วันพฤหัสบดี, มกราคม 21, 2564

"ประชาธิปไตยถูกทำให้ชักช้า แต่ว่าไม่มีทางพ่ายแพ้อย่างถาวร" ศตวรรษนี้ ยิ่งกด ๑๑๒ ยิ่ง "ไม่พ้นการระเบิด"


“ขณะที่ประชาธิปไตยสามารถถูกทำให้ชักช้าได้เป็นครั้งคราว (แต่) ไม่มีทางพ่ายแพ้ถาวรอย่างแน่นอน” เป็นตอนหนึ่งของบทกวีที่ อะแมนด้า กอร์แมน หญิงสาววัย ๒๒ ปี เขียนและอ่านในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี โจ ไบเด็น จูเนียร์

มันบ่งบอกชัยชนะของประชาธิปไตยต่อ มารร้ายที่บ่อนทำลายเสรีภาพและภราดรภาพในสหรัฐอเมริกาตลอดสี่ปีที่ผ่านมา และยังเป็นอุทธาหรณ์สะท้อนสภาวะการณ์ในประเทศไทยตลอดหลายสิบปี จำเพาะอย่างยิ่งในช่วงสองสามปีนี้

เมื่อพละกำลังแห่งการรัฐประหาร เกื้อหนุนและผลักดันให้สถาบันกษัตริย์ ไม่เพียงครอบงำมิติทางสังคมอย่างสุดโต่ง แล้วยังคลุกเคล้าไปกับภาวะข่มเขาเอาเปรียบ ในมิติการเมืองและเศรษฐกิจชนิดย้อนแย้งอย่างยิ่งกับสภาพเป็นจริงในสังคมโลก

การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าถึงสองคำรบ และไม่แน่ว่าครั้งที่สามจะมาอีกไหม เมื่อไหร่ ได้เปิดแผลกลัดหนองของการเป็นสังคมที่เหลื่อมล้ำเกินกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำ มีการใช้อำนาจบีบคั้นเพื่อความได้เปรียบของ เจ้าสัว และ เจ้า ต่อเนื่องมากยิ่งๆ ขึ้น

แม้จะมีคนพยายามตั้งคำถามกระตุกเตือนจิตสำนึกแห่งความเสมอภาค ฝ่ายยึดครองอำนาจกลับยิ่งเพิ่มแรงกดดัน ประดุจดังต้องการให้จมหายไปในธรณี หากแต่สภาพการณ์ของศตวรรษนี้มันเปลี่ยนไปแล้วสุดกู่ เหตุจะเกิดจากการยิ่งถูกกด ไม่พ้นการระเบิด


ต่อกรณีกระทรวงดิจิทัลให้คนไปแจ้งความเอาผิดต่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในข้อหาหมิ่นกษัตริย์ จากการที่เขาตั้งคำถามต่อรัฐบาล ในการมอบงบประมาณเกือบ ๑,๕๐๐ ล้านแก่บริษัทที่ราชวงศ์ใน ร.๑๐ เป็นเจ้าของ เพื่อพัฒนาสมรรถนะในการผลิตวัคซีน

“ทำให้ประชาชนได้รับวัคซีนช้าและครอบคลุมประชากรน้อยกว่าประเทศอื่น ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า...กว่าเราจะกลับทำมาหากินได้ตามปกติไม่ต้องเปิดๆ ปิดๆ แบบนี้ ก็อย่างน้อยปี ๒๕๖๕ ซึ่งประชาชนรอไม่ไหว” เช่นนี้ตัวแทน รมว.ผู้ยื่นฟ้องอ้างว่า

“ให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าสถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามาเกี่ยวข้อง และมีความเชื่อมโยงกับเรื่องของวัคซีน...ดูประหนึ่งว่าเอาประชาชนเป็นตัวประกันระหว่างรัฐบาลกับสถาบันฯ” ซึ่งอย่างเราๆ เห็นข้อกล่าวหาแล้วก็งงว่าไม่เกี่ยวข้องได้อย่างไร

อีกทั้งการยกเอาทุกข์ของประชาชนเป็นผลกระทบจากการบริหารสถานการณ์โควิดผิดพลาดของรัฐบาลนั้น หมิ่นกษัตริย์ ได้อย่างไร นอกเหนือไปจากข้อเท็จจริงที่บริษัทนั้นเป็นทรัพย์สินของกษัตริย์ และนายกฯ เองแถลงโจ่งแจ้งว่าเป็น พระมหากรุณาธิคุณ

มันไร้สาระและธุระไม่ใช่อย่างยิ่งที่มีการกล่าวอ้างว่าบริษัทนี้พระเจ้าอยู่หัว ร.๙ ทรงริเริ่มให้ก่อตั้งเพื่อการผลิต “ยาที่ใช้ในการเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดในผู้ป่วยไตวายเรื้อรังเท่านั้น” นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ชี้แจงถึงการปรับเปลี่ยนมาผลิตวัคซีนโควิด


ว่ารัฐบาลให้เงินช่วยเหลือ ๕๕๙ ล้านบาท เครือสยามซีเม็นต์สนับสนุนอีก ๑๐๐ ล้านเท่านั้น จึง “พัฒนาขีดความสามารถจนเข้าคุณลักษณะของ บ.แอสตร้าเซนเนก้าได้” ในขณะที่ดีลกับแอสตร้าเซเนก้าคือ เมื่อผลิตได้ ๒๐๐ ล้านโด๊สเซสต่อปี

แอสตร้าฯ จะขายให้ไทย ๒๖ ล้านโด๊สเซส นอกนั้นแอสตร้าฯ เป็นผู้พิจารณากำหนดว่าจะขายให้แก่ใคร ข้อตกลงอย่างนี้รวมทั้งการจำหน่ายในราคาต้นทุน ไม่ใช่ให้แก่ไทยเป็นพิเศษ (อย่างที่เขากล่าวอ้าง) หากแต่ได้ทำกับออสเตรเลีย บราซิล และเกาหลีใต้ ด้วยเหมือนกันหมด

กับทั้งที่ว่าไทยซื้อในราคาโด๊สละ ๕ ดอลลาร์หรือ ๑๕๐ บาทเท่านั้น “ถูกที่สุด” ก็ไม่ใช่ “ประเทศอื่นๆ ซื้อ...โด๊สละ ๑.๕ ถึง ๔ ดอลลาร์ ไม่มากก็น้อยก็ยังถูกกว่า “เช่นเดียวกับ ซีโนแว็ค ที่ประเทศอื่นซื้อในราคา ๑๐-๑๘ ดอลลาร์ ไทยซื้อในราคา ๒๐”

อีกอย่างที่ฝ่ายสาธารณะสุขรัฐบาลตู่อ้างว่าขณะนี้กำลังเจรจากับอีก อ๔ บริษัท จะซื้อวัคซีนเพิ่มอีกหลายร้อยล้านโด๊สเซส “เป็นไปตามขั้นตอน ต้องใช้เวลา” ไม่เป็นไร แต่ปริมาณมากไปไหม ซื้อมาละลายแม่น้ำหรือไร คนไทยมีแค่ ๖๙ ล้าน

ใช้คนละสองโด๊สเซสก็ ๑๓๘ ล้านโด๊สเซส “เป้าหมายของรัฐบาล ฉีดให้ได้ ๕๐% ของประชากร คือ ๖๙ ล้านโด๊สเซสในปีนี้” แต่ว่าตอนนี้สั่งซื้อจากแอสตร้าฯ แล้ว ๒๖ ล้าน กำลังจะซื้ออีก ๓๕ ล้าน รวมกันได้ ๖๑ ล้านโด๊สเซส

นี่แค่เจ้าเดียวเข้าไป ๘๘.๔% ของจำนวนที่ต้องการในปีนี้ ทางคณะก้าวหน้าเขาถึงแซวว่า “แบบนี้เรียกว่ามีความมั่นคงทางวัคซีน หรือผูกขาดวัคซีนกันแน่” ท้ายที่สุดก็คือรัฐบาลตอบไม่ได้ และที่ตอบๆ มาถ้าเป็นพวกหมอๆ ก็เลี่ยงบาลีทั้งนั้น


ส่วนพวกรัฐมนตรีและนายกฯ นั่นยกเอาเหนือหัวมาอ้างอย่างเดียว คำก็ไม่รู้จักบุณคุณ สองคำก็ว่าเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง พอจนตรอกเข้าก็ยัดข้อหา ๑๑๒ ให้ง่ายดี เก่งกันแค่ไหนอยากรอพิสูจน์กันตอนพรรคไทยภักดีได้ตั้งรัฐบาล

แต่รอไม่ได้ เพราะกว่าจะถึงวันนั้นประชากรอดตาย หรือฆ่าตัวตายกันไปเกลี้ยงแล้วสิ

(https://prachatai.com/journal/2021/01/91285, https://www.voicetv.co.th/read/MVfcXnYKF2g4, https://www.bbc.com/thai/thailand-55718013rg93s และ https://www.bbc.com/thai/thailand-55729728?at_campaign)