วันอังคาร, กันยายน 29, 2563

เหอ เหอ กระโชกโฮกฮาก สำราก ส่อเสียด เนี่ยนะ 'ภาษาดอกไม้' ของตู่ ที่ "ปากอ้อล้อ มือบีบคอ"

เหอ เหอ “ทุกคนหันมาพูดจาคุยภาษาดอกไม้กันบ้าง” กระโชกโฮกฮาก สำราก ส่อเสียด เหน็บแนม ‘sarcastic’ แบบเฮียแป๊ะ ตำหวดหย่าย “เชือกจูงควาย น้ำลายจูงคน” น่ะหรือ ก็ต้องโดนเด็กเขกหัวเอาบ้าง “น้ำลายใคร จูงคุณให้มาดูถูกประชาชนและคนรุ่นเรา”

ต่ออายุ ฉุกเฉิน อีกหนึ่งเดือน (เป็นเดือนที่แปด) เพราะ อานนท์ อำภา ประกาศ “กลางเดือนตุลา เวลาเข้าข้างเรา “เป็นหน้าหนาว การชุมนุมขนาดใหญ่ การชุมนุมแบบต่อเนื่อง เป็นทางเดียวที่จะกดดันและให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ” รอบใหม่

วานนี้ ตู่ ตบหัว “ถ้าผมสั่งให้มันเต็มที่ไปเลย จะเกิดอะไรขึ้น” แล้วลูบหลัง “วันนี้รัฐบาลทำอย่างเต็มที่ในการเปิดพื้นที่ให้...เราต้องป้องกันทั้งสองฝ่ายไม่ให้มีการเผชิญหน้ากัน” แถมขู่ซ้ำ “คนรักสถาบันและประเทศชาติมีตั้งหลายสิบล้านคน เข้าใจหรือไม่”


ว่าแต่ตู่น่ะเข้าใจหรือเปล่าล่ะ ว่าเด็กๆ เขาออกมางัดข้อด้วยเพราะทนไม่ไหวกันแล้ว เด็กเหล่านี้อึดอัดกันมาตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อ รู้ดีว่าปล่อยไปตามแบบลุงๆ เนี่ยพวกเขายิ่งโต ยิ่งอายุมากขึ้น อนาคตยิ่งมืดมนอนธการ จึงได้เรียกร้องการเปลี่ยนแปลง

ร้ายกว่านั้น ภาษาดอกไม้ ของพวกสืบทอดการยึดอำนาจนี่ มุสาปากอ้อล้อ มือบีบคอ โดยเฉพาะพวกตำรวจที่เลิกเป็น ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์กันแล้ว เปลี่ยนไปเป็นหัวไม้ ‘thugs’ นักเลงนอกเครื่องแบบ และสมุนมาเฟียไปกันหมด

ตัวอย่างตำตา ๒๘ กันยา “เอกชัย หงส์กังวาน นักกิจกรรมนัดหมายวางหมุดคณะราษฎร ๒๕๖๓ ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า” แต่ถึงเวลา ๗ โมงเช้า มีกลุ่มชายฉกรรจ์ ๙ คนไปห้อมล้อมหน้าบ้านพักของเขา กดดันไม่ให้เอกชัยเดินทางออกไปชุมนุม

หลังจากเรียกตำรวจไปจับกุมพวกนักเลงเหล่านั้นแล้ว ท้ายที่สุดเอกชัยต้องเดินทางไปแจ้งความที่ สน.ลาดพร้าว ใช้เวลาราวสี่ชั่วโมงเพื่อแจ้งความ เพราะตำรวจกวดขัน ผู้เสียหาย ขนานใหญ่ ไหนจะกระบวนบันทึกคำให้การ ไหนต้องรอ ผู้การฯ มาสอบปากคำด้วยตนเอง

เป็นอันว่ากว่าจะได้ตั้งข้อหาพวกหัวไม้ทั้งเก้า ฐาน “ก่อความเดือดร้อนรำคาญ” แล้วเปรียบเทียบปรับไปคนละ ๓๐๐ บาท แลกกับการข่มขู่สกัดกั้นไม่ให้เอกชัยออกไปทำกิจกรรมได้สำเร็จ การวางหมุดที่ลานพระรูปต้องยกเลิกไปโดยปริยาย

จากประวัติในการต่อสู้ของเอกชัยในเรื่องหมุดคณะราษฎรนี้ ตั้งแต่ปี ๒๕๖๐ เขาเตรียมเดินทางไปขุด หมุดหน้าใสซึ่งมีอำนาจพิเศษเอาไปใส่แทนหมุดคณะราษฎร เขาก็ถูก อุ้ม จากบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลไปกักตัวไว้ที่ มทบ.๑๑


ฉะนี้ทำให้บรรดา #เยาวชนปลดแอก ต้องออกแนว ห้าว กันมากขึ้น เมื่อเย็นวาน น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล และนายภาณุพงศ์ จาดนอก นำมวลชนราว ๓๐ คน ไปชุมนุมกันที่หน้ากองพันทหารม้าที่ ๔ รักษาพระองค์ (ตรงข้ามรัฐสภา)

“ทวงถามความรับผิดชอบ” ต่อเหตุการณ์เมื่อวันที่ ๒๒ ซึ่งวันนั้นมีการชุมนุมสนับสนุนยื่นรายชื่อกว่าแสนรายแก้ไขรัฐธรรมนูญของ ไอลอว์ ปรากฏว่ามีทหารนอกเครื่องแบบ ๓ คน วิ่งออกมาจากค่ายทหาร ล็อคตัวผู้ร่วมกิจกรรมคนหนึ่งแล้วบังคับให้ลบภาพที่ถ่ายทอดกิจกรรมไว้

หลังจากที่ปักหลักทวงถามกันอยู่กว่า ๒ ชั่วโมงแล้ว ยังไม่มีเสียงตอบมาจากภายในค่าย “กลุ่มแนวร่วมธรรมร่วมธรรมศาสตร์ฯ แสดงความไม่พอใจโดยขว้างปาไข่ และสาดสีเข้าไปบริเวณด้านหน้ากองพัน” รุ้งและไม้ค์ ยื่นคำขาดด้วยว่า

“หากไม่มีคำตอบว่าจะลงโทษ ๓ นายทหารดังกล่าวอย่างไร ตนจะพามวลชนไปทวงกับหัวหน้าใหญ่ที่กองทัพบก” นี่เป็นเพียงเรียกร้องในสิ่งที่กองทัพละเลย ใช้ทหารนอกเครื่องแบบข่มขู่ข่มเหงประชาชนแล้วไม่รับผิดชอบ

ตำรวจก็เช่นกัน กับพวกพ้องของการรัฐประหาร กลับเอาหูไปนาเอาตาไปไร่บ่อยไป ชนิดที่สำนักข่าวแห่งหนึ่งซึ่งอ้างตนเป็น สายวังปัจจุบันอยู่ในเครือ เนชัวกุข่าวกล่าวหากลุ่มเยาวชนปลดแอกอย่างชั่วร้าย โดยไม่มีความจริงแม้แต่นิด


เมื่อสองวันก่อน ทีนิวส์ พาดหัวว่า “ศาลนนทบุรีอนุมัติหมายจับแล้ว ชายฉกรรจ์ชุ ๓ นิ้ว ก่อเหตุอุกอาจ ชักปืนขู่กลุ่มผู้สนับสนุนไทยภักดี” ทั้งที่เรื่องจริง “เป็นการขับรถเฉี่ยวชนกัน มีการด่าทอ นำอาวุธปืนขึ้นมาขู่ เป็นเรื่องส่วนตัว”

คนชักปืนเป็นร้อยตรี อายุ ๕๔ ปี ขี่จักรยาน “เฉี่ยวชนกับขบวนรถกระบะของกลุ่มไทยภักดี ที่กำลังเดินทางเข้าไปยัง สภ.ชัยพฤกษ์ เพื่อแจ้งความดำเนินกับนายอานนท์ นำภา และช่องวอยซ์ทีวี” ทีนิวส์นำภาพของไม้ค์ ระยอง ลงประกอบข่าวพร้อมกับแกนนำคณะก้าวหน้านนทบุรีบางคน

นายเวสารัช ชาติยิ่งเจริญ พร้อมด้วยแกนนำคนอื่นๆ จึงได้ไปยื่นฟ้อง “ร้องทุกข์กล่าวโทษที่สถานีตำรวจภูธรชัยพฤกษ์” และ “จะเดินทางไปแจ้งความเอาผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์กับทางสื่อทีนิวส์ ที่ให้ข้อมูลผิดบิดเบือน” ด้วย

เบื้องต้นทราบกันแล้วว่า ไม่ได้มีการอนุมัติหมายจับตามที่ทีนิวส์พาดหัวแต่อย่างใด ไม่มีแม้แต่บันทึกแจ้งความของพวกไทยภักดี เรื่องนี้จะต้องจับตาดูท่าของ รมว.ดิจิทัล แกนนำ กปปส.ที่ได้ดิบได้ดีเพราะกวักมือเรียกทหารมายึดอำนาจ

ว่าจะใช้ ภาษาดอกไม้ แบบ ไอทู้บ หรือ น้ำลายจูงคนแบบว่าที่ผู้สมัครชิงตำแหน่ง ผู้ว่าฯ กทม.ที่มีคนอย่าง ป้าแพม (ศรีสมร มณีรัตน์) บอกว่า “เสียใจด้วยนะคะ...กลายเป็นเสลดถ่มออกไปกับน้ำลายของลุงเสียแล้ว”

(https://www.matichon.co.th/region/news_2370435, https://www.facebook.com/100001454030105/posts/3449917468400020/, https://www.facebook.com/iLawClub/posts/10164445257090551?__tn__=-R และ https://www.facebook.com/sanguan.khumrungroj/posts/3336181916467234)