2012 ที่ญี่ปุ่น แม้จะไม่ค่อยได้ลงเล่น แต่การเป็นเด็กอายุ 17 ได้อยู่ในทีมชาติกับทัวร์นาเมนต์ที่สำคัญที่สุด ก็ถือว่าน่าทึ่งมากแล้ว
หรือ ในรายการเวิลด์กรังด์ปรีซ์ 2012 ที่เมืองหนิงโบ เกมคลาสสิคที่ไทยบุกไปเอาชนะจีนได้ถึงบ้าน อัจฉราพรก็อยู่ในทีมชุดนั้นด้วย
อีกหนึ่งเกียรติประวัติที่ยิ่งใหญ่ของทีมวอลเลย์บอลไทย คือแชมป์เอเชียปี 2013 อัจฉราพรซึ่งเรียนอยู่ชั้น ม.6 ก็อยู่กับทีมนั้นเช่นกัน
ผมว่าหลายคนน่าจะยังจำได้ ตอนที่ได้แชมป์เอเชียปั๊บ พอเธอกลับไปนครศรีธรรมราช มีการเตรียมรถแห่ สดุดีเธอไปทั่วเมืองเลยครับ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยังมาต้อนรับที่สนามบินด้วยตัวเอง เธอคือความภูมิใจของคนท้องถิ่นเลยล่ะ
เข้าสู่ปี 2014 อัจฉราพร มีชื่อเสียงมากขึ้น และได้เป็นพรีเซนเตอร์ ให้กับ Dunkin Donut และในปีนี้เอง เธอเริ่มสอดแทรกลงเล่นให้ทีมชาติบ่อยขึ้นกว่าเดิม และได้ลงแข่งขันในศึกเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ในฐานะตัวจริง
เพียวเป็นคนมี Passion อย่างแรงกล้ากับทีมชาติมาก เธอตั้งใจเล่นจริงๆ ทุกนัด เพื่อให้ทีมชนะให้ได้
ครั้งหนึ่ง ปลื้มจิตร์ ถินขาว รุ่นพี่ทีมชาติบอกว่า "เพียวชอบโทษตัวเอง" เพราะเวลามีอะไรผิดพลาดในสนาม ก็จะมองว่าตัวเองผิดอยู่ตลอด
ในปี 2016 ตอนทีมชาติไทยแพ้ญี่ปุ่น ในรอบคัดเลือกโอลิมปิก อัจฉราพร มาให้สัมภาษณ์กับช่อง TNN 24 นักข่าวคุณกฤษณา ฐีติปริวัติ ถามว่า "เห็นพี่หน่องว่าเพียวชอบโทษตัวเอง"
พอได้ฟังคำถาม เพียวเสียงสั่นเครือ ร้องไห้ทันที แล้วตอบว่า "ก็เราช่วยทีมไม่ได้ ... "
ตอนที่ไทยแพ้ญี่ปุ่นนัดนั้นในปี 2016 โอกาสไปโอลิมปิกที่ริโอก็เลือนรางแล้ว เพียวกล่าวว่า "ถ้าเกิดเราทำไม่ได้จริงๆ ไปโอลิมปิกไม่ได้ อนาคตหนูจะต้องทำให้ได้ หนูจะไปโอลิมปิกแทนพวกเค้าให้ได้" คำว่า 'พวกเค้า' หมายถึงพี่ๆ 7 เซียนที่อายุมากขึ้นแล้ว และอาจต้องรีไทร์ไปโดยไม่ได้สัมผัสโอลิมปิก ซึ่งระหว่างที่พูดไป เธอก็เช็ดน้ำตาไป ตลอดการสัมภาษณ์
อัจฉราพร เป็นนักกีฬาที่ "แคร์" คนรอบตัวเป็นอย่างยิ่ง ในปี 2017 ตอนที่ไหม-จุไรรัตน์ ผลเลขา อดีตมือเซ็ตของทีมศรีสะเกษ วีซี มีอาการหนองในในลำไส้ใหญ่ต้องเข้ารับการผ่าตัด อัจฉราพร โพสต์เฟซบุ๊ก เอาเสื้อแข่งขันทีมชาติของตัวเองมาประมูล เพื่อช่วยเรี่ยไรเงิน เอาไปสมทบให้กับการผ่าตัดของไหม-จุไรรัตน์
สำหรับในสนามนั้น ยิ่งอายุมากขึ้นฝีมือของอัจฉราพรก็ยิ่งเก่งกาจขึ้น เธอคว้ารางวัล MVP มาครองหลายรายการ และได้โอกาสไปเล่นในต่างแดนเริ่มจากที่อินโดนีเซีย ในปี 2018 และ ที่ตุรกี กับทีมซาริเยร์ ในปี 2021
ในปี 2022 นี่เอง มีเหตุการณ์เล็กๆ แต่น่าจดจำ คือตอนที่เธอช่วยไทยเอาชนะบัลแกเรีย ในรายการเนชันส์ลีก มีนักข่าวมาสัมภาษณ์ ปรากฏว่าเธอตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้ล่าม สร้างความประทับใจให้แฟนๆ เป็นอย่างมาก ว่าเพียวก็เรียนรู้สิ่งต่างๆ นอกสนามด้วย เธอเป็นแบบอย่างที่ดีกับเยาวชนว่า ถ้าน้องๆ อยากมาเล่นเมืองนอก แค่เก่งอย่างเดียวไม่พอ แต่ทักษะภาษาก็สำคัญเช่นกัน
ข้อสังเกตที่น่าสนใจคือ ตลอดอาชีพการเล่น อัจฉราพร ไม่เคยมีเรื่องด่างพร้อยเลย ตอนเธอเป็นเด็กเธอมีปลื้มจิตร์เป็นไอดอล แล้วพอวันหนึ่งเธอโตขึ้น เธอก็กลายเป็นไอดอลของเด็กรุ่นใหม่อีกจำนวนมาก
มาถึงวันนี้ ปี 2023 อัจฉราพร ติดทีมชาติไทยมาแล้ว "11 ปี" เธอรับใช้ชาติตั้งแต่อายุ 17 จนถึงปัจจุบันอายุ 28
ทุกครั้งที่ลงสนามมีธงติดที่หน้าอกเสื้อ เธอทุ่มเทเต็มที่ ใส่ Passion เต็มๆ ทุกครั้ง
รู้ไหมครับว่าบางเกม อัจฉราพร ทาเล็บ 5 นิ้ว สีแดง - ขาว - น้ำเงิน - ขาว - แดง เรียงกันเป็นสีธงชาติไทยเลยนะครับ
ตลอด 11 ปี กับทีมชาติชุดใหญ่ เธอเหนื่อยเพื่อชาติ ร้องไห้เพื่อชาติ สร้างความสุขให้คนในชาติ ครั้งแล้วครั้งเล่า
ดังนั้นเมื่อผมเห็นดราม่าเมื่อเย็น มีคนลากเธอมาแขวน แล้วบอกว่า "ไม่สมควรเป็นตัวแทนทีมชาติ" ผมคิดในใจอย่างเดียวคือ ได้คิดก่อนพูดไหม?
ผมไม่รู้ว่า นิยามความรักชาติ ของแต่ละคนคืออะไร แต่กับคนที่รับใช้ชาติอย่างเต็มที่มาเป็นสิบๆ ปี ขนาดนี้ สร้างชื่อเสียงให้ประเทศมากมาย ถามจริงว่าคุณกล้าไปแขวนเขา แล้วยัดข้อหา "ชังชาติ" ให้อย่างงั้นหรือ?
หรือถ้าพูดแบบแรงๆ คือ คนด่าอัจฉราพร ทำอะไร "เพื่อชาติ" มากกว่าเธอหรือเปล่า?
เอาล่ะ สำหรับคนดูกีฬาเรารู้อยู่แล้วว่า การชูนิ้วของอัจฉราพรครั้งนี้ เป็นเชิงแท็กติก และถ้าคนดูวอลเลย์บอลก็ย่อมรู้ทันที ว่ารูปสามนิ้ว กับรูปในเกมล่าสุดนัดเจอตุรกีมันคนละวันกัน นี่เป็นการจับแพะชนแกะด่ามั่วไปหมด เพียงเห็นว่าพิธา ลิ้มเจริญรัตน์มาดูในสนามว่างั้นเถอะ
ไม่แปลกใจที่สุดท้ายต้นเรื่องจะออกมาโพสต์ขอโทษเพราะเขาเข้าใจผิด เพราะมันด่ามั่วแบบ Random เหลือเกิน
แต่เอาจริงๆ นะครับ ต่อให้เธอมีจุดยืนทางการเมืองอย่างไร ก็ไม่มีใครสมควรลากเธอมาด่าอยู่ดี
บทสรุปของเรื่องนี้ ผมรู้สึกเฮิร์ทตรงที่ อัจฉราพรโดนด่าว่า "ทำให้สังคมแตกแยก", "ไม่สมควรเป็นตัวแทนของชาติอีกต่อไป", "ใช้กำลังกายไม่ใช้สติปัญญา" คือ นี่มันบ้าไปแล้ว เธอไม่ได้ทำอะไรเลยนะ
แล้วก็ขอร้องเถอะครับ ประเทศไทยใครๆ ก็รักทั้งนั้น ทำไมคิดว่าความรักของตัวเอง ถูกต้องและยิ่งใหญ่ กว่าของคนอื่นล่ะครับ