‘ความไม่ปกติ’ อันเป็น “รากเหง้าของปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศไทย” ที่ อานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีพูดถึงและยกตัวอย่างให้เห็นเมื่อวาน (๓๐ ก.ค.) นั้นเป็น ‘กาฝาก’ ของสังคมชนิดพิษร้าย ไม่ควรปล่อยไว้เป็นภัยต่อประชาชนทั้งมวล
“ปัจจุบันนี้สังคมไทยอยู่ในสภาพที่ไม่ปกติที่สุด สิ่งที่เห็นอย่างชัดที่สุดก็คือ การให้ สว.ที่มาจากการแต่งตั้ง มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกนายกฯ” นี่คือ ‘ต้นปัญหา’ ที่นายอานนท์กล่าวถึง แม้นว่า “อาจจะเป็นด้วยเหตุการณ์บังคับพวกเขาเอง
ที่ทำให้เขารับใช้เป็นเครื่องมือ เป็นเครื่องมือที่กีดขวางเจตจำนงของประชาชน” แน่นอนว่าไม่เป็นประชาธิปไตย แล้วยังพยายามอ้างว่าคือประชาธิปไตยอีกรูปแบบ ชนิดที่ “มือใครยาว สาวได้สาวเอา” และไม่ยี่หระกับความเสียหายต่อผู้อื่น
เสรี สุวรรณภานนท์ สว.ตู่ตั้งออกมาสำแดงเดชแห่งอำนาจนอกระบบอีกว่า การโหวตนายกรัฐมนตรีในวันที่ ๔ สิงหานี้ แม้ “เปลี่ยนแคนดิเดทนายกฯ เป็นของพรรคเพื่อไทย” ก็ไม่รับ อ้างว่ารับไม่ได้เพราะ ‘เสป็ค’ ไม่ตรงลักษณะต้องห้าม
“นายกฯ ต้องมีคุณสมบัติไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มีนโยบายที่ไม่สร้างปัญหาให้กับบ้านเมือง” เสรีคนที่ร้ายกว่าพิศุทธ์อ้างอย่างโคมลอยว่า “ก็อย่างที่บอกคือหลักการไม่ได้เปลี่ยน เราไม่ได้มองดูพรรค แต่เรามองดูนโยบาย”
นโยบายอะไร “หากไม่มีเรื่องการแก้ไขมาตรา ๑๑๒ แล้ว” เสรีว่าไง แม้งก็ยังพาลแถต่อไป “ก็ต้องดูว่าหากไม่มีเรื่องนี้แล้วจะมีเหตุอื่นอะไรอีกไหม ก็อย่างที่เรียนที่มีหลายปัจจัยอยู่” พ่องน่ะ เจ้าปัญหา ปัจจัยเยอะจัง
(https://www.khaosod.co.th/politics/news_7790950 และ https://www.nationtv.tv/politic/378925206)