วันจันทร์, กันยายน 21, 2563

หมุดคณะราษฎร “ถอนได้ก็ฝังใหม่ได้” คอยดูครั้งต่อๆ ไปแล้วกัน "ปฏิภาณไหวพริบของเด็กๆ จะ ‘outfox’ พวกตำรวจจิ้งจอกอีกท่าไหน"


“ฝังได้ก็ถอนได้ใช่เรื่องแปลก นี่ไม่ใช่หมุดแรกที่ถูกถอน ถอนได้ก็ฝังใหม่ได้แน่นอน หมุดในใจราษฎรไม่คลอนแคลน” เกษียร เตชะพีระ @kasiantj เขียนทวี้ตถึงหมุดคณะราษฎร ๒๕๖๓ ที่ถูกรื้อถอนออกไปแล้วเมื่อคืนวันที่ ๒๐ กันยานั้นเอง

ตำรวจนครบาลแถลงว่าการชุมนุมวันที่ ๑๙-๒๐ กันยา ซึ่งจัดโดยแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม “แกนนำได้เจาะพื้นผิวสนามหลวงเพื่อปักหมุดคณะราษฎร...น่าจะเป็นความผิดตามกฎหมาย ถ้าเป็นสิ่งที่เกินมา ไม่มีความจำเป็นในสนามหลวง กทม. คงพิจารณาเอาหมุดออก”

และบัดนี้ไม่มีหมุดดังกล่าวอยู่ก็ไม่เป็นไร “ถอนได้ก็ฝังใหม่ได้” ดังที่แกนนำคนหนึ่งพูดไว้ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ ๑๙ แล้วว่าถ้ามีใครมารื้อออกไปเหมือนหมุดคณะราษฎรอันดั้งเดิมที่ลานพระรูปฯ “เราก็ฝังใหม่” จะเป็นที่ไหน เมื่อไหร่ ไว้ดูกัน

เพราะการชุมนุมเช่นนี้ไม่ใช่มีครั้งเดียวสองครั้ง ดังได้เห็นกันมาสามเดือนที่มีการชุมนุมต่อเนื่องรับช่วงกันแทบทุกอาทิตย์ เป้าหมายครั้งหน้า ๒๔ กันยา บริเวณหน้าตึกรัฐสภา เกียกกาย และมีแถมรายการย่อยคั่นในวันที่ ๒๒ กันยา


เมื่อคณะแก้รัฐธรรมนูญภาคประชาชน โดย ไอลอว์นำรายชื่อผู้สนับสนุนไม่น้อยกว่า ๙๖,๖๖๙ หรือถ้าเขานับจากจดหมายที่ค้างอยู่ตู้ ปณ. ทัน คงถึงแสน นัดหมายเจอกันสถานีรถไฟฟ้า เตาปูน ทางออก ๔ เวลาบ่ายโมงตรง แล้วจึงพากันเดินไปรัฐสภา

การนี้ทางไอลอว์แจ้งว่าจะเป็นการยื่นผนวกเข้าไปกับญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคฝ่ายค้านและรัฐบาล ซึ่งเลขานุการของประธานสภาผู้แทนฯ แจ้งว่าได้ตรวจสอบญัตติของฝ่ายค้าน ๔ ฉบับว่าถูกต้อง เรียบร้อย ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญแล้ว

ในวันที่ ๒๓-๒๔ กันยา จะมีวาระการพิจารณาของสภาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ๖ ญัตติด้วยกัน นอกจากการแก้ไขมาตรา ๒๕๖ (๒ ญัตติ) แก้ไขมาตรา ๒๗๐ กับ ๒๗๑ แก้ไขมาตรา ๑๕๙ และยกเลิกมาตรา ๒๗๒ และยกเลิกมาตรา ๒๗๙ แล้ว

ยังมีร่างแก้ไข รธน.เพื่อ “ยกเลิกมาตรา ๙๓ และ ๑๐๑ (๔) เรื่องให้กลับไปใช้บัตรเลือกตั้ง ส.ส. ๒ ใบตามรัฐธรรมนูญปี ๒๕๔๐” ด้วย ดังนี้กระบวนการทางสภาเพื่อไปสู่การเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่สอดคล้องหลักการสากลยังดำเนินอยู่

ส่วนที่มีเสียงเรียกร้องออกมาจากการชุมนุมให้บรรดา ส.ส.บางพรรคที่สนับสนุนการเรียกร้องของนักเรียนนักศึกษา ให้นำข้อเรียกร้องต่างๆ ไปอภิปรายในสภาจนผลิดอกออกผลเป็นการปรับเปลี่ยนกระบวนการเมือง โดยเฉพาะเรื่องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์

หลังจากเมื่อเช้าวันที่ ๒๐ แกนนำการชุมนุมที่สนามหลวงเปลี่ยนแผน ไม่เดินไปยื่นข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ๑๐ ข้อที่ทำเนียบรัฐบาล แต่จะไปยื่นต่อประธานองคมนตรียังสำนักพระราชวัง วังสราญรมย์ ซึ่งอยู่ห่างจากสนามหลวงเพียง ๑ กิโลเมตรแทน


แล้วมีผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะผู้ควบคุมพื้นที่การชุมนุมของรัฐบาล ทำการสกัดกั้น พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ยืนฟังอย่างเสียไม่ได้ต่อการเรียกร้องของฝ่ายชุมนุม ซึ่งมอบให้ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล เป็นผู้เจรจา

ผบ.นครบาลบอกว่าประธานองคมนตรีไม่เกี่ยวกับการเมือง ตนยินดีจะรับคำร้องเรียนไปมอบให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป แม้นว่า รุ้ง ปนัสยา พยายามคาดคั้นว่าขั้นตอนเป็นอย่างไรบ้าง นายตำรวจใหญ่หน้าตายไม่ตอบ

ถึงกระนั้นฝ่ายผู้จัดชุมนุมก็ยอมอลุ่มอล่วยมอบข้อเรียกร้องให้ไปแล้วประกาศยุติการชุมนุม วันนั้นทั้งวันภายในบริเวณสนามหลวงมีการทำความสะอาดกันใหญ่ กทม.ไปฉีดน้ำล้าง แล้วทหารจิตอาสาไปฉีดยาฆ่าเชื้อทำลายโควิด

มีการเอาแผงเหล็กกั้นล้อมบริเวณหมุดคณะราษฎรอันใหม่ มีประชาชนนำพวงมาลัยไปวาง และถ่ายภาพเรื่อยๆ ตลอดทั้งวัน จนเมื่อเช้าวันนี้ นักข่าวไปตรวจดูปรากฏว่าหมุดถูกขุดออกหายไปแล้ว มีปูนโบกไว้แทนที่ยังไม่แห้งดีด้วยซ้ำ


ตำรวจแถลงในเวลาต่อมาว่า สั่งเองเพราะ “การปักหมุดถือเป็นส่วนเกิน และไม่ใช่สิ่งที่พึงมีในท้องสนามหลวง” ซึ่งประกาศไว้ให้เป็นโบราณสถาน นอกจากนั้นการชุมนุมทั้งสองวัน “โดยไม่แจ้งให้ตำรวจทราบ” เป็นความผิดสองเด้ง

“ต่างกรรมต่างวาระกัน ช่วงแรกคือออกจาก ม.ธรรมศาสตร์ เข้าสู่สนามหลวง...” แล้วยัง “เมื่อเข้าไปในสนามหลวงแล้ว แต่อยู่จนกระทั่งล่วงเลยการเปิดให้บริการ” โหยตำรวจไทยนี่เขาสะบัดลิ้นกันได้ดั่งสุนัขจิ้งจอกในนิทานเด็ก

การประพฤติเช่นนี้ทำกันอย่างเคยชินชนิดติดในสันดอน พวก #เยาวชนปลดแอก ทั้งหลายล้วนรู้เช่นเห็นชาติแล้วทั้งนั้น การชุมนุมที่ผ่านมาจึงสำเร็จได้อย่างงดงาม ทำเอาเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลประยุทธ์ หน้าแตกไปนิดหน่อย

คอยดูกันคราวหน้าและครั้งต่อๆ ไปแล้วกันว่า ปฏิภาณไหวพริบของเด็กๆ ตัวแสบเหล่านี้ จะ ‘outfox’ พวกตำรวจจิ้งจอกอีกท่าไหน

(https://www.matichon.co.th/politics/news_2358187, https://www.posttoday.com/social/general/633444 และ https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_4951558)