วันอาทิตย์, พฤษภาคม 16, 2564

สนิมร้ายที่กำลังเกาะกินเจ้า บทเรียนราคาแพงของการอ้างความ “จงรักภักดี”



คณะก้าวหน้า - Progressive Movement
9h ·

[ “ประสิทธิ์ เจียวก๊ก” จากนักธุรกิจผู้เดินเข้านอกออกในกองทัพ สู่วิทยากรไอโอจิตอาสา 904 สุดท้ายกลายเป็น “นักต้มตุ๋นพันล้าน” บทเรียนราคาแพงของการอ้างความ “จงรักภักดี” ]
.
14 พฤษภาคม 2564 วันนี้ กองปราบปรามแถลงข่าวการผลการสนธิกำลังจับกุมดำเนินคดีเครือข่ายต้มตุ๋นนักธุรกิจจนเสียหายพันล้าน แม้จะดูเป็นข่าวธรรมดาสามัญทั่วไป แต่สิ่งที่ไม่ธรรมดาคือเครือข่ายนี้เป็นของ “ประสิทธิ์ เจียวก๊ก” ชื่ออาจฟังดูคุ้นๆ แต่จำไม่ได้ว่าเป็นใครสำหรับบางคน แต่ถ้าบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นอีกครั้งคงร้อง “อ๋อ!” ทันที
.
เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นมาตั้งแต่ช่วงปี 2563 ที่คณะก้าวหน้าได้ติดตามการทำงานไอโอ หรือปฏิบัติการข่าวสาร (Information Operations : IO) ของกองทัพและเอกชนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด(มาตั้งแต่ยังเป็นพรรคอนาคตใหม่) จนในขณะนั้นพบเครือข่ายการสื่อสารไอโอที่สะดุดตาเป็นอย่างมากของ “ประสิทธิ์ เจียวก๊ก” ที่โดดเด่นขึ้นมา โดยเฉพาะในโรงเรียนจิตอาสาฯ
.
ผสมกับช่วงเดียวกัน มีทหารปล่อยข้อมูลการทำงานไอโอจากวงในกองทัพ ถึงขั้นหลุดเป็นชื่อผู้รับผิดชอบทั้งหมด ผังการทำงาน ลักษณะรูปแบบการทำงานที่แบ่งเป็นทีมขาว-เทา-ดำ เพื่อสนับสนุนองค์กรสถาบันพวกตัวเอง และด้อยค่าขบวนการประชาธิปไตย โดยชาวเน็ตได้ร่วมกันขุดหลักฐานทั้งหมด แล้วพบว่าเชื่อมโยงกับเซิร์ฟเวอร์เครือข่ายของธุรกิจของ “ประสิทธิ์ เจียวก๊ก” คนเดียวกัน
.
เขาจึงกลายเป็นโฟกัสของการสืบสวนของมูลของคณะก้าวหน้า เราพบว่าไม่กี่ปีที่ผ่านมา คนๆ นี้โผล่ขึ้นมาบนหน้าสื่ออย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย โดยสร้างภาพให้ตนเองเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์พันล้านที่ประสบความสำเร็จจากภาคใต้ผู้ใจดี ชอบทำการกุศลช่วยเหลือคนอื่นในงานสังคมต่างๆ โดยมีความสนิทสนมกับนักการเมืองในภาคใต้ ผู้นำกองทัพ โรงเรียนจิตอาสา นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ เรื่อยไปจนถึงมีโอกาสได้พบกับรัฐมนตรีอีกหลายคน
.
แต่เมื่อเราสืบลงไปถึงบริษัทในเครือธุรกิจทั้งหมดของเขาที่ชื่อว่า M Group ก็พบความไม่ชอบมาพอกลเป็นอย่างยิ่ง ทั้งเรื่องงบการเงินที่ไม่สมเหตุสมผล ทั้งเรื่องโมเดลธุรกิจต่างๆ จนทำให้เราเชื่อว่านี่คือการหลอกหลวงต้มตุ๋นครั้งใหญ่ที่เพียงรอวันฝีแตกเท่านั้น
.
แต่สิ่งที่เราสนใจมากกว่า และคิดว่าปล่อยผ่านไม่ได้ ก็คือเรื่องความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างประสิทธิ์กับผู้นำกองทัพและนายทหารระดับสูง ที่ประสิทธิ์ได้รับโอกาสไปร่วมงานกับกองทัพอยู่หลายโครงการ รวมถึงการไปร่วมพิธีครบรอบสถาปนาหน่วยงานต่างๆ ในกองทัพด้วย เช่นเป็นพลเรือนเพียงคนเดียวได้ถ่ายรูปและเดินเคียงข้างผู้นำกองทัพในงานวันสถาปนากรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ เมื่อปลายปีที่แล้วด้วย รวมถึงการได้รับโอกาสเป็นวิทยากรบรรยายให้โรงเรียนจิตอาสาพระราชทานในหัวข้อเกี่ยวกับการใช้โซเชียลมีเดียอีกนับครั้งไม่ถ้วน
.
แต่ประสิทธิ์ยังทำมากกว่านั้น เพราะเขาได้ให้ใช้พื้นที่เซิร์ฟเวอร์ของเว็บไซต์ในเครือบริษัทของเขาเป็นที่ใช้สื่อสารกันของแอปพลิเคชั่นเครือข่ายไอโอ ที่มีกำลังพลในกองทัพจำนวนนับร้อยนับพันคนปฏิบัติงานอยู่ในนั้น เพื่อด้อยค่าประชาชนคนไทยด้วยกันเอง จนคณะก้าวหน้า โดยพรรณิการ์ วานิช ต้องนำมาเปิดเผยถึงความเกี่ยวข้องทั้งหมดในวันที่ 1 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา จนทำให้เครือข่ายประสิทธิ์ต้องปิดแอปพลิเคชั่นและเซิร์ฟเวอร์หนีไป
.
แต่ประสิทธิ์ได้เดินทางไปกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อแจ้งความเอาผิดต่อพรรณิการ์ วานิช และคณะก้าวหน้า จากการแถลงข่าว “พาดพิง ไม่มีข้อเท็จจริง” หมิ่นประมาทกรณีกล่าวหาว่าเขาทำธุรกิจไม่ชอบมาพากล
.
ไม่กี่วันหลังจากนั้น รายการ “ถามตรงๆ กับจอมขวัญ” ได้เชิญทั้งพรรณิการ์ วานิช และประสิทธิ์ เจียวก๊ก ไปออกรายการทางช่องไทยรัฐทีวี เกี่ยวกับการปฏิบัติการไอโอ โดยประสิทธิ์กล่าวว่าที่เขาสร้างแอปพลิเคชั่นหรือให้ยืมเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดนั้นเพราะ “จงรักภักดี ผิดตรงไหน?” ... ใช่ พรรณิการ์เห็นตรงกันว่า “คุณประสิทธิ์ไม่ผิดเลย!” ในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่จงรักภักดี ก็มีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกเต็มที่
.
แต่หน่วยงานองค์กรที่เราควรต้องตั้งคำถามดังๆ ก็คือ “กองทัพ” ที่ใช้งานคนอย่างประสิทธิ์ที่เป็นนักต้มตุ๋นได้อย่างไร หรือเพียงเพราะเขาอ้างว่าเป็นผู้ที่จงรักภักดีต่อสถาบัน???
.
มิหนำซ้ำ กองทัพยังสั่งให้กำลังพลของตัวเองละทิ้งหน้าที่การงานหลัก เพื่อมาทำไอโอ ทั้งไอโอด้านขาวที่ลงข้อความสรรเสริญในหลวงแบบไม่เนียนจนชาวเน็ตจับโป๊ะได้ว่าลงข้อความซ้ำๆ กันเป็นร้อยเป็นพันข้อความจนทวิตเตอร์ถึงกับสั่งปิดบัญชีโรงเรียนจิตอาสาไปด้วยข้อหาสแปม และทั้งด้านเทา-ดำ ที่คอยด้อยค่าขบวนการประชาธิปไตยที่พวกเขาเรียกว่าเป็น “ฝ่ายตรงข้าม” ที่กำลังเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ด้วย
.
นี่ไม่ใช่หน้าที่กงการอะไรของกองทัพ!
.
ผ่านไปเพียง 6 เดือนเท่านั้น มาวันนี้ 14 พฤษภาคม กองปราบปรามแถลงข่าวการกวาดจับกุมเครือข่ายต้มตุ๋นของประสิทธิ์ เจียวก๊ก โดยจับกุมตัวผู้กระทำผิดได้ 4 รายในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” จากการตั้งบริษัทเครือข่ายขึ้นหมายแห่งเป็นเครือข่ายใหญ่ แล้วหลอกชักชวนให้ผู้เสียหายนำเงินมาลงทุนหลายรูปแบบ อ้างว่าจะได้เงินตอบแทนสูง ครั้งแรกก็จ่ายจริงเพื่อหลอกให้ลงทุนเพิ่ม ครั้งต่อไปก็บ่ายเบี่ยงไม่จ่ายเงิน จนมีผู้เสียหายนับพันราย มีมูลค่าความเสียหายนับพันล้านบาท
.
อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้ต้องหาที่หลบหนีอยู่ 2 คน และหนึ่งในนั้นคือประสิทธิ์ เจียวก๊ก!
.
พรรณิการ์ ในฐานะที่ถูกประสิทธิ์แจ้งความดำเนินคดีจากการเปิดเผยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับธุรกิจไม่ชอบมาพากลและปฏิบัติการไอโอจิตอาสาของเขา กล่าวว่า
.
“เวลากลายเป็นเครื่องพิสูจน์อีกครั้งแล้ว ถึงความถูกต้องของข้อมูลที่คณะก้าวเปิดเผยก่อนหน้านี้มาครึ่งปีเกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลของประสิทธิ์ เจียวก๊ก แม้เราจะถูกปิดปากด้วยคดีความ ถูกข่มขู่และดิสเครดิตต่างๆ นานา จากกลุ่มประสิทธิ์ ถูกไอโอโจมตีด้อยค่า เช่นเดียวกับการเปิดเผยข้อมูลประเด็นวัคซีนของคุณธนาธร ซึ่งทำให้คนพูดโดนคดี 112 โดนโจมตีว่าเป็นพวกชังชาติ ล้มสถาบัน ทั้งที่เมื่อเวลาผ่านไป ปรากฏว่าข้อมูลและการคาดการณ์ต่างๆ ล้วนกลายเป็นจริง ประเทศนี้ คดีความและการถูกด้อยค่า คือราคาที่คนพูดความจริงต้องจ่าย”
.
และนี่ก็เป็นบทเรียนครั้งสำคัญของหน่วยงานราชการ กองทัพ และโรงเรียนจิตอาสาพระราชทาน ที่ได้รับผลกระทบทางด้านชื่อเสียงจากร่วมงานกับคนเช่นนี้ ที่เพียงอ้างว่าจงรักภักดีต่อสถาบัน ก็เหมือนเป็นใบเบิกทางให้ไปสู่สังคมที่สูงกว่าเพื่อทำการที่ใหญ่กว่าไปเรื่อยๆ จนทุกอย่างพังทลายลงมาอย่างที่เห็น
.
เรื่องนี้ เป็นอุทาหรณ์สอนใจว่า ใครที่อ้างว่าตนเองเป็นคนจงรักภักดี รักสถาบันกษัตริย์ มิได้หมายความว่าคนนั้นจะเป็นคนดีเสมอไป สิ่งที่เขาทำ ดีหรือไม่ดี ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง ย่อมอยู่ที่การกระทำของเขา ไม่ใช่การอ้างว่าตนจงรักภักดี ความจงรักภักดีจึงไม่ใช่เกราะกำบังคุ้มกันตนเอง
.
และหากใครยิ่งอ้างความจงรักภักดีมากเท่าไร ยิ่งต้องพึงระวังให้มากเท่านั้น ...
.
#คณะก้าวหน้า #ประสิทธิ์เจียวก๊ก #จับโป๊ะไอโอ #จับโป๊ะio


พวกดีแตก
.....
ล่าแม่ทัพไอโอ"ประสิทธิ์ เจียวก๊ก" ตุ๋นเหยื่อเสียหายพันล้าน



เมื่อวันที่14พ.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. พร้อมนายตำรวจในสังกัด ร่วมกันแถลงผลการสนธิกำลังเปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย9จุด ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล เพื่อจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายบริษัทชื่อดังหลอกลวงนักลงทุน โดยปฏิบัติดังกล่าวสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้จำนวน4ราย คือทั้งหมดเป็นผู้ต้องหา"ฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน"

พล.ต.ต.สุวัฒน์กล่าวว่าสืบเนื่องจากผู้ต้องหาเครือข่ายดังกล่าวมีพฤติการณ์ร่วมกันตั้งบริษัทขึ้นมาหลายแห่งในลักษณะเครือข่ายใหญ่ ก่อนหลอกชักชวนให้ผู้เสียหายซึ่งเป็นนักลงทุนนำเงินมาร่วมลงทุนในหลายรูปแบบ อ้างจะได้รับผลตอบแทนสูง โดยช่วงแรกจะทำทีจ่ายเงินค่าตอบแทนจริง เพื่อหลอกให้ผู้เสียหายตายใจนำเงินมาลงทุนเพิ่ม จากนั้นจะเริ่มบ่ายเบี่ยงไม่จ่ายเงินค่าตอบแทนหรือคืนเงินลงทุนให้กับผู้เสียหายตามที่ตกลงกันไว้ ก่อนจะขาดหายการติดต่อไปในที่สุด ที่ผ่านมามีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อนับพันรายมูลค่าความเสียหายกว่าพันล้านบาท ซึ่งมีการรวมตัวเข้าแจ้งความไว้ที่ บก.ปอศ.

พล.ต.ต.สุวัฒน์กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ด้วยความที่มีผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก รวมถึงมูลความเสียหายที่ค่อนข้างสูง ทาง บช.ก.ได้สั่งให้ดำเนินการในรูปแบบของคณะทำงาน ประกอบด้วย บก.ป. บก.ปอศ. และ บก.ปอท. เพื่อเร่งติดตามจับกุมจนมีการออกหมายจับผู้ต้องหา 6คน พร้อมกับเปิดปฏิบัติการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายที่นำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาทั้ง4 คนนี้ และตรวจยึดเอกสารหลักฐานต่างๆได้อีกจำนวนมาก ซึ่งคงเหลือผู้ต้องหาอีกเพียง2 คน ที่ยังอยู่ระหว่างหลบหนี จึงอยากฝากถึงผู้ต้องหาที่เหลือว่า หากมั่นใจว่าไม่ผิดก็ขอให้เข้ามามอบตัว เจ้าหน้าที่พร้อมให้ความเป็นกับทุกฝ่าย ขอให้ว่ากันไปตามพยานหลักฐาน

"สำหรับกรณีที่ปรากฏภาพของนักการเมืองระดับประเทศไปร่วมงานเปิดตัวบริษัทในเครือของกลุ่มผู้ต้องหา จะต้องถูกเชิญตัวมาสอบสวนหรือไม่นั้น ในส่วนนี้ยังไม่สามารถบอกได้เนื่องจากต้องตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนว่าจะมีความเกี่ยวข้องหรือไม่"ผบก.ป. กล่าว

พ.ต.อ.นิตติโชติ เพ็ญจำรัส ผกก.4บก.ปอศ.เปิดเผยพติกรรมการหลอกลวงของกลุ่มผู้ต้องว่า มีด้วยกัน 5 รูปแบบ ประกอบด้วย1.เปิดบริษัทท่องเที่ยว ชักชวนผู้เสียหายซื้อแพ็กเกจทัวร์ แต่ไม่มีการจัดท่องเที่ยวจริง2.ชวนนำเงินมาร่วมลงทุนในรูปแบบสหกรณ์ อ้างให้ปันผลสูง แต่สุดท้ายก็ไม่มีปันผล3.ชักชวนลงทุนซื้อ ขายสินค้าแบรนด์เนมออนไลน์จากทางบริษัทในเครือผู้ต้องหาแล้วปล่อยเช่า ซึ่งทางกลุ่มผู้ต้องหาอ้างว่าจะเป็นผู้ควบคุมบริหารจัดการค่าตอบแทนให้ทั้งหมดโดยที่ผู้เสียหายไม่เคยพบเห็นหรือจับต้องตัวสินค้าจริงๆแต่อย่างใด

4.ชักชวนให้นำเงินสดหรือทองคำมาเข้าร่วมในระบบกองทุนส่วนตัวของกลุ่มผู้ต้องหา โดยอ้างว่าในทุก21วันจะได้รับเงินตอบแทนกลับคืนคิดเป็นร้อย9.5ของเงินลงทุน และ5.ชักชวนให้ลงทุนซื้อทองคำจากร้านจำหน่ายทองคำทั่วไป แล้วนำทองคำพร้อมใบเสร็จมาลงทุนตามโปรโมชั่นของบริษัทฯ โดยยอดการลงทุนคำนวณจากราคาทองคำตามที่ระบุในใบเสร็จ ซึ่งผู้ลงทุนจะได้รับผลกำไรตอบแทนร้อยละ43.5ของเงินลงทุน โดยจะแบ่งจ่ายกำไรเป็น2งวด พร้อมกับแบ่งจ่ายคืนเงินต้นเป็นงวดๆ รวม10งวด

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับผู้ต้องหาเครือข่ายดังกล่าวที่ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี อีก2รายคือ นายประสิทธิ์ ทำหน้าเปรียบเหมือนตัวการใหญ่ หรือ หัวหน้าขบวนการ และ นายกิตติศักดิ์ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนยังคงกระจายกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแสที่กบดานของผู้ต้องหาทั้ง2รายนี้อย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่ายังคงหลบหนีอยู่ภายในประเทศ

นอกจากนี้ยังเร่งดำเนินการตรวจสอบความเชื่อมโยงทางการเงินและทรัพย์สินต่างๆของเครือข่ายดังกล่าว เพื่อตามยึดทรัพย์แล้วนำเข้าสู่กระบวนการชดใช้เยียวยาผู้เสียหาย ขณะที่ในส่วนของผู้ต้องหาทั้ง4รายที่ถูกจับกุมตัวได้แล้วนั้นจากการสอบสวน เบื้องต้นทั้งหมดยังคงยืนกรานให้การปฏิเสธ แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับดำเนินการตามขั้นตอนกำหมายต่อไป

จากการตรวจสอบประวัติ นายประสิทธิ์ หัวหน้าขบวนการเครือข่ายดังกล่าว พบว่า เคยมีข้อพิพาทกับน.ส.พรรณิการ์ วานิช หรือ ช่อ แกนนำคณะก้าวหน้า หลังถูก น.ส.พรรณิการ์ ออกมาเปิดโปงว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังกองทัพไอโอ หรือปฏิบัติการข่าวสารของกองทัพ และให้กองทัพใช้เซิร์ฟเวอร์ฟรี จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในสังคมเมื่อช่วงปลายปี2563ที่ผ่านมา.

ที่มา MSN ข่าว
.....


Thanapol Eawsakul
6h ·

เมื่อดูจากทีมจับกุมที่มีทั้งต่อศักดิ์ สุขวิมล จิรภพ ภูริเดช ไม่มีทางที่ ประสิทธิ์ เจียวก๊กหลบหนีไปได้ หรือจะมีใครกล้าให้ที่พักพิง
........................
จากข่าวการทลายแก็งส์ต้มตุ่น 1 พันล้าน
พันโทแพทย์หญิงพร้อมพวกโกงเงิน 1,000 ล้านบาท เปิดบริษัทลวงลงทุน
https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/2092581
ปัจจุบันยังติดตามตัวนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ไม่ได้
กองปราบปูพรมล่า "ประสิทธิ์ เจียวก๊ก" ยันไม่พบโยงกับนักการเมืองดัง
https://www.thairath.co.th/news/crime/2093312...
แต่เมื่อดูรายชื่อทีมจับกุมแล้วมีทั้ง ต่อศักดิ์ สุขวิมล จิรภพ ภูริเดช เชื่อแน่ว่าไม่มีทางที่ ประสิทธิ์ เจียวก๊กหลบหนีไปได้ หรือจะมีใครกล้าให้ที่พักพิง
พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก.ตั้งคณะทำงาน ประกอบด้วย บก.ป. บก.ปอศ. และ บก.ปอท.เร่งสอบสวนคลี่คลายคดี ออกหมายจับผู้ต้องหารวม 6 คน พร้อมเปิดปฏิบัติการตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาได้ 4 คน ตรวจยึดเอกสารหลักฐานต่างๆ จำนวนมากมาตรวจสอบ เหลือผู้ต้องหาอีก 2 คนอยู่ระหว่างหลบหนี ชุดสืบสวนกำลังติดตามตัว “ส่วนกรณีปรากฏภาพนักการเมืองระดับประเทศไปร่วมงานเปิดตัวบริษัทในเครือกลุ่มผู้ต้องหา ต้องถูกเชิญตัวมาสอบสวนหรือไม่นั้น ส่วนนี้ยังไม่สามารถตอบได้ เนื่องจากต้องตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนว่าเกี่ยวข้องหรือไม่” ผบก.ป.กล่าว
มีรายงานด้วยว่า สำหรับผู้ต้องหาเครือข่ายดังกล่าวที่ยังหลบหนีอีก 2 คน ประกอบด้วย นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก อายุ 45 ปี ประธานโครงการคืนคุณแผ่นดิน ทำหน้าที่เหมือนตัวการใหญ่ หรือหัวหน้าขบวนการ และนายกิตติศักดิ์ เย็นนานนทน์ อายุ 55 ปี รองประธานกรรมการบริหารบริษัทในเครือ ขณะนี้ชุดสืบสวนยังคงกระจายกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแสที่ซ่อนตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่ายังหลบหนีอยู่ในประเทศ นอกจากนี้ยังเร่งดำเนินการตรวจสอบความเชื่อมโยงทางการเงินและทรัพย์สินต่างๆของเครือข่าย เพื่อตามยึดทรัพย์นำเข้าสู่กระบวนการชดใช้เยียวยาผู้เสียหายต่อไป ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 4 คนที่ถูกจับกุมแล้ว จากการสอบสวนเบื้องต้นทั้งหมดยังคงยืนกรานปฏิเสธ
ปัจจุบัน