วันพุธ, กันยายน 30, 2563

แหม่ง ถ้าแดงจะช่วยเพ็ดทูลเรื่อง ความบูดเบี้ยวของ รธน.๖๐ ให้ทรง 'ปิดทองหลังพระ' สั่ง ‘สูงวัยตู่ตั้ง’ เลิกยื้อแก้รัฐธรรมนูญ ก็จะดี


แหม่ง ที่ แดง พูดไว้ก่อนไปเป็นองคะอะไรนั่น ว่า “พระองค์ทรงปิดทองหลังพระ” (เหมือนพระราชบิดาเลยเชียว) มันกระตุ้นต่อมปีรติยิ่งนักแล้ว อย่ากระนั้นเลย หาใช่ ‘greedy’ ได้คืบจะเอาศอกไม่ เชื่อว่าอยู่ในข่าย ทรงสั่งได้ เหมือนกัน

ถ้าแดงจะกรุณาเพ็ดทูลพระองค์ทรงทรงโปรดเกล้าฯ กระซิบพวก สูงวัยตู่ตั้งที่นั่งๆ นอนๆ กันอยู่ในสภาที่มียอดเป็นเจดีย์คล้ายเมรุ บางคนไปประชุมปีละไม่กี่หนเพื่อโหวตให้พี่ชายเป็นนายกฯ กับตอนช่วยกันยื้อไม่ให้พวกที่มาจากการเลือกตั้ง ปิดสวิทช์ นั่นนะ

ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ไหวเลย ชั่วร้ายสำหรับไพร่ฟ้าหน้าใส แต่ให้อำนาจเหลือหลายกับพวกสืบทอดรัฐประหาร ตลก.รัฐธรรมนูญงี้ กรรมการเลือกตั้งงั้น ขืนปล่อยไว้ช้าเนิ่นนาน จักทำให้เดชานุภาพของพระองค์ต้องหมองหมางไปได้นะ

ไหนๆ ก็ไหนๆ ในเมื่อตอนรัฐธรรมนูญผ่านแล้วใหม่ๆ พระองค์ยังทรงสั่งเปลี่ยนแปลงได้ ก็อีแค่ สว.จำนวนครึ่งหนึ่งของห้าร้อย ไม่ครณาพระบาทา ทรงรับสั่งต่อใครสักคน พรเพชรก็ได้ ตู่ก็ได้ หรือจะให้แดงเองเป็นคนไปเที่ยวกระซิบในหมู่พวกพ้อง สว.ก็ยิ่งดี

แล้วก็เวลาไปเพ็ดทูลต้องให้เหตุผลดีๆ นะแดง พระองค์ทรงโปรดปรานการใช้เหตุใช้ผล รุ้ละว่าแดงไม่ได้ฝึกฝนมาทางนี้ เก่งแต่ใช้ปืนลูกซองไล่ยิงเสื้อแดง จะแนะให้ไปดูที่หนู อั่งอั๊งหลานธนาธรอายุ ๑๖ ปี เสวนา #ถ้าการเมืองดี ที่คณะสังคมฯ มธ.


อัครสร โอปิลันธน์ พูดไว้กินใจคนสูงวัย “ถึงแม้ว่าเราจะทำบุญกี่ชาติ ทำบุญมากแค่ไหนในชาตินี้ หากรัฐธรรมนูญมันไม่เปลี่ยน เราจะเกิดอยู่ในลูปเดิมแห่งความยากจนลูปเดิมแห่งความไม่เท่าเทียมค่ะ เราไม่สามารถมาพึ่งบุญพึ่งบาปได้ในเรื่องนี้นะคะ”

ความบูดเบี้ยวของ รธน.๖๐ นี้มีให้เห็น ดังกรณีศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งพิพากษา ยกคำร้อง กกต.ที่ให้ใบส้มเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของอดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต ๘ เชียงใหม่พรรคเพื่อไทย เอาไว้ ๑ ปี จากการที่สุรพล เกียรติไชยากร เอาเงิน ๒ พันใส่ซองทำบุญสมทบกองผ้าป่า ไม่ใช่เพื่อหาเสียง

การนี้มีผลทำให้สุรพลได้สิทธิในการเลือกตั้งคืนมา ไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายที่ กกต.เรียกร้องอ้างว่าต้องไปใช้จ่ายในการจัดเลือกตั้งซ่อม ซึ่งทำให้นางศรีนวล บุญลือได้รับเลือกตั้ง แล้วกลายเป็นงูเห่าเลื้อยดจากพรรคอนาคตใหม่ไปอยู่ภูมิใจไทย

นอกจากนั้นนายสุรพลยังให้ทนายยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก กกต. ๗๐ ล้านบาท ฐานใช้อำนาจโดยมิชอบ ทำให้ตนต้องเสียสิทธิ อดเป็น ส.ส. ทั้งๆ ที่นับคะแนนไปแล้วตนเป็นผู้ชนะได้กว่า ๕ หมื่นเสียง แต่การที่จะเอาตำแหน่ง ส.ส.คืนมานั้นอย่าหวัง


เพราะรัฐธรรมนูญฉบับออกแบบเพื่อพวกเรา คสช.นี้ อีตามีชัยแกเขียนไว้ตามที่ คสช.ต้องการให้คำสั่ง ของ กกต.เพิกถอนสิทธิและผลการเลือกตั้งนั้น เป็นที่สุดตามมาตรา ๑๓๒ อย่างที่ ใบตองแห้ง อุทาน “อ้าว ฉิบหาย นี่คือความเหี้ยของ รธน.๖๐”

น้าถึกวิจารณ์กฎหมายเลือกตั้งประกอรัฐธรรมนูญ “ที่ให้อำนาจ กกต.เป็นเทวดา ตัดสิทธิไปก่อน โดย มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พอขึ้นศาลบอกว่าไม่ผิดก็คืนสิทธิไม่ได้ เสร็จงูเห่าไปแล้ว” ซึ่ง สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. อธิบายว่า

“ไม่น่ามีผลต่อการคืนสิทธิการเป็น ส.ส....ไม่มีผลต่อผู้ได้รับเลือกตั้งในการเลือกตั้งซ่อม และ การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคต่างๆ” ด้วย และ “หากมีการเลือกตั้งครั้งต่อไป นายสุรพลสามารถลงเลือกตั้งได้ เนื่องจากไม่ใช่ผู้ถูกเพิกถอนสิทธิ”

แต่ถ้านายสุรพลรอการเลือกตั้งครั้งหน้าไม่ไหว จะทวงสิทธิการได้รับเลือกตั้งของตนคืน ก็ต้องไปฟ้อง กกต.อีกข้อหา ตามมาตรา ๑๕๗ ฐาน “ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ประมาทเลินเล่อ ใช้วิจารณญาณอย่างไม่รอบคอบจนเป็นเหตุให้ตนต้องเสียสิทธิ”

แต่ก็อาจจะได้แค่ ความเป็นธรรมในเวลาอีกหลายปี สุดแท้แต่ศาลทั่นจะทำคดีได้ช้าขนาดไหน ช้าปกติหรือช้าฉิบหายขึ้นกับวิจาณญานทั่น แต่จะให้รวดเร็วทันใจเหมือนคดีพวกพ้องคณะรัฐประหารเก่าละก็ น่าจะยาก

หากบังเอิญนายสุรพลชนะคดีเป็นปรากฏการณ์เหมือนครั้งนี้อีก แต่กว่าจะเสร็จคดีคงพอดีได้เลือกตั้งใหม่แล้วมั้ง

(https://www.khaosod.co.th/politics/news_5009674, https://www.facebook.com/baitongpost/posts/3434859833262488, https://www.facebook.com/Somchai.Srisutthiyakorn/posts/3212252958824085, https://www.facebook.com/Prachatai/posts/10157800783296699 และ https://www.matichon.co.th/politics/news_2370633)