เหตุการณ์มันบันทึกตัวเองไว้แล้วอย่างเหนียวแน่นในประวัติศาสตร์ ตลอดทั้งวันทั้งคืน ๑๙ กันยา ๒๕๖๓ ผู้คนเรือนแสน หลากเพศ ทุกวัย ไปร่วมกันชุมนุมให้ประจักษ์ว่า “ประเทศไทยนี้เป็นของราษฎร” ประดุจหมุดหมายที่ฝังไว้ในผืนดิน ‘สนามราษฎร’ ย่ำรุ่งวันที่ ๒๐ กันยา
การร่วมกันเดินจากสถานที่ชุมนุมไปยังทำเนียบรัฐบาลในวันนี้ เพื่อยื่นข้อเรียกร้องของผองประชาชนปลดแอก เป็นเพียงสัญญลักษณ์ย้ำเตือนเหตุการณ์ของเมื่อ ๒๔ ชั่วโมงที่ผ่านมา ไม่ว่าตำรวจจะวางเครื่องกีดขวางคอนกรีต ลวดหนาม หนาแน่นขนาดไหน
แถมด้วย ‘เซอร์ไพร้ส์’ เมื่อ ๘.๐๔ น. พริษฐ์ ชีวารักษ์ ‘ลูกยก’ ประชาธิปไตยตัวแสบ “ประกาศจะไม่เดินไปทำเนียบรัฐบาล แต่จะส่งตัวแทนไปยื่นหนังสือข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ กับสามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง พร้อมชี้มือไปทางวัดพระแก้ว”
@iLawFX ทวี้ตแจ้ง ๐๘.๑๖ น. ‘เพ็นกวิน’ บอกว่า “จะไปยื่นหนังสือกับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี” ด้วยตนเอง ไหนๆ “ป.ล. ทำเนียบองคมนตรีอยู่บริเวณวังสราญรมย์ อยู่ถัดจากสนามหลวงไม่ถึง ๑ กิโลเมตร” หลังวัดพระแก้วนั่นละ
ว่าแล้วไง เด็กรุ่นนี้มีไหวพริบแหลมคม กว่าพวกนายตำหวดบ่าวตะหานเยอะแยะ จำเพาะอย่างยิ่งความคิดอ่านก้าวล้ำไปข้างหน้ายิ่งกว่าพวก ‘ศรัทธาบอด’ วัยลุงป้าที่ยังประพฤติตนเป็นเส้นแป้งหลายสีใส่น้ำแข็งน้ำกะทิ ที่เพิ่งแพร่พันธุ์หลัง ๑๙ กันยา ๔๙ หลายขุม
โดยเฉพาะรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ (อะ ‘ไร’ นะ) ยิ่งตามไม่ทันความเจริญทางสติปัญญาของอนุชนรุ่นนี้ ตั้งแต่เจ็นเนอเรชั่นเอ็กซ์ลงไปถึง (ซี) แซ่ด ดังที่ใครนะพยายามบอกว่านักศึกษาผิดเป้าที่มุ่งประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญ ที่จริงควรเน้นเศรษฐกิจ
ทว่า กล้า สมุทรวนิช ช่วยอธิบายแทนให้ว่าเศรษฐกิจย่ำแย่ “จากการบริหารงานของประยุทธ์ จันทรโอชา และคณะ ต่อเนื่องมาตั้งแต่หลังรัฐประหาร ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗” นั่นต่างหากทำให้ความเชื่อถือรัฐบาลตกต่ำถึงที่สุด
ต่อให้ลาออกหรือยุบสภา (ซึ่งประยุทธ์ปฏิเสธเสียงแข็งอยู่ตลอดเวลา) “ด้วยกลไกอภินิหาริย์ สว. ที่ว่านี้ ก็ทำให้ผู้ที่จะมาเป็นนายกแทนก็จะยังเป็นคนกลุ่มเดียวกันอยู่ หรืออย่างน้อยก็ต้องเป็นมิตรกับขั้วอำนาจเดิมของ คสช.”
ดังนั้น “การเลือกตั้งใหม่ หรือการให้สภาผู้แทนราษฎรเลือกนายกคนใหม่ แม้เราจะรับประกันไม่ได้ ว่าจะได้คนที่ดีกว่า เก่งกว่า หรือมีสติปัญญามากกว่า...มันน่าจะดีกว่าปล่อยให้แก๊งคณะรัฐประหาร มาทำให้เศรษฐกิจ สังคม การเมือง และระบบต่าง ๆ ในประเทศเราฉิบหาย”
มิหนำซ้ำคนเหล่านี้ เรา “เรียกร้องความรับผิดชอบอะไรไม่ได้เลย...เราไม่มีทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ ถ้าไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ” เขายกตัวอย่างเรื่องเหมืองทองอัครา “ยังแบะท่าโยนมาให้เป็นรับผิดชอบร่วมกันของประชาชนคนไทยเลย”
ฉะนี้ ‘เบบี้บูมเมอร์’ ที่ซึมซับในแก่นแท้ของความเป็นประชาธิปไตยสากล จึงพากันออกไปสนับสนุนเด็กรุ่นใหม่เนืองแน่น “มืดฟ้ามัวดินทุกถิ่นที่ ไทยทั้งนั้นไม่มีรั้วกางกั้น เจ้าของชาติทวงชาติประกาศพลัน น้ำตารื้นตื้นตันเอ่อเบ้าตา”
เกษียร เตชะพีระ ถ่ายทอดความรู้สึกตรงเผง จะถึงแสนไหมไม่ต้องใส่ใจ ในเมื่อทางการบอกแค่หมื่นแปด ขณะที่การประเมินด้วยภาพโดรนและคณิตศาสตร์อยู่ที่ ๘-๙ หมื่นเป็นอย่างน้อย คนที่อยู่โดยรอบตามเวทีย่อยต่างๆ ถูกตำรวจขวางเข้าภายในสนามไม่ได้อีกตั้งเท่าไหร่
จอสชัว วอง นักกิจกรรมปลดแอกฮ่องกงชื่อดัง เขียนทวิตเตอร์แสดงความประทับใจกับการชุมนุมในไทยครั้งนี้ “ผมตื้นตันเมื่อมีสุภาพสตรีวัย ๖๘ ปีคนหนึ่งบอกว่า ฉันมานี่เพื่อต่อสู้ให้กับอนาคตของลูกหลาน หวังว่าเมื่อถึงเวลาตายของฉันพวกเขาจะได้เสรีภาพ”
ผู้สื่อข่าวต่างประเทศหลายคนอยู่ในพื้นที่กันจนดึกดื่น Florian Witulski @vaitor บอกว่าตีสองแล้วผู้ชุมนุมยังนั่งฟังปราศรัยกันเนืองแน่น ‘เรือนหมื่น’ Jerry Harmer @Coalporter จับภาพผู้คนปูผ้านอนกันเกลื่อนสนาม น่าจะตอนก่อนสาง
โดยเฉพาะไฮไล้ท์ของปรากฏการณ์ “เวลาประมาณ ๐๖.๔๐ น. หมุดคณะราษฎร หมุดที่ ๒ โดย คณะราษฎร๒๕๖๓ ได้ถูกปักลงบนท้องสนามราษฎร (สนามหลวงเดิม) แล้ว” หนึ่งนาฑีก่อนหน้านั้น “มีการสวดขอให้ผู้ที่คิดจะรื้อถอนหมุดต้องพบกับความวิบัติฉิบหาย”
เราไม่ได้ฟังคำสาบแช่งทั้งหมด แต่ใครคนหนึ่งผู้ใช้นาม Suksa Hora จำได้เยอะ รวมทั้งที่เขาเขียนคอมเม้นต์บนเฟชบุ๊คว่า “มีการแช่งให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศด้วย ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
(ขอบคุณข้อมูลจากการรายงานทั้งสดและยังใหม่ๆ ของ Prachatai.com ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน @iLawFX @VoiceTVOfficial @way_magazine @workpointtoday @Bussarin_PPTV Noppakow Kongsuwan และ Atukkit Sawangsuk)