วันเสาร์, กุมภาพันธ์ 09, 2562

ก่อนจะถึง ‘พระบรมราชโองการ’ อาการ ‘สลิ่มล้มเจ้า’ ก็ชิงบังเกิด

พลันที่มีการจดแจ้งนาม ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ มหิดล เป็นผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยรักษาชาติ ปฏิกิริยาจากฝั่งที่หนุนรัฐประหาร คสช.ก็บังเกิด

ตั้งแต่ “เก็บความอกสั่นหวั่นไหวเอาไว้ก่อน” ของมีชัย ฤชุพันธุ์ ต้นตำรับนายกฯ คนนอก ถึง “ไปลอยไปตามเวรกรรมเรื่อยไป” ของ นก สิจัย เปล่งพานิช อันมีคนคล้อยตาม “วันนี้รู้สึกห่อเหี่ยวใจค่ะ...คิดถึงพ่อที่สุด”

นั่นหลังจากที่สอง นกสามีภรรยาออกมา ไล้ฟ์ ชวนให้พวกแฟนคลับที่เคยร่วมเป่านกหวีด ปิดกรุงเทพฯ ล้มเลือกตั้ง “ไปออกเสียงเลือกตั้ง” ปีนี้กัน
 
เหตุเพราะ ไม่เคยปรากฏมาก่อนว่ามีเจ้านายชั้นสูงในราชวงศ์ไทยลงสู่สนามการเมืองโดยตรง ตามรายงานของสำนักข่าวต่างประเทศหลากหลาย ตั้งแต่ บีบีซี รอยเตอร์และเอเอฟพี ถึง เอเซียไทม์และนิวยอร์คไทมส์ 

จึงปรากฏอาการ สลิ่มล้มเจ้าและ เจ้าเก่าแก่บ่น “เหลวไหลเลอะเทอะกันใหญ่แล้ว”

ประเด็น สลิ่ม นั่น มีเสียงโต้ทันควัน ใครไม่รู้ใช้ชื่อ แม่นายของโมกุน’ @wiyadasai บอก “ล้มเจ้าพ่อง พวกกูปกป้องสถาบันกันมาด้วยชีวิต เพียงแค่คนเพียงคนเดียว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถาบัน สถานะไม่ชัด ไม่ทำให้กูต้องยอมแพ้หรอกนะ”
 
จึงได้เห็น เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง กลายเป็นผู้ไม่รู้ ถามหา “ผู้รู้ช่วยตอบทีครับ” เรื่อง “ผุ้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะต้องเคยไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ต้องแสดงหลักฐานการเสียภาษีสามปี” และ “สุดท้ายต้องแจงบัญชีทรัพย์สินเมื่อเข้ารับตำแหน่งหรือไม่”

ยังมี ไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูปที่บอกแต่อ้อนแต่ออกจะดัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกฯ อีกให้ได้ ไป “ยื่นหนังสือถึงกกต.ให้วินิจฉัยบัญชีนายกฯ พรรค #ไทยรักษาชาติ ขัดต่อข้อกฎหมายบัญญัติห้ามนำสถาบันมาหาเสียง”

ข้อนั้น ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรค ทษช. ตอบไว้แล้ว “ขอให้เป็นหน้าที่ของ กกต.” และ “รัฐธรรมนูญฉบับนี้เราไม่ได้เป็นคนร่าง แต่ต้องเข้ามาเป็นผู้เล่นในกฎหมายที่เราไม่ได้ร่าง ฉะนั้นสิ่งที่เราดำเนินการยืนยันว่าเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญทุกประการ”


ทำให้ไพบูลย์ถูกตราหน้าเป็น สลิ่มล้มเจ้า ด้วยอีกคน นอกเหนือจากก่อนหน้านี้หน่อยเดียวถูก บก.ลายจุด @nuling ทวี้ตเตือน “ฟังก่อนไพบูลย์” แต่นั่นมาจากรูปที่มีป้ายหาเสียง “น้อมนำคำสอนพระพุทธเจ้า มาปฏิบัติ...” หลังจากที่เขาเคยแข็งขัน ปฏิรูปศาสนาด้วยการไล่ฟัด ธรรมกาย ท่าเดียว
 
เสียงค่อนแคะและวิจารณ์มิได้มาจาก สลิ่ม ถ่ายเดียว ผู้ต้องหา ล้มเจ้าอย่าง สุดา รังกุพันธุ์ ที่ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศก็ส่งแพร่หลายทาง สื่อโซเชียลด้วยเช่นกันว่า “อยากใช้สิทธิของสามัญชน ก็ต้องแสดงออกอย่างจริงใจและชัดแจ้งต่อสาธารณะว่าคุณคือสามัญชนจริงๆ #อย่าเหยียบเรือสองแคม

และว่าเจ้าฟ้า “ต้องเป็นคนประกาศต่อสาธารณะอย่างชัดแจ้งด้วยตัวเอง อย่าให้ประชาชนต้องสับสน ทำตัวไม่ถูก” และอาจมีคนพลั้งพลาดแล้ว “อาจถูกพวกคลั่งเจ้าแจ้งจับดำเนินคดี หรือทำร้าย”

ข้อนี้คงมีคนมา ดีเฟ็นด์ ให้ว่า ทูลกระหม่อมเคยตอบข้อสงสัยไว้ในรายการ ทูบีนัมเบอร์วันว่าขอไม่ให้ใช้คำ ทรงพระเจริญเพราะฟังแล้วไม่เป็นกันเอง “รู้สึกเกร็ง ห่างเหิน พูดแบบนักการทูต ไม่ได้พูดอย่างเราๆ” แถมยัง (เป็นเหตุผลเล่นๆ) “แปลว่าทำให้อ้วน ก็เลยให้พูดว่าทรงพระสเลนเดอร์ หรือไม่พูดเลย”


อย่างไรก็ดีมีแง่มุมที่น่าสนจากคนใช้ชื่อ บ่นบนทวิตภพ @hengsuaycountry ที่บอกว่า “ถ้าเราไม่หลอกตัวเอง ความอึมครึมทางการเมืองที่มีมาตลอดหลายสิบปี ล้วนเกิดจากผู้ที่ห้ามยุ่งเกี่ยวทางการเมืองมาแทรกแซงมิใช่หรือ

ผมจึงมองเรื่องนายก #ไทยรักษาชาติ ว่านี่แหละคือที่สุดของประชาธิปไตยที่ท่านยอมลงมาเล่นการเมืองแบบเปิดหน้าเต็มตัว ใจๆ กันไปเลย #ทรงพระสเลนเดอร์ #เลือกตั้ง62

โดยเฉพาะตอนที่เขาแนะว่าเป็นการ ตบหน้า คสช.“ด้วยกติกาอันแสนทุเรศของตัวเอง” ด้วยสิ

ถึงอย่างนั้นก็มีเสียงเชียร์ ลุงตู่สู้ไม่ถอย อยู่ประปราย อย่างน้อยๆ จากที่คอลัมน์ใน คมชัดลึกเช็ดไว้ เห็นได้จากเพียงไม่กี่นาฑีหลัง ทษช.จดแจ้ง ประยุทธ์ก็ตอบรับเทียบเชิญของพรรคพลังประชารัฐเป็นนายกฯ หนึ่งเดียวในรายชื่อบ้าง

มิใยคมชัดลึกปิดท้ายข้อเขียน เด็ดยอด จวก “พรรคที่เกิดจากการแตกแบงก์พันของนายใหญ่ เหิมเกริม” เตือนให้ “ระวังตัวกันดีๆ ดีไม่ดีจะไม่มีที่ซุกหัวนอนกันทั้งบ้านและหลายบ้าน”


ซึ่งบังเอิญไปพ้องกับข่าวเอเอฟพีลงวันที่ ๘ กุมภา เรื่อง “What does Princess Ubolratana’s entry mean for Thai politics?” ระบุตอนหนึ่งว่า มีแถลงการณ์ออกมาจากราชสำนักตอนเย็นวันศุกร (ที่ ๘) “ประณามการนำฟ้าหญิงอุบลรัตน์เข้าสู่การเมือง”
 
เอเอฟพีชี้ด้วยว่าแถลงการณ์ไม่ได้ตำหนิเจ้าฟ้าโดยตรง แต่ดูเหมือนเจาะจงไปยังพรรคการเมืองที่เป็นผู้เสนอชื่อ (แม้นว่าเอกสารที่หัวหน้าพรรคยื่นต่อ กกต. เป็นแบบฟอร์มที่ ทูลกระหม่อมกรอกด้วยลายมือตนเอง) โดยแถลงการณ์อ้างว่าการเสนอชื่อนั้น “ขัดแย้งต่อราชประเพณีและวัฒนธรรมของชาติ”


ในเนื้อถ้อยของ พระบรมราชโองการ ฉบับเต็มระบุว่า “พระราชินี พระรัชทายาท และพระบรมราชวงศ์ทุกพระองค์ จึงอยู่ในหลักการเกี่ยวกับการดำรงอยู่เหนือการเมือง และความเป็นกลางทางการเมืองพระมหากษัตริย์ด้วย และไม่สามารถดำรงตำแหน่งใดๆ ในทางการเมืองได้

เป็นการตีความรัฐธรรมนูญโดยพระมหากษัตริย์ด้วยพระองค์เอง อันต่างกับที่ผ่านๆ มา ซึ่งกำหนดเป็นลายลักษณ์อักษรว่าสถาบันพระมหากษัตริย์หมายถึง พระเจ้าอยู่หัว พระราชินี องค์รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เท่านั้น