วันพฤหัสบดี, กันยายน 16, 2564

'ตู่' เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวตุลานี้ พร้อมจริงนะ “ไม่ใช่เปิดเพราะรัฐบาลหารายได้ทางอื่นไม่เป็น” เพื่อไทยหยิก

พอจะคุยว่า “ยอดผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-๑๙ ในส่วนของที่รักษาหายสามารถกลับบ้านได้ สถิติสูงกว่ายอดผู้ป่วยที่ติดเชื้อใหม่รายวันติดต่อกันนานกว่า ๑ เดือน” เสียหน่อย วันเดียวกันนี่แหละ ตัวเลขติดเชื้อใหม่ดันมากกว่าจำนวนรักษาหายซะแล้ว

อันที่จริงไม่ควรเอาตัวเลขสองกรณีมาเทียบเคียง เพราะมันไม่ได้สะท้อนสภาพที่ถูกต้องตามตรง การที่จำนวนผู้ป่วยใหม่ยังคงระดับหมื่นกว่าอยู่ และจำนวนผู้ตายอยู่ในเกณฑ์ร้อยกว่าเกือยสองร้อยทุกวัน แสดงว่าการระบาดยังรุนแรงน่ากลัว

แต่เพราะเศรษฐกิจยังไม่เห็นแสงไฟที่ปลายอุโมงก์ รู้แต่ว่าการท่องเที่ยวเคยทำรายได้ให้ประเทศอย่างดีก่อนที่โควิดจะมา ก็เลยพยายามจะเปิดประเทศให้เร็วที่สุด โดยมีไฟรนก้นอยู่ที่การค้า-อุตสาหกรรมยังคงตกต่ำลงๆ ไปเรื่อยๆ ไม่มีอะไรเอามาคุยได้

ฝ่ายวิจัยธนาคารไทยพาณิชย์ SCB EIC’ เพิ่งเผยแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ช่วงโค้งสุดท้ายปี ๒๕๖๔ ว่าการเติบโตของ จีดีพี ยิ่งต่ำต้อยลงไปใหญ่ จากประมาณการเดิมว่าจะโต ๐.๙% ตอนนี้ต้องปรับลดเหลือแค่ ๐.๗% แต่ให้รอไปลุ้นโน่นปี ๖๕

“คาดเศรษฐกิจฟื้นตัวที่ ๓.% ตามความคืบหน้าในการฉีดวัคซีน แต่ถือเป็นการฟื้นตัวอย่างช้า ๆ เนื่องจากผลของแผลเป็นเศรษฐกิจยังเป็นอุปสรรคสำคัญ” ยรรยง ไทยเจริญ ประธานกลุ่มงาน อีไอซีแถลงถึงเหตุแห่งพิษโควิดนั่นละ

ประยุทธ์ถึงได้ให้โฆษก ธนกร วังบุญคงชนะ ออกมาแถลงว่าการควบคุมโควิด-๑๙ ของไทย “มีสัญญานดีขึ้น...เชื่อว่าต่อจากนี้สถานการณ์จะดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน” อ้างว่ามาตรการล็อคดาวน์และการระดมฉีดวัคซีนได้ผล อย่างที่คุยว่ารักษาหายมากกว่าติดเชื้อ

แต่มันไม่เกี่ยวกัน การรักษาหายมาจากจำนวนผู้ป่วยสะสม ตอนนี้อยู่ที่ ๑ ล้าน ๔ แสนกว่าราย ถ้าจะเอาจำนวนหายป่วยสะสมที่ ๑ ล้าน ๒ แสนกว่ามาคุย ก็แสดงว่าจำนวนผู้ป่วยทั้งหมดจริงๆ คือ ๒ ล้าน ๗ แสน เป็นตัวเลขที่รัฐบาลหมกเม็ดไว้

ถ้าจะอ่านสถิติให้ถูกต้อง นำมาวินิจฉัยว่าควรเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ “โดยไม่ต้องกักตัว ในลักษณะเดียวกันกับโครงการนำร่องภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ละก็ ต้องดูจำนวนผู้ตายรายวันเป็นหลัก ถ้าหากตัวเลขคนตายยังอยู่ในละแวก ๒๐๐ ทุกวัน ก็ยังไม่ดี

ข้อเสนอของพรรคเพื่อไทย ว่าหากรัฐบาลยืนยันจะเปิดประเทศในต้นเดือนหน้า ๕ จังหวัด แล้วเพิ่มเป็น ๒๑ จังหวัดในตอนกลางตุลา “รัฐบาลเองต้องเร่งสั่งจองวัคซีนป้องกันโควิดที่มีเทคโนโลยีป้องกันเชื้อสายพันธุ์ใหม่อย่างโนวาแวกซ์”

พร้อมทั้ง “ระบบแจ้งเตือนพื้นที่ติดเชื้อผ่านแอพพิเคชั่น และชุดตรวจ ATK เตรียมพร้อมให้กับภาคเอกชนที่เปิดรับนักท่องเที่ยว ไม่ใช่เปิดเพราะรัฐบาลหารายได้ทางอื่นไม่เป็น” น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคชี้แนะให้ต้องรอบคอบ

ในเมื่อ “มีรายงานว่าพบโควิด-๑๙ สายพันธุ์ใหม่ ‘C.1.2’ ที่แพทย์ระบุว่าเชื้อรุนแรงกว่าเดิม ซึ่งตอนนี้เริ่มแพร่เชื้อหลายทวีปทั่วโลก...แม้จะฉีดวัคซีน mRNA แล้วก็ตามแต่อาการยังรุนแรง จึงอยากถามว่ารัฐบาลได้เตรียมพร้อมรับมือแล้วหรือไม่”

ไม่รู้ว่าทีมเวชบริกรของรัฐบาลประยุทธ์ทำอะไรไปได้บ้างสำหรับการเตรียมรับมือดังกล่าว เพจ ‘Affluent Times’ รวบรวมเรื่องควรรู้สำหรับประชาชนไว้ ใช้ประโยชน์ในการพิจารณาหนทางปกปักรักษาตัวเองในหมู่ประชาชน เพราะโฆษกศูนย์โควิดเอาแต่เล่นลิ้น

เราพร้อมแค่ไหน ในเมื่อยังมีผู้ติดเชื้อเพิ่มเฉลี่ยแต่ละวันต่อประชากร ๑ ล้านคน ที่ ๒๐๗.๕๗ ขณะที่อัตราเฉลี่ยของโลกอยุ่ที่ ๗๐.๓๘ ส่วนจำนวนคนตายเพราะโควิด ของไทยเฉลี่ย ๓.๐๖ ต่อ ๑ ล้านคน แต่ว่าทั่วโลกคนตายเฉลี่ยแค่ ๑.๑๒

“อย่างไรก็ตาม ยอดการฉีดวัคซีนโควิด-๑๙ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ยังเป็นประเด็นถกเถียงว่าจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้หรือไม่” บีบีซีไทยรายงานเมื่อวันวาน “ล่าสุด ณ วันที่ ๑๕ ก.ย. ฉีดวัคซีนไปแล้วทั้งหมด ๔๑,๖๔๗,๑๐๑ โด๊สเซส”

สำหรับเข็มแรกครอบคลุมประชากรได้ ๓๘.๕% “และครบทั้งสองเข็มแล้ว ๑๘.% ของประชากร แต่เป้าหมายของรัฐบาลคือการฉีดวัคซีนให้ได้ทั้งหมด ๑๐๐ ล้านโด๊สเซส เพื่อครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย ๕๐ ล้านคน หรือ ๗๐% ของประชากร”

อีกไม่ถึงสองอาทิตย์จะถึงเดือนตุลา จะทันไหม โหมฉีดให้ได้อีก ๕๐ ล้านโด๊สเซสละหรือ เห็นมีประโคมโฆษณาว่าจะมีการฉีดดะ ๑ ล้านโด๊สเซสในวันนักขัตฤกษ์หนึ่งที่จะมาถึง เพื่อเป็นพระราชกุศล ก็เลยไม่พ้นคนบ่น โถ ต้องรอวันดีคืนดี

(https://www.facebook.com/BBCnewsThai/posts/3031752200379133:0, https://www.matichon.co.th/politics/news_2942266, https://www.thairath.co.th/news/politic/2195005, https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=182438017303540&id=100978222116187 และ https://thaipublica.org/2021/09/eic-revises-down-2021-economic-forecast/)