วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 13, 2564

รัฐมนตรียุติธรรมหายหัวไปไหน ? เมื่อนักโทษติดโควิดถึงหลักพันแล้ว



Somyot Pruksakasemsuk
19h ·

รัฐมนตรียุติธรรมหายหัวไปไหน ? เมื่อนักโทษติดโควิดถึงหลักพันแล้ว
ศาลไม่ให้ประกันตัวแกนนำคณะราษฎรจนกระทั่ง อานนท์ นำภา ติดโควิดจนได้ ผมเองก็คงเดาต่อว่า ไมค์ ภานุพงค์ จาดนอก ก็คงไม่รอดจากเชื้อโควิดเช่่นกันเพราะทั้งสองคนนั้นไกล้ชิดกันมาก เพราะที่คุมขังแน่นขนัด นักโทษการเมืองคนอื่นๆที่ไม่ได้รับการประกันตัวที่ยังอยู่ในเรือนจำก็ติดโควิดกันหมดแล้ว เกือบทั้งหมดถูกกระจายจำแนกออกไปอยู่แดนต่างๆ ที่เรียกว่าแดนใน แล้วกรมราชทัณฑ์บอกว่า ยังควบคุมได้ที่ตรงกักกันโรคแดน 2 ยังไปไม่ถึงแดนใน จึงเป็นเรื่องโกหก เป็นการปกปิดข่าวสารเรื่องนี้จนโควิดระบาดหนักในเรือนจำ
ระหว่างที่ผมถูกกักกันโรค ทางเรือนจำ ไม่ให้ผู้ต้องขังรับรู้ข่าวสารภายนอก เปิดให้ดูแต่หนังอาชญากรรมยิงกันสนั่นเรือนจำ ผู้ต้องขังจึงไม่มีความรู้ในเรื่องโควิดเลย ก่อนหน้านี้ยังมีสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา ทำรายการเรื่องเล่าในเรือนจำ ยังพอจะรับรู้เรื่องโควิดกันบ้างแต่หลังจากแกปล่อยตัวไปแล้วข่าวและความรู้โควิดก็หายไปเลย
เรือนจำ เป็นสถานที่ปกปิดทั้งหมด ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลหรือแจ้งให้นักโทษทราบเลยว่า โควิดเข้ามาเยือนในเรือนจำแล้ว จึงไม่มีใครอยู่ในความระมัดระวัง ผมออกจากคุกมาแล้วถึงรู้ว่า ในเรือนจำมีโควิดแล้วเมื่อจัสตินและอานนท์ติดโควิดและอีกหลาบยคนติดเชื้อโควิดกันมากมาย
ผมประมาณการจากที่เคยเข้าไปอยู่แดน 6 มาก่อน หาก พอร์ท ไฟเย็นซึ่งอยู่แดน 6 ติดโควิดแล้วป่านนี้ โควิดน่าจะระบาดไปทั่วเรือนจำแล้ว เมื่อวานผมไปหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ โดนไล่ตะเพิดออกไป ถึงกับให้เจ้าหน้าที่จู่โจมเข้ามาอุ้มตัวออกไป เจอญาติมารอรับคนปล่อยตัวที่ติดเชื้อโควิดตั้งแต่ 15.00 น. กว่าจะได้รถรับโควิดปาเข้าไป 21.00 น. นั่นแสดงว่าภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพเกิดโควิดในขั้นวิกฤติแล้้ว
ที่หน้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ชายชุดกราวคนหนึ่งเดินออกมาบอกว่าเว้นระยะห่าง อย่าจับรั้วลูกกรง และให้ล้างแอลกอฮอทันที บอกว่าตอนนี้มีโควิดหลักพันแล้ว
เรื่องราวทั้งหมดหมายความว่า กรมราชทัณฑ์ปกปิดข้อมูลข่าวสาร ทำให้เรือนจำกำลังกลายเป็นสุสานสำหรับนักโทษและเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทุกคน
รัฐมนตรียุติธรรมสมศักดิ์ เทพสุทินจะรู้เรื่องนี้หรือไม่ หรือว่าแกก็ถูกปกปิดข่าวสารเช่นกัน หรือว่าแกไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย
ประเทศนี้มีรัฐบาลไว้โกหกรายวัน แล้วเสวยสุข แดกงบประมาณ กอบโกยผลประโยชน์กับหน้ากากอนามัยแล้วก็มาถึงวัคซีนกันตอนนี้ ส่วนใครจะตายก็แค่เอาไปฝังชั่งหัวมัน
ขอแรงช่วยกันส่งข่าวสารนี้ วอนสื่อมวลชนช่วยกันตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย เพื่อช่วยเหลือนักโทษที่กำลังถูกขังอยู่กับเชื้อโควิดในขณะนี้
.....

วันพุธที่ 12 พฤษภาคม 2564 เวลา 15.00 น. กรมราชทัณฑ์ ขอชี้แจงกรณีมีสื่อตั้งข้อสงสัยว่ามีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเรือนจำได้อย่างไร และมีการปกปิดข้อมูลไทม์ไลน์การรักษาผู้ติดเชื้อหรือไม่

กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนว่า ปัจจุบันสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 มีการกระจายเป็นวงกว้างในทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงเรือนจำและทัณฑสถานที่ต้องรับตัวผู้ต้องขังเข้าใหม่ และนำผู้ต้องขังออกศาลอยู่เสมอ จึงอาจมีการหลุดรอดของเชื้อเข้าสู่เรือนจำได้ อย่างไรก็ดี กรมราชทัณฑ์ได้ป้องกันอย่างเต็มที่ด้วยมาตรการเชิงรุก คือ แยกกักตัวผู้ต้องขังเข้าใหม่อย่างน้อย 21 วัน พร้อมตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 2 ครั้ง ก่อนผู้ต้องขังพ้นระยะแยกกักโรค

ซึ่งการตรวจพบการติดเชื้อของผู้ต้องขังที่ผ่านมา ถือว่าเป็นส่วนน้อยเมื่อเทียบกับ ผู้ติดเชื้อทั่วประเทศ สำหรับผู้ต้องขังที่ตรวจพบเชื้อจะได้รับการรักษาโดยการให้ยา Favipiravia ทั้งในโรงพยาบาลสนามเรือนจำและโรงพยาบาลแม่ข่ายตามลักษณะอาการป่วยของแต่ละราย โดยกรมราชทัณฑ์ ขอยืนยันว่า สามารถควบคุมสถานการณ์ได้เรือนจำทัณฑสถานทุกแห่งมีมาตรการอย่างเคร่งครัดเพราะมีการควบคุม บับเบิ้ล แอนด์ซีล เช่น กรณีเรือนจำจังหวัดนราธิวาส ที่มีผู้ต้องขังติดเชื้อก็สามารถดูแลรักษาจนหาย และไม่มียอดผู้ติดเชื้ออยู่ในเรือนจำอีก

กรมราชทัณฑ์ได้ตรวจเชิงรุก เจ้าหน้าที่และผู้ต้องขัง 100% ซึ่งได้พบผู้ติดเชื้อโควิด -19 ของเรือนจำทัณฑสถาน ที่พบการติดเชื้อ ได้แก่ ทัณฑสถานหญิงกลาง มียอดผู้ติดเชื้อรวม 1,040 ราย และเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มียอดผู้ติดเชื้อรวม 1,795 ราย

ซึ่งทุกรายอยู่ระหว่างการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสนาม ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ หากในบางรายมีอาการหนักจะได้มีการย้ายออก เพื่อรับ การรักษายังโรงพยาบาลภายนอก เชื่อว่ามาตรฐานการดำเนินการของกรมราชทัณฑ์กับกระทรวงสาธารณสุข จะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด19 ได้ไม่ขยายตัวไปสู่วงกว้างได้ เวลานี้ได้มีแดนกักโรคและโรงพยาบาลสนามโดยมีแพทย์และพยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิด และการให้ยารักษาและการดูแลทุกอย่างเป็นไปตามมาตรฐานของสาธารณสุข รวมทั้งมีการวางแผนเพื่อฉีดวัคซีนให้ผู้ต้องขังด้วย อยู่ระหว่างรอการจัดสรรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง

ทั้งนี้ที่ผ่านมา กรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เชิงรุกในเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขัง ซึ่งในส่วนของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ได้ตรวจคัดกรองเชื้อไวรัส โควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ไปแล้วกว่า 17,000 ครั้ง ทำให้คัดแยกผู้ติดเชื้อไปรักษาได้รวดเร็ว สามารถแยกผู้ต้องขังกลุ่มเสี่ยงออกมากักตัว เพื่อสังเกตอาการได้เป็นอย่างดี ซึ่งต้องขอขอบคุณกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ที่เข้ามาช่วยดูแลและทำงานร่วมกันเป็นอย่างดี

ที่มา sanook.com