ชัดเจนเข้าไปอีกว่า ‘สำนักงานตำรวจแห่งชาติ’ คือศัตรูของผู้เรียกร้องประชาธิปไตย ต่อนี้ไปการรณรงค์ควรรวมถึงเก็บข้อมูลการละเมิดสิทธิบุคคล บิดพริ้วตัวบทกฎหมาย และการใช้อำนาจโดยพลการ เพื่อใช้เป็นหลักฐานเอาผิดคนในเครื่องแบบเหล่านั้น
วันนี้ (๒๓ กันยา) รอง ผบ.นครบาล พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน แจ้งว่า “พบผู้เข้าข่ายกระทำความผิด” จากการชุมนุมวันที่ ๑๙-๒๐ กันยา บริเวณท้องสนามหลวง จำนวนทั้งหมด ๑๖ คน แยกเป้น ๓ กลุ่ม คือ ๑.ผู้จัดที่ไม่ได้ขออนุญาต
๒.กลุ่มผู้เชิญชวนให้คนไปร่วมกิจกรรม ทั้งที่ประกาศบนเวทีก่อนหน้านี้และที่ลงข้อความทางโซเชียลมีเดีย กับ ๓.กลุ่มที่ขึ้นร่วมปราศรัยบนเวที กลุ่มนี้จะโดนข้อหา ๑๑๒ ซึ่ง “ในส่วนนี้อยู่ระหว่างการแกะคำพูดปราศรัย บางช่วงบางตอนที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย”
ตามรายงานข่าวสื่อค่ายเนชัวอย่างนั้น แสดงว่านั่นตำรวจตั้งข้อหาเป็นธงไว้ก่อน แล้วค่อยไปแกะหาหลักฐานมาใช้เอาผิด “ให้ชุดสืบสวนไล่ตรวจกล้องวงจรปิดเพื่อนำมาประกอบกับนำหลักฐานจากสื่อมวลชนที่เป็นภาพการแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของกลุ่มชุมนุม”
ส่วนความผิดตาม พรบ.โบราณสถาน มาตรา ๑๐ ที่ “ห้ามไม่ให้ผู้ใดซ่อมแซมแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือถอนต่อเติมทำลายหรือเคลื่อนย้ายสิ่งใดๆ ภายในพื้นที่โบราณสถาน” มีคนถาม ผอ.กองโบราณคดี กรมศิลปากร ผู้ฟ้อง ว่าเหมือนเหตุเกิดก่อนหน้านี้สองแห่งไหม
หนึ่งคือ “อนุสาวรีย์ปราบกบฎ บริเวณแยกหลักสี่ที่หายไปเกือบ ๒ ปีกว่า” กับ “การถอดหมุดคณะราษฎร แล้วเปลี่ยนเป็นหมุดหน้าใสที่ลานพระบรมรูปทรงม้า” ด้วยล่ะ นายสถาพร เที่ยงธรรม บอกว่าเรื่องพวกนั้นกรมศิลปากรไม่ใช่ผู้รับผิดชอบ ให้ไปถาม กทม.เอาเอง
ระหว่างที่ทางตำรวจขมีขมันเสาะหาหลักฐานเพื่อเอาผิดอยู่นี้ ก็มีตัวเสียบช่วยเสริมให้เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ช่วยตอกย้ำให้เห็นว่าประเทศนี้ ผู้มีความเห็นทางการเมืองต่างขั้ว ฝ่ายหนึ่งประชาธิปไตยไม่เอาตู่ อีกฝ่ายอำนาจนิยมชื่นชมตู่ ‘คบกันไม่ได้’
กปปส.เก่า สนธิญา สวัสดี อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต ๑ สมุทรสาคร พรรครวมพลังประชาชาติไทย เงียบหายไปพักใหญ่ คราวนี้ได้ทีสร้างชื่อตัวเองให้เป็นข่าว เดินทางไป สน.ชนะสงคราม “ร้องทุกข์กล่าวโทษ” ‘แม่ยกแห่งชาติ’ อินทิรา ‘ทราย’ เจริญปุระ
สนธิญาทำตัวเป็นผู้พิทักษ์รักษากฎหมาย กล่าวหาทรายเป็นผู้สนับสนุนการชุมนุมซึ่งผิดกฎหมายหลายฉบับ “สิ่งสำคัญคือการจาบจ้วงสถาบันอย่างรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ และเมื่อวานนี้ (๒๑ ก.ย.) นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ได้มาแจ้งความในข้อหา ม.๑๑๒ ไปแล้ว”
ปฏิบัติการ ‘ขวาพิฆาตซ้าย’ ทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองด้วยกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ กลับมาใหม่อีกแล้ว ไม่เท่านั้นสนธิญายังเอาสันดอนเผด็จการ คสช.มาใช้ ในการบิดเบี้ยวอ้างตัวบทกฎหมาย กล่าวหา ‘ไอลอว์’ ร่วมด้วย
เนื่องจาก ‘โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน’ ไปเปิดบู๊ธรับลงชื่อผู้ประสงค์ร่วมยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในที่ชุมนุม จนได้รายชื่อแสนกว่านำไปยื่นต่อสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวานนี้ (๒๒ กันยา) สนธิญามุสาหน้าตายว่าการกระทำของไอลอว์ ‘ไม่สะอาด’
ขณะที่ วรงค์ เดชวิกรม แห่งก๊วนสืบทอดอำนาจรัฐประหาร ‘ไทยภักดี’ ไปยื่นข้อเรียกร้องต่อประธานรัฐสภาบ้างวันนี้ (๒๓ กันยา) “เพื่อแสดงเจตนารมณ์ คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ประชาชนเป็นผู้สถาปนา” อ้างว่ามีรายชื่อตั้ง ๑๓๐,๐๐๐ ราย ไม่รู้ไปขุดมาจากไหน
ก่อนหน้านี้ก็มี ส.ส.พลังประชารัฐคนหนึ่งเสาะหางานทำเพื่อโปรโมทตนเอง สิระ เจนจาคะ ไปแจ้งความ ๓ ส.ส.ที่ไปร่วมชุมนุมวันที่ ๑๙ แล้ว “ปรากฏภาพชูสามนิ้ว ทั้งที่เป็นเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ” หาว่านั่นเป็นการทำผิดกฎหมาย “ส่อล้มล้างการปกครอง”
โอ้แม่จ้าว พวกลิ่วล้อ ขนหน้าแข้งของรัฐบาลประยุทธ์ ไม่ได้แค่ผิดเพี้ยนในข้อเท็จจริงกันเท่านั้น เดี๋ยวนี้ถึงขั้นบิดเบี้ยวข้อกฎหมาย 'ตามแรงระบายลมปาก' ของพวกตนกันด้วยแล้ว และที่เล่นกันเละจนบางครั้งครื้นเครงดั่งจำอวด
เมื่อหนึ่งใน ส.ส.ที่ถูกสิระหาเรื่อง ‘เต้’ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ แห่งพรรคไทยศรีวิไลย์ ดันโต้สิระว่า สามนิ้วที่เขาชูวันนั้นหมายถึง ‘ชาติ ศาสน์ กษัตริย์’ หูยนี่นวัตกรรมเชียวนะ เสียดายไม่ได้ร่วมจะไปยื่นข้อเรียกร้องต่อองคมนตรีกับแกนนำชุมนุมด้วย
ไม่เช่นนั้นประธานองคมนตรีอาจจะออกมารับฎีกาแล้วละ
(https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1934721, https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/899046 และ https://www.matichon.co.th/local/news_2358686)