
สี่เสือจากซ้าย นายศรายุทธ์ ใจหลัก นายชัยธวัช ตุลาธน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจและนายอุเชนทร์ เชียงเสน
อาคม ซิดนี่ย์
May 6 at 10:38 AM ·
เปิดกล้องส่องการเมืองไทย
เผยตัวตนนายธนาธร (สี่เสือในแดนสิงห์,กระทิง,แรด) ตอนที่ 1
อารัมภบท
เอก ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, ต๋อม ธวัชชัย ตุลาธน, ติ่ง ศรายุทธ ใจหลัก และอุเชนทร์ เชียงเสนทั้งสี่เสือเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ ต่างสถาบันการศึกษา แต่เคยทำกิจกรรมภาคประชาชนในฐานะแกนนำ “สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย” (สนนท.) ยุค 2540 เมื่อ 25 ปีที่ผ่านมา จากวันนั้นถึงวันนี้พวกเขานอกจากจะยังคบหาสมาคมกันแล้ว ก็ยังเกาะกลุ่มกันอย่างเหนียวแน่นในการสานต่ออุดมการณ์ในอดีตอย่างมั่นคงตามเจตนารมณ์เมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์และคณะรัฐศาสตร์ ก่อนที่ผันตัวเองมาเป็น "สามสหายวิดวะ บวกหนึ่งรัฐศาสตร์"
นายชัยธวัช ตุลาธน หรือต๋อม นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ เคยเป็นเลขาธิการ สนนท. ปี 2541 อดีตดำรงตำแหน่งรองเลขาพรรคอนาคตใหม่ ปัจจุบันเป็นเลขาธิการพรรคก้าวไกล
นายอุเชนทร์ เชียงเสน อดีตเลขาธิการ สนนท.เมื่อปี 2542 จบปริญญาเอก คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นอาจารย์วิชารัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เจ้าของวาทะ
"ในปัจจุบัน ผมคิดว่าชนชั้นนำพยายามจะผลักไปทางเสมือนสมบูรณาญาสิทธิราชย์มากขึ้น" และอีกหนึ่งมุมมองของนายอุเชนทร์ "ยุค 14 ตุลาคม 2516 มีการต่อต้านเผด็จการทหาร หลังจากเหตุการณ์นั้นสถาบันเป็นพระเอกมาช่วย พฤษภาคม 2535 แล้วก็จะเห็นบทบาทของสถาบันอยู่ฝ่ายเดียว ช่วงพันธมิตรฯก็เช่นเดียวกัน"
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หรือเอก นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยเป็นรองเลขาธิการ สนนท.ปี 2543 ปีเดียวกับที่นายศรายุทธ์เป็นเลขาธิการ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ปัจจุบันเป็นหัวหน้าคณะก้าวหน้า เจ้าของนโยบาย "ไทย 2 เท่า คนไทยเท่าเทียม - ไทยเท่าทันโลก"
นายศรายุทธ์ ใจหลัก หรือติ่ง นักศึกษาคณะวิศว กรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เคยเป็นเลขา ธิการ สนนท. ปี 2543 อดีตผู้อำนวยการพรรคอนาคตใหม่ ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งท้องถิ่นคณะก้าวหน้า เจ้าของวาทะ "ผมรู้ว่าในรอบ 100 ปี บางทีเราจะมีคนแบบธนาธรแค่คนเดียวเท่านั้น ถ้าจะเปลี่ยนประเทศไทยให้ได้ เอก คือความเป็นไปได้นั้น ขอย้ำ....ถ้าจะเปลี่ยนประเทศไทยให้ได้” ต้อง “เอก ธนาธร”เท่านั้น"
- ผมเคยเชื่อมั่นในพลังของนิสิต-นักศึกษาในอดีต ทุกวันนี้ผมก็ยังเชื่ออยู่อย่างมั่นคง เพราะผมเติบโตร่วมยุคร่วมสมัยกับศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศ ไทย (ศนท.) และเข้าใจพวกนักศึกษาทั้งหนุ่มสาวในเวลานั้น พวกเขามีความต้องการค้นหาความหมายจากมหาวิทยาลัยมากกว่าปริญญาบัตร (ไม่ต่างจากเวลานี้) จึงมีความพยายามจากกลุ่มนักศึกษา ช่วงปี 2511-13 นิสิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัยต่างๆ จึงค่อยๆรวมตัวกันอย่างช้าๆจนเป็นกลุ่มก้อนและกลายมาเป็น “ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (ศนท)”
ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (ศนท.) ช่วงปี พ.ศ. 2515โดยนายธีรยุทธ์ บุญมี
- วันที่ 20-30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515 เป็นสัปดาห์รณรงค์ต่อต้านไม่ซื้อสินค้าญี่ปุ่น ช่วงเวลาไล่เลี่ยกันภูมิพลก็เดินทางไปจัดสรรที่ดินที่หุบกะพง จังหวัดเพชรบุรี ให้ราษฎรได้อาศัยทำไร่เป็นอาชีพ ในโอกาสเดียวกันสิริกิตติ์ ก็สนับสนุนให้กลุ่มแม่บ้านชาวหุบกะพง นำป่านศรนารายณ์ ซึ่งเป็นพืชในท้องถิ่นมาประดิษฐ์เป็นสินค้าหัตถกรรมต่างๆ เช่นหมวก กระเป๋าถือ รองเท้าแตะ และของใช้อื่นๆโดยสิริกิตติ์เป็นผู้รับซื้อผลผลิต ซึ่งเป็นการต่อยอดจากที่เคยสนับสนุนให้ชาวนครพนมปลูกหม่อนเลี้ยงไหม เมื่อปี 2513 เพื่อนำมาทำผ้าไหม และผ้าไหมลายพื้นเมืองต่างๆ นอกเหนือจากผ้าไหมมัดหมี่ เช่น ผ้าไหมหางกระรอก ผ้าไหมลายลูกแก้ว ผ้าไหมแพรวา ผ้าไหมลายขิด แล้วขยายกลายมาเป็นศูนย์ศิลปาชีพที่ก่อตั้งขึ้น เมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๙
- วันที่19 ธันวาคม พ.ศ. 2515 ประท้วงประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 299 ที่ให้ฝ่ายบริหารก้าวก่ายอำนาจตุลาการ (ในรัฐบาลจอมพลถนอม) ....แต่เวลานี้ไม่เห็นหัวนายธีรยุทธ์ออกมาต่อต้าน ม.44 ที่มีอำนาจเหนือตุลาการ
- วันที่ 5-20 มกราคม พ.ศ. 2516 ยกระดับการรณรงค์ให้เลิกซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยจากต่างประเทศ (น่าจะทำเพื่อเอื้อประโยชน์สินค้าของสิริกิตติ์)
- วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2516 เกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ทหารตกกลางทุ่งนาที่ อ. บางเลน จ.นครปฐม พบซากสัตว์ป่าจำนวนมาก นักศึกษาม.รามคำแหงออกหนังสือเสียดสีการเมืองชื่อ "มหาวิทยาลัยที่ไม่มีคำตอบ" เป็นเหตุให้นักศึกษา 9 คนถูกลบชื่อออกจากการเป็นนักศึกษา
- วันที่ 21-27 มิถุนายน พ.ศ. 2516 ศนท.ได้เข้าสนับสนุน นิสิตนักศึกษาหลายสถาบันร่วมกันเดินขบวนกรณี 9 นักศึกษาที่ถูกลบชื่อ ส่งผลให้ ดร.ศักดิ์ ผาสุขนิรันดร์ ต้องลาออกจากตำแหน่งอธิการบดี และทางมหาวิทยาลัยได้คืนสถานะให้ 9 นักศึกษาที่ถูกลบชื่อ
- วันที่ 6 ตุลาคม 2516 มีนักวิชาการ นักการเมือง นักคิด นักเขียน นิสิต นักศึกษา 100 คนร่วมกันลงชื่อเพื่อเรียกร้องขอรัฐธรรมนูญ นายธีรยุทธ บุญมี ลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการศนท. (นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์เข้ารับตำแหน่งเลขาธิการศนท.) ร่วมกับกลุ่มนักศึกษาจำนวน 20 คน ออกเดินแจกใบปลิวเรียกร้องรัฐธรรมนูญตามสถานที่ต่าง ๆ ในการนี้ตำรวจสันติบาลทำการจับกุมนักศึกษาได้ 13 คน สองคนในจำนวนที่ถูกจับกุมมีนายธีรยุทธ์ บุญมีและนักการเมืองชื่อไขแสง สุขใส รัฐบาลตั้งข้อหามั่วสุม ชักชวนให้มีการชุมนุมทางการเมืองในที่สาธารณะเกินกว่า 5 คน บ่อนทําลายความมั่นคงของรัฐ เป็นกบฏภายในพระราชอาณาจักร และมีการกระทําอันเป็นคอมมิวนิสต์ สร้างความไม่พอใจครั้งใหญ่ให้แก่นักศึกษาและประชา ชนเป็นอย่างมาก และนำไปสู่การชุมนุมใหญ่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งขณะนั้นกำลังสอบกลางภาค
- วันที่ 7 ตุลาคม ทางองค์กรนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ประกาศ "งดสอบ" พร้อมทั้งยื่นคำขาดให้รัฐบาลปล่อยบุคคลทั้ง 13 ก่อนเที่ยงวันที่ 13 ตุลาคม แต่รัฐบาลเพิกเฉย
- วันที่ 13 ตุลาคม มีการนัดชุมนุมและเดินขบวนครั้งใหญ่ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศา สตร์และออกเดินสู่ลานพระบรมรูปทรงม้า โดยมีประชาชนเข้าร่วมสนับสนุนอย่างเนืองแน่น คาดว่าไม่น้อยกว่าห้าแสนคน จนนำไปสู่การขับไล่รัฐบาลจอมพลถนอมได้สำเร็จ
- วันที่ 15 ตุลาคม ได้มีประกาศว่าจอมพลถนอม กิตติขจร จอมพลประภาส จารุเสถียร และพันเอกณรงค์ กิตติขจร เดินทางออกนอกประเทศแล้ว ชัยชนะครั้งนี้ถือเป็นผลงานของศนท.
- จากนั้นเป็นต้นมาศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (ศนท.) ก็มีอิทธิพลและบทบาททางการเมืองสูงยิ่ง ไม่ว่าจะมีการนัดหยุดงาน (strike) ที่ไหน หรือกลุ่มอาชีพแรงงานเรียกร้องอะไร ศนท.เป็นต้องเข้าไปร่วมสนับสนุน จนกลายเป็นการชุมนุมรายวัน บางวันมีการชุมนุมเกิดขึ้นหลายพื้นที่ จนเป็นที่เอือมระอาของประชาชนคนทั่วไป บทบาทของศนท.ในเวลานั้นมีความเหิม
เกริมเป็นอย่างยิ่ง เหิมเกริมกระทั่งบุกสถานทูตอเมริกาทำการต่อต้านและขับไล่ฐานทัพอเมริกัน ด้วยการปลดธงชาติสหรัฐลงมาฉี่รดแล้วเผาที่หน้าสถานทูต
- ชัยชนะในเหตุการณ์ 14 ตุลสคม 2516 แม้สามารถโค่นล้มอำนาจเผด็จการทหารลงได้ แต่ก็ต้องแลกมาซึ่งการสูญเสียชีวิตของพี่น้องประชาชนและปัญญาชนจำนวนหนึ่ง และอำนาจที่ได้มาก็ไม่ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์ในทางใดๆ เนื่องจากอ่อนประ สบการณ์ จนในที่สุดอำนาจก็ไปหล่นใส่มือภูมิพล (เป็นไปตามแผนทวงคืนอำนาจที่เคยสูญเสียให้แก่คณะราษฎรเมื่อปีพ.ศ. 2475)
- ความเหิมเกริมในชัยชนะของนักศีกษาในครั้งกระนั้น ได้ถูกเฝ้ามองจากขั้วอำนาจใหม่อันหมายถึงสถาบันกษัตริย์อย่างไม่กระพริบตา จวบจนเหตุการณ์ผ่านมา 3 ปีได้เวลาอันควร จึงเปิดไฟเขียวให้จอมพลประภาสและจอมพลถนอมสามารถกลับเข้าประเทศได้ ซึ่งเปรียบเสมือนทุบเข้าไปในกล่องดวงใจของนักศึกษาในเวลานั้น (กลัวจะโดนเอาคืน)
- ทันทีที่นักศึกษาทราบข่าวการกลับมาของจอมพลถนอม จึงเกิดมีการรวมตัวกันต่อต้านขึ้นในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขณะที่ภูมิพลและสิริกิตติ์ก็เปิดหน้าไปให้กำลังใจถนอมที่วัดบวรนิเวศฯในกลางดึก แถมสิริกิตติ์มีรับสั่งผ่านคุณหญิงเกนหลง สนิทวงศ์นางสนองพระโอษฐ์ว่า "มีคนใจร้ายจะมาเผาวัดบวรนิเวศ ขอให้ประชาชนช่วยกันดูแลป้องกันอย่าให้ผู้ใจร้ายมาทำลายวัด" (โยนบาปให้นิสิตนักศึกษาเป็นพวกคนใจร้ายจะเผาวัด)
- รวดเร็วทันใจเสียงขานรับจากกลุ่มกำลังนอกระบบอันหมายถึง กลุ่มลูกเสือชาวบ้าน, กลุ่มนวพลและกลุ่มกระทิงแดง (ที่กอ.รมน.ฝึกการต่อสู้และการใช้อาวุธปืน) ก็ตอบสนองตามที่วังต้องการทันที จากนั้นก็มีการปลุกระดมให้เกลียดชังนิสิตนักศึก ษาด้วยความจงใจ "ประเทศชาติจะอยู่รอดเพราะวัดกับวัง"......"ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป"......"ฆ่าปลวกต้องใช้ปลวกฆ่า" นอก จากนี้ยังมีนโยบายขวาพิฆาตซ้าย
- ช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานในธรรมศาสตร์ก็ยังมีการชุมนุมและแสดงละครล้อเลียน 2 พนักงานการไฟฟ้า จังหวัดนครปฐมที่ถูกจับแขวนคอโดยนักศึกษา และมีการแต่งหน้าผู้แสดงให้เหมือนวชิราลงกรณ์
- 6 ตุลาคม 2519 กองกำลังตำรวจตระเวณชายแดนที่สมเด็จย่า(นางสังวาล)ให้ความใกล้ชิด ก็เป็นหัวหอกเปิดทางให้กองกำลังนอกระบบทั้ง 3 กลุ่มบุกเข้าฆ่าหมู่นักศึกษาอย่างโหดเหี้ยมเยี่ยงซาตาน เป็นการปิดบัญชีความเหิมเกริมและอวสานของศนท.
- แต่เป็นที่สังเกตว่าเมื่อเหตุการณ์ผ่านพ้นไป เลขาธิการศนท.อย่างนายธีรยุทธ์ บุญมี, นายสมบัติ ดำรงธัญวงศ์และหัวขบวนนักศึกษาที่เป็นแกนนำอย่างนายเสกสรรค์ ประเสริฐกุล - นางจิรนันท์ พิตรปรีชา นอกจากไม่มีใครเสียชีวิตแล้วยังได้ดิบได้ดีได้เรียนจบปริญญาเอกจากต่างประเทศทุกคน ทั้งที่ไม่ได้ทุนจากที่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายธรรยุทธ ที่ได้ชื่อว่าเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน ที่สำคัญทุกคนกลายเป็นบุคคลผู้มีชื่อเสียงและเป็นเสาค้ำให้กับสถาบันกษัตริย์ทั้งในทางตรงและทางอ้อม
- เมื่อศนท.ปิดฉากลง นักศึกษาทุกสถาบันก็หมดบทบาทและห่างหาย จนกระทั่งปีพ.ศ.2527 มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้จัดสัมมนาองค์การนักศึกษาทั่วประเทศ มีองค์การนักศึกษาเข้าร่วม 14 สถาบัน และได้จัดตั้งสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) ขึ้น ภายใต้คำขวัญ "เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ"
- บทบาทการเคลื่อนไหวเริ่มแรกแทบไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันส่วนใหญ่หนักไปทางคัดค้านเช่น คัดค้านการขึ้นค่ารถเมล์, คัดค้านการซื้อเครื่องบิน เอฟ-16 เป็นต้น ส่วนการเคลื่อนไหวที่เป็นชิ้นเป็นอัน ก็มีการเคลื่อนไหวต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นในรัฐบาลพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ยุคนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล เป็นเลขาธิการ จนเป็นเหตุให้มีการรัฐประหารรสช.เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534
- เหตการณ์รัฐประหารรสช. นายปริญญาเคยพูดว่า "การเคลื่อนไหวของเราเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความชอบธรรมให้รสช. ยึดอำนาจด้วย คือช่วยสร้างกระแสว่ารัฐ บาลชาติชายโกงกิน พอมีรัฐประหารเรารู้เลยว่าความเข้าใจทางการเมืองของเรายังอ่อนอยู่มาก ประเมินสถานการณ์ผิด ไม่คิดว่าเราจะกลายเป็นเครื่องมือของรสช.โดยไม่ตั้งใจ"
- จากนั้น สนนท.ก็หันกลับมาคัดค้านการสืบทอดอำนาจของรสช. ในกรณีการเข้ารับตำแหน่งนายกฯ ของพล.อ.สุจินดา คราประยูร จนในที่สุดบทบาทการเคลื่อนไหวของสนนท.ก็ถูกพล.ต.จำลองคว้าไปเป็นแกนนำแทน จนไปสู่เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ อันแสดงให้เห็นถึงความเดียงสาและอ่อน หัดทางการเมืองของสนนท.ในเวลานั้น
- หลังพฤษภาสนนท. ก็ยังมีการเคลื่อนไหวแต่หนักไปทางเรียกร้องเช่น การกระจาย อำนาจให้ท้องถิ่น, การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 211 เพื่อให้มีการปฏิรูปการเมือง, การขยายสิทธิเลือกตั้งแกผู้มีอายุ 18 ปี, เรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเมืองและเคลื่อนไหวรณรงค์ให้มีการรับร่างรัฐ ธรรมนูญจนเป็นที่มาของรัฐธรรมนูญ 2540 ซึ่งถือได้ว่าสนนท.มีการเรียนรู้และเพิ่มพูนประสบการณ์ทางการเมืองอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นก็เปลี่ยนมาเป็นแนวทางคัดค้าน อาทิ คัดค้านการละเมิดสิทธิมนุษยชน, คัดค้านการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น, เคลื่อนไหวเรียกร้องการจัดสร้างอนุสาวรีย์ 14 ตุลา 6 ตุลา และการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ทั้งหมดนี้เป็นบทบาทของสนนท.ในช่วงปี
2538 -2540
- บทบาทของ สนนท.หลังปี 2540 ได้เน้นไปที่การลงพื้นที่ และทำงานร่วมกันกับชาวบ้านอย่างใกล้ชิดในพื้นที่ที่เกิดปัญหาจากโครงการหรือนโยบายการพัฒนาของรัฐเช่น โครงการท่อก๊าซไทย-พม่า (2541) เขื่อนปากมูน ซึ่งมีการเคลื่อนไหวร่วมกับชาวบ้านทั้งที่สันเขื่อนและหน้าทำเนียบรัฐบาล เคลื่อนไหวร่วมกับสมัชชาคนจน (2543,2545) โครงการท่อก๊าซไทย-มาเลย์ ที่ อ.จะนะ จ.สงขลา (2543-46) การสังหารฆ่าแกนนำชาวบ้านในพื้นที่ต่างๆ ทั้งหมดนี้เป็นบทบาทการขับเคลื่อนภายใต้การนำของเลขาธิการสนนท. ที่มีชื่อว่า "สี่เสือในแดนสิงห์,กระทิง,แรด" ส่วนใครเป็นใครชื่ออะไรขอให้กลับไปอ่านย้อนย่อหน้าแรก
หมดเนื้อที่พอดียังไม่ได้พูดถึงตัวตนธนาธร.....โปรดติดตามในตอนต่อไป (รับประกันความมันส์และเข้มข้นของชายที่ชื่อธนาธร)
อาคม ซิดนี่ย์
6 พฤษภาคม 2565
สี่เสือจากซ้าย นายศรายุทธ์ ใจหลัก นายชัยธวัช ตุลาธน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจและนายอุเชนทร์ เชียงเสน
