วันอาทิตย์, กันยายน 27, 2563

เกิดอะไรใน 'เพื่อไทย' ลือลั่นหญิงหน่อย-หญิงอ้อ 'จิ๊กซอว์' รวมไทยสร้างชาติ อย่า "กลายเป็นแม่สายบัวแต่งตัวรอเก้อ" ก็แล้วกัน


เกิดอะไรในพรรคเพื่อไทย เป็นข้อสงสัยที่ยังไม่มีคำอธิบายให้กระจ่าง โดยผู้ที่ควรออกมาตอบมีอยู่เพียงสองคน หากคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร ผู้เป็นมารดาของลูกๆ อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องการพูดอะไรตามฟอร์ม ก็ต้อง นายใหญ่ เอง

เพราะหลังจากที่จู่ๆ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์ของพรรค ก็มีแกนนำและกรรมการบริหารพรรค แห่ตาม ลาออกกันเป็นแถว ทั้งโภคิน พลกุล พงษ์เทพ เทพกาญจนา กิตติรัตน์ ณ ระนอง

รวมถึง อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรค จิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรค และวัฒนา เมืองสุข กรรมการยุทธศาสตร์พรรค ปิดท้ายด้วยสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค (ทั้งที่บอกว่านึกไม่ถึง) ก็ลาออกเหมือนกัน  และตั้งให้ชูศักดิ์ ศิรินิล รักษาการแทน

จึงเป็นการล้างไพ่ใหม่ทั้งสำรับ จนกว่าจะมีการเลือกคณะผู้บริหารชุดใหม่ พร้อมไปกับหัวหน้าพรรคคนใหม่ หลังจากที่มีการประชุมของรักษาการกรรมการบริหารในวันที่ ๒๘ กันยา เพื่อกำหนดวันเลือกตั้งดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ก็ปรากฏตัวแคนดิเดทแล้ว ๒ คน

หนึ่งนั้นคือตัวหัวหน้าพรรคคนเดิม ซึ่ง โพสต์ทูเดย์ระบุเป็นคุ้งเป็นแควว่า “กลุ่มทางภาคเหนือ โดยเฉพาะนางเยาวภา วงศ์สวัส หรือเจ๊แดง ยังมองว่าในสถานการณ์เวลานี้ ยังไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนหัวหน้า” แต่กระนั้นมีการเคลื่อนไหวจากกลุ่มอีสาน

“เสนอ นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้านและส.ส.มหาสารคาม เป็นหัวหน้าพรรค เนื่องจากเป็นผู้ที่มีประสบการณ์การเมือง ทันเกมในสภาฯ มีบุคคลิกประณีประนอมประสานงานได้ทุกฝ่าย” อีกทั้งมีรายชื่อ ๓ ผู้เข้าชิงเลขาธิการคนใหม่ ที่ไม่ใช่คนเก่าด้วย

(https://www.posttoday.com/politic/news/634054?29yc และ https://prachatai.com/journal/2020/09/89676)

อาจจะไม่มีอะไรในกอไผ่ สำหรับภายในพรรคเพื่อไทยที่ถึงเวลาปรับกระบวน ทั้งในบทบาทพี่ใหญ่ฝ่ายค้าน และพรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้ง ส.ส.จำนวนมากที่สุด ดังที่ Atukkit Sawangsuk บอก “ปัญหาในเพื่อไทยมีมาช่วงหนึ่งแล้ว

...(วันก่อนก็เห็นข่าวเคลียร์ปัญหาในพรรค)” เขาว่า “เรื่องใหญ่จริงๆ คือตระกูลชินวัตรเฟดตัวเองออกไป ไม่ได้เป็นท่อน้ำเลี้ยงเหมือนอดีต มีบ้างก็กระปริบกระปรอย พอไม่คุมเองก็แตกกันเป็นก๊กๆ” แต่กระแสในโซเชียลไม่ว่าอย่างนั้น

“พี่น้องครับตุลานี้เตรียมตัวเตรียมใจ ไปต้อนรับสองนายกฯ รากหญ้ากลับแผ่นดินแม่กันนะครับ” ผู้ใช้ชื่อ ภานุพงษ์ นักรบ ราชประสงค์ มุกดาราใครไม่รู้ละ เขียนเป็นตุเป็นตะตามข่าวลือว่า ชินวัตรมีดีลกับ ร.๑๐ (อีกแล้ว) ให้ทักษิณกลับไปเป็นนายก รวมไทยสร้างชาติ


ตีความกันอย่างเพ้อฝันจากภาพคุณหญิงพาลูกๆ เข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวันมหิดล เพื่อถวายรถรักษาอัมพาตให้โรงพยาบาลศิริราชใช้ กลายเป็นการต่อจิ๊กซอว์ด้วยมโนจริตว่าเห็นไหม เพื่อไทยปรับตัวคล้องจองกันกับความใกล้ชิดเบื้องยุคลบาทของหญิงอ้อ

ชนิดทีมข่าวเนชัวตัวป่วนของ กนก ลิ้นรัว กับอี๊ปอง มั่วตั้ว เอาไปใช้พาดหัวรายการว่า “เมียกราบ ผัวสู้” แต่ว่าสายประชาธิปไตยไม่มีใครเห็นด้วยสักราย ไม่เพียงอธึกกิต ขำกลิ้ง ปวิน ณ เกียวโต ว่า “ฝันแล้วตื่น ตื่นแล้วฝัน ไม่มีทางเป็นไปได้”

กระทั่ง Somyot Pruksakasemsuk ฟันธง ข่าวลวงบอกว่าฟังเรื่องอย่างนี้มาไม่รู้กี่ครั้งตั้งแต่ปี ๕๐ โน่น “ทุกครั้งจบลงที่ความปราชัยของพวกทักษิณทุกครั้ง แม้แต่เสื้อแดงไปชุมนุมถนนอักษะนั่นก็จบลงด้วยความพินาศเช่นกัน”

ในทางการเมืองมันไปลงตามเสียงน้ำเซาะ รอยเท้าบนผืนทรายในฝันอันสูงสุดของ จตุพร พรหมพันธุ์ ต้องการรัฐบาลแห่งชาติ เวอร์ชั่น วชิราลงกรณ์ที่ซึ่ง พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ ชี้ว่าเป็นเผด็จการเพราะ “เอาทุกพรรคในสภามาทำแกงโฮะเป็นรัฐบาลชุดเดียวโดยไม่มีฝ่ายค้าน”

โดยเฉพาะสัญญานลมๆ แล้งๆ ที่ว่ามาจากการที่หญิงอ้อไปยืนต่อแถวเข้าเฝ้ากราบ ถวายต่อพระเจ้าอยู่หัวฯ ว่านี่ละคุณหญิงพร้อมแล้วจะกลับไป คุม พรรคเพื่อไทยโดยตรงอีกครั้ง หลังจากที่มอบหมายให้หญิงหน่อยรับช่วงไปแล้วยังไม่ถึงไหน

นั่นคง มโน ล้วนๆ ณ ขณะนี้ จากที่ Thanapol Eawsakul ทบทวนว่า “ตระกูลชินวัตร โดยเฉพาะพจมาน ชินวัตร บริจาคให้กับโรงพยาบาลศิริราช เป็นเรื่องปกติและทำมาทุกปี เพียงแต่ปีนี้ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๓ ในหลวง ร.๑๐ อนุญาตให้เข้าเฝ้า” ก็เท่านั้น

๑๔ มีนา ๖๒ อุ๊งอิ๊งชินวัตร โพสต์ไอจี “ครอบครัวชินวัตรได้ร่วมบริจาคเข้าศิริราชมูลนิธิ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน” คราวนั้นเหนาะๆ ก็ ๑๐๐ ล้านบาท แต่คราวนี้ที่เข้าเฝ้าฯ “เป็นความประสงค์ของในหลวง ร.๑๐ เอง”

ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ ทางที่ดีฟังหูไว้หูกันก่อน ถ้ายังไม่มีการปฏิเสธข่าวลือ จะถือเป็นการสมยอมยังไม่ได้ จนกว่าจะมีใครสักคนทะลุกลางปล้องออกมาก่อน เพราะถึงใครจะอยากเชื่อสักแค่ไหน คำว่าประวัติศาสตร์ซ้ำรอยมันก้องหู

การเมืองเรื่องจักรๆ วงศ์ๆ นี่เอาแน่อะไรไม่ได้หรอก ดูแต่พระเชษฐภคิณีนั่นสิ อยู่ดีๆ กลายเป็นแม่สายบัวแต่งตัวรอเก้อไปเลย