ไม่สำคัญแล้วละ ธรรมศาสตร์จะปิดประตูไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้า อย่างที่แก้วสรรเรียกร้อง หรือจะเปลี่ยนใจกลับไปเป็นสำนักที่รักประชาชนอย่างควร ในเมื่อถึงจุดนี้แล้ว ‘ช่วงชิงสนามหลวง’ “พื้นที่สัญลักษณ์ของประชาชนกลับคืนมา” คือเป้าหมาย
โรงครัวพร้อม ห้องน้ำเคลื่อนที่พร้อม สองวันกับหนึ่งคืน ดูสิว่าจะใช้ “แก๊สน้ำตา ใช้โล่กระบอง กระสุนยาง” อย่างที่ตำรวจผู้น้อยรายหนึ่งแจ้งต่อ ‘ซีเอสไอแอลเอ’ ให้มันรู้ไป หรือว่าจะใช้ พรบ.โบราณสถานเอาผิด จำคุก ๑๐ ปี ปรับ ๑ ล้าน ยังได้
ในเมื่อท่าทีจำนวนผู้ที่เตรียมร่วมชุมนุมจากทั่วประเทศ ๕ หมื่นไม่หนี อาจถึงแสน รัฐบาลประยุทธ์ ณ คสช. จะเอาค่าปรับกว่า ๕ หมื่นล้านไปปะคลังแก้อาการ ‘ถังแตก’ จากที่ ‘พี่ป้อม’ บอกว่ารู้แล้ว “จังหวัดไหนมาบ้าง จำนวนเราพอรับมือได้” ก็เถอะ
ขออนุญาตใช้ข้อความของ Atukkit Sawangsuk คอมเม้นต์ละกัน “ยึดสนามหลวง อย่างมากก็แค่เหยียบหญ้า กลับโทษหนักกว่ายึดทำเนียบ ๑๙๓ วัน ขัดขวางการบริหารประเทศของรัฐบาล ก็ให้เห็นกันว่า ‘กฎหมาย’ ที่แท้แล้วคือเศษกระดาษสกปรก ที่เป็นเครื่องมือของเผด็จการ”
การเอาแผงเหล็กไปกั้น ติดป้าย ‘สำนักพระราชวัง’ “เป็นพื้นที่หวงห้ามแบบแตะต้องไม่ได้...ห้ามประชาชนเดินผ่าน กั้นรั้วกระทั่งชาวบ้านไม่มีทางเดิน ไม่มีที่รอรถเมล์” มันเกินไป ไม่เห็นแก่ประชาชนหรือไร ทีตั้ง ผบ.ทบ. กับ ผบ.เรือนจำ เป็นรองราชเลขาฯ กินเงินเดือนมากกว่าเดิม ทำได้
คำสั่งสำนักพระราชวัง ๑๒ กันยา ‘โปรดเกล้าฯ’ “โอนข้าราชการทหาร และข้าราชการพลเรือนสามัญมาบรรจุเป็นข้าราชการในพระองค์ฝ่ายพลเรือน” (สอง ‘รัชตะ’) พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ และ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ ไปเป็น “รองเลขาธิการพระราชวังระดับ ๑๑”
คนแรกจาก ผบ.ทบ. เงินเดือนเดิม ๑ แสน ๗ หมื่น ๕ พัน พออยู่สำนักราชวังได้ ๒ แสน ๓ หมื่น ๖ พัน อีกคนเป็นอธิบดีกรมราชทัณฑ์อยู่เดือนนี้ได้แสนห้า เดือนหน้าอยู่วัง ‘ระดับ ๑๑’ เหมือนกันได้ ๒ แสน ๔ พัน มากกว่าเดิมเยอะ แต่น้อยกว่าคนแรกนิดหน่อย
ถึงจะมี ‘คอนเน็คชั่น’ ชัดเจนอย่างที่ Pavin Chachavalpongpun ว่า “ณรัชต์เป็นผัวมาดามแป้ง ที่อยู่กับประชาธิปัตย์ และเป็นคนสนิทของสิริวัณณวรี...รวมถึงผู้นำเข้ากระเป๋า Hermès ด้วย” (เรื่องกระเป๋านี่ปวินว่า “เมื่อก้อยยังติดคุก แล้วสั่งกระเป๋า Hermès จากในคุก ก็มีณรัชต์เป็นคนจ่าย”)
‘ไพร่ฟ้าหน้าใส’ ที่ต้องการหมุดเก่าคณะราษฎร ทั้งน้อยใจและเศร้าใจ อะไรกันร่ำรวยอูฟูแล้วยังได้กินเงินเดือนจากงบประมาณรัฐ ซึ่งเก็บจากภาษีอากรที่ประชาชนจ่าย ทั้งๆ มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ คนนี้เป็นผู้บริหารใหญ่ ‘สุวรรณชาด’ ตลาด ‘อัพสเกล’ อยู่แล้ว
อย่างนี้ต้องย้อนไปที่ข้ออ้างของ แก้วสรร อติโพธิ์ ที่ไปยื่นหนังสือกับมืออธิการบดี มธ.แล้วบอกว่า “บ้านเมืองเวลานี้มีสองพวก พวกหนึ่งคือพวกใช้สิทธิ์ใช้อำนาจตามอำเภอใจทุกสี กับอีกพวกหนึ่งอยากใช้สิทธิ์โดยสงบ” นั่นคนไหนพวกไหนกันแน่
พวกนักเรียนนักศึกษาที่จัดม็อบกันมาเกือบรายวันตลอดสองสามเดือนนี่ล้วนพิสูจน์แล้วว่า ‘สันติและมีวุฒิภาวะ’ มากกว่า ‘เผด็จการม็อบ’ กปปส.ที่แก้วสรรเป็นส่วนหนึ่งในนั้น หลายเท่านัก พวกเยาวชนรุ่นนี้นี่ละที่จะสร้าง ‘ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง’ ขึ้นได้
(https://www.facebook.com/thestandardth/posts/2544223759203834CP-R และ https://www.facebook.com/TheReportersTH/posts/2757145587869157CP-y-R)
ปัจฉิมเหตุ :อีกเส้นทางในการปฏิวิติการเมืองไทยไปสู่ประชาธิปไตยแท้จริง อย่างสันติและด้วยระเบียบกฎหมาย กระบวนการ ‘รื้อ-สร้าง-ร่าง’ รัฐธรรมนูญใหม่ จากการรณรงค์ของ ‘ไอลอว์’ ได้รายชื่อเกิน ๗ หมื่นรายแล้ว
วันนี้ (๑๖ กันยา) “เครือข่ายจะบุกสภา 'เริ่มก้าวแรก' ยื่นหนังสือแจ้งประธานรัฐสภา ขอยื่นริเริ่มเสนอร่างแก้รัฐธรรมนูญ ก่อนยื่นจริงวันที่ ๒๒ ก.ย. เพื่อให้รัฐสภาพิจารณาร่างของประชาชนพร้อมร่าง ส.ส.-รัฐบาล” นี่ไง ‘ความรับผิดชอบ’ ที่ ประยุทธ์ จันอะไรนะ ถามหา