วันพุธ, กันยายน 08, 2564

เสาหลักของอำนาจอนุรักษ์คือ ปืน กฎหมาย และสร้างความเชื่อศรัทธา ในคาถาชาติศาสน์กษัตริย์ ตอนนี้กำลังคลอนแคลน



Atukkit Sawangsuk
7h ·

ชนะเกมหน้าด้านในสภา
แพ้ศรัทธา 2 พส.ออนไลน์
...............................................
อย่าคิดว่าไม่เกี่ยวกัน
เสาหลักของอำนาจอนุรักษ์คือ ปืน กฎหมาย และความเชื่อศรัทธา
ใช้คาถาชาติศาสน์กษัตริย์ เป็นเครื่องควบคุมครอบงำ
:
สี่ปีที่ผ่านมา คณะสงฆ์ถูกจัดระเบียบ บังคับพระให้อยู่ในกรอบ
ห้ามวิจารณ์รัฐบาล ห้ามเคลื่อนไหวการเมือง ห้ามพูดเรื่องความทุกข์ของชาวบ้าน ใช้สำนักพุทธหัวเกรียนกวาดล้างพระมหานิกายที่เคยก่อม็อบปกป้องสมเด็จช่วง
ชูภาพพระเคร่ง นั่งวิปัสนากรรมฐานไปสู่นิพพาน
แต่ระหว่างทางพระผู้ใหญ่ก็นั่งรถเบนซ์ขายผ้ายันต์
:
ปรากฏการณ์ที่ 2 พส. ผู้ถูกรัฐและคณะสงฆ์เขม่น
ทั้งจากทัศนะเปิดกว้าง มีภูมิปัญญา และยืนข้างประชาธิปไตย
แหวกวงล้อมมาไลฟ์สดสะท้านสะเทือน คนดูสองแสน ดูย้อนหลังเป็นล้าน
มันจึงเหมือน "แผ่นดินไหวทางวัฒนธรรม" อีกครั้ง
ใช้เสียงหัวเราะอันทรงพลังเขย่าเสาหลักทางความเชื่ออีกต้น
"พุทธราชาชาตินิยม" ที่กำลังผุพัง
:
มันจึงเกิดปฏิกิิริยาดิ้นพล่าน พยายามจะยับยั้ง
พยายามบิดเบือนโจมตีว่าหัวเราะดังไม่ใช่พุทธแท้ - ถุย ไอ้พวกแอบอ้าง
ที่ดิ้นกันอย่่างนี้เพราะไม่สามารถใช้อำนาจคณะสงฆ์-สำนักพุทธ มาเล่นงาน
ไล่จากวัด-จับสึก แบบที่เคยทำกับพระเณรไปม็อบ
เพราะ 2 พส. มีคนดูเป็นล้าน โพสต์แต่ละทีมีคนกดหัวเราะเป็นแสนๆ
(นี่ยังไปเอาพระมหาเทวีมาเข้าพวก)
ใช้อำนาจทางสงฆ์ สงฆ์ก็เสืิ่อม
แต่ใช้พวกน้อมนำ-หิวแสง-โจรโพกผ้าเหลืองกรรโชกทรัพย์ ฯลฯ มาโจมตี ก็ยิ่งล้มละลาย (นี่หรือวะสายพุทธ)


Atukkit Sawangsuk
9h ·

มิตรสหายขุดโพสต์เก่าพระมหาไพรวัลย์มาให้ดู
นั่นละครับสิ่งที่คริสต์ปรับตัว ไม่ใช่เอาพระเจ้ามาชี้หน้าฆ่าคนเช่นในอดีต
..........................
ทรงทำให้พระศาสนจักร กลายเป็นเรื่องของความเมตตา ความเปิดกว้าง และความเห็นอกเห็นใจ ทรงทำให้เห็นว่า พระศาสนจักรไม่ใช่แค่แดนของการพิพากษาและการตัดสินอีกต่อไปแล้ว
ความกล้าหาญของสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์นี้เป็นไปอย่างสอดคล้องกับพระดำรัสของพระองค์เอง เช่นที่เคยตรัสไว้อย่างชัดเจนทำนองว่า การที่พระศาสนจักรจะถูกให้ร้าย หรือถูกทำให้สกปรก นั่นย่อมดีกว่าการที่นักบวชในพระศาสนจักรจะหลบหรือแอบอยู่ โดยที่ไม่กล้าจะลงไปบนถนน (เพื่อเผชิญกับความจริง)
God is mercy (พระเจ้าคือความเมตตา) นี่ไม่ใช่แค่คำพูดสวยหรูที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสตรัสไว้เท่านั้น หากแต่คำคำนี้ เป็นสิ่งที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงทำให้เห็นโดยประจักษ์อย่างเป็นรูปธรรม และแม้แต่อาตมาเองก็นับถือพระองค์ในเรื่องเหล่านี้
.....
ไพรวัลย์ วรรณบุตร
November 19, 2019 ·

เมื่อครู่นี้ อาตมาได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวจากอิตาลี เนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสจะเสด็จเยือนประเทศไทยในวันพรุ่งนี้
ขอพูดนอกเหนือจากสิ่งที่ได้ให้สัมภาษณ์ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วล้วนเป็นคำถามที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาโดยตรง
สำหรับอาตมาแล้ว สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ถือว่าทรงเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นสมัยใหม่แห่งพระศาสนจักร และแห่งนักบวชในโรมันคาทอลิกทั้งหมด ทรงเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ ทั้งโดยพระดำรัสและความประพฤติส่วนพระองค์ที่แสดงออกอย่างชัดเจนอยู่บ่อยครั้ง
ที่สำคัญ ไม่ใช่แค่กับโรมันคาทอลิกเท่านั้น สมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์นี้ ถือว่าทรงเป็นแบบอย่างที่นักบวชในทุกศาสนา ควรถือเป็นทิฎฐานุคติได้อยู่หลายข้อเลยทีเดียว
ในเรื่องที่เด่นชัด สมเด็จพระสันตะปาปาทรงมีความห่วงใยต่อความเป็นไปของสังคมโลก ทรงสนใจปัญหาของมวลมนุษยชาติ ทั้งที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ความขัดแย้ง ความรุนแรง ความยากจน ตลอดจนถึงความล่มสลายของระบบนิเวศวิทยา
โดยเฉพาะก็ปัญหาความยากจน ทรงถ่อมตนและทรงอยู่ข้างคนขัดสน ดั่งที่ทรงเลือกด้วยพระองค์เองในการที่จะเสด็จเยือน ๓ ประเทศยากจนในอเมริกาใต้
ทรงเป็นแบบอย่างของผู้มักน้อยสันโดษ ดั่งที่แม้จะทรงเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาแล้ว แต่ก็ทรงเลือกที่จะประทับอยู่ภายนอกพระราชวัง และโปรดการทำอาหารเสวยเอง ทรงตรัสกับเหล่านักบวชในพระศาสนจักรอยู่เสมอว่า เราต้องเป็นคนจนในหมู่คนจน
ในเรื่องของความขัดแย้งเล่า ทรงเน้นย้ำว่า เราต้องรวมเอาคนที่เรากีดกันเข้ามา โลกต้องไม่มีความกีดกันแลความแบ่งแยก ทรงก้มจูบเท้าของเหล่าผู้อพยพ และเหล่าผู้ขัดแย้ง เพื่อวอนขอสันติภาพ
ทรงมีความกล้าหาญอย่างโดดเด่นและแตกต่างจากสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์อื่นอื่น ทรงมีพระดำรัสอย่างตรงไปตรงมาในหลายเรื่อง แม้ว่าบางเรื่องจะเคยถูกทูลขอให้ไม่ตรัส หรือบางเรื่องจะเป็นความละเอียดอ่อนและความท้าทายต่อความเชื่อแห่งพระศาสนจักรเสียเอง ทรงตรัสถึงเรื่องรักร่วมเพศ เรื่องการฆ่าตัวตาย หรือแม้แต่การทำแท้ง เป็นต้น ทั้งที่เรื่องเหล่าเคยถูกมองว่าเป็นความผิดบาปอย่างมหันต์ในสายตาของพระศาสนา
ทรงทำให้พระศาสนจักร กลายเป็นเรื่องของความเมตตา ความเปิดกว้าง และความเห็นอกเห็นใจ ทรงทำให้เห็นว่า พระศาสนจักรไม่ใช่แค่แดนของการพิพากษาและการตัดสินอีกต่อไปแล้ว
ความกล้าหาญของสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์นี้เป็นไปอย่างสอดคล้องกับพระดำรัสของพระองค์เอง เช่นที่เคยตรัสไว้อย่างชัดเจนทำนองว่า การที่พระศาสนจักรจะถูกให้ร้าย หรือถูกทำให้สกปรก นั่นย่อมดีกว่าการที่นักบวชในพระศาสนจักรจะหลบหรือแอบอยู่ โดยที่ไม่กล้าจะลงไปบนถนน (เพื่อเผชิญกับความจริง)
God is mercy (พระเจ้าคือความเมตตา) นี่ไม่ใช่แค่คำพูดสวยหรูที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสตรัสไว้เท่านั้น หากแต่คำคำนี้ เป็นสิ่งที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงทำให้เห็นโดยประจักษ์อย่างเป็นรูปธรรม และแม้แต่อาตมาเองก็นับถือพระองค์ในเรื่องเหล่านี้