สงสัยต้องให้เค้าเป็นต่ออีกรอบแล้วมั้ง รัฐบาล ‘ไอทู้บ
๐.๔’ ของ คสช.น่ะ คนอื่นใครมาเป็นคงตามใช้หนี้ไม่หวาดไหว
แค่ไตรมาสแรกประยุทธ์ถลุงไปแล้วเกือบครึ่งของงบประมาณทั้งปี ๒๕๖๒
กรมบัญชีกลางเผยตัวเลขการใช้จ่ายเงินงบประมาณของชาติโดย
คสช. ว่าตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ (เดือนตุลา ๖๑) ถึงวันที่
๓๑ ม.ค. ๒๕๖๒ (สี่เดือนแรก) มีการจ่ายออกไปแล้ว ๑,๓๕๗,๒๕๗ ล้านบาท
เท่ากับร้อยละ ๔๕.๒ ของวงเงินงบประมาณทั้งปี ๓,๐๐๐,๐๐๐ ล้านบาท
มิน่า ‘บิ๊กตู่’ ของวาสนา นาน่วม ไม่ยอมไปดีเบทอะไรกับใครทั้งสิ้น
กลัวจะโดนซักละสิว่าเอาเงินไปใช้อะไรบ้าง จ้าง กอ.รมน. ลงพื้นที่ประกบชาวบ้าน
หรือแจกกำนันผู้ใหญ่บ้านให้ไปกาบัตรออกเสียงกัน ประเทศจะได้เป็นประชาธิปไตยแบบยุทธศาสตร์เร็วๆ
นอกจากไม่ยอมไปนั่งให้เขาเฉือนกึ๋นเหมือนไพบูลย์กับอุตตมแล้ว
ยัง ‘ด้าน’ ฝากวาสนามาบอกอีกว่า “ไม่ว่าใครจะดีเบต
ไปพูดอะไร ขออย่าไปเชื่ออย่าไปฟัง เพราะเขาพูดเก่งอย่างเดียว
แต่หลายอย่างปฏิบัติไม่ได้” ทำไมไม่ไปสั่งเองดูสิจะโดนย้อนขนาดไหน
ส่วนที่เขาซุบซิบกันออนไลน์เรื่อง ‘ตู๊บ’ ไม่ยอมไปโต้วาทีสาธารณะเพราะกลัวเขาคุยอวดกันเรื่อง ‘บล็อคเชน’ แล้วตัวเอง ‘งง’ ไล่เขาไม่ทัน เดี๋ยวฉุนตายห่
‘ถือแถน @pran2844’ ทวี้ตว่า “ทักษิณก็พูดถึง blockchain ธนาธรก็พูดถึง blockchain กรณ์กับชัชชาติก็พูดถึง
แต่ใครอย่าไปเผลอถามลุงตูบถึง blockchain เชียวนะ! เดี๋ยวแกบอกว่า
“ถ้าใครก็ว่ามันดีก็จะแนะนำให้เกษตรกรเอาไปปลูก”
แต่ ‘Vahn Citis @vahncitis’
กลับคิดอีกอย่าง “บล็อคเชนหรือไม่มีอะไรมาก ตำรวจทหารเราใช้มานานแระ
เห็นการปราบจราจลไหมนั่น เอาโซ่กั้นไว้บล็อคไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้ามา บล็อคเชนมีประโยชน์มากในการปราบจราจล”
‘ไอเวดเดอร์ @ivaderer’ ถึงได้จัดภาพกร๊าฟฟิคเอาไว้ให้เห็นว่า “นักการเมืองไทยคิดยังไงกับ
Blokchain /กูฮาตรงลุงตู่ว์นี่ล่ะ”
อย่าว่าไป ถึงไม่รู้บล็อคเชนเป็นอย่างไร
แต่รัฐบาล คสช.รู้วิชา ‘บล้อคสื่อ’ ฝั่งตรงข้ามดีมาก เมื่อก่อนๆ สั่งให้องค์กรที่ควบคุมสื่อจัดการ
เดี๋ยวนี้องค์กรนั้นรู้งานจัดการเองหมด อ้าง “เราพิจารณาตามหลักวิชาการจริงๆ”
เสียด้วย
นี่จากกรณี ‘ว้อยซ์ทีวี’ ถูก กสทช. สั่ง ‘จอดำ’ ๑๕ วัน
อีกเป็นครั้งที่ ๒๑ พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ หนึ่งในกรรมการ กสทช.ที่เต็มไปด้วยทหาร
ตำรวจ แจ้งแก่สื่อมวลชน “วอยซ์ทีวีไม่สามารถอุทธรณ์คำสั่งกับ กสทช. ได้แล้ว
ต้องยื่นฟ้องศาลปกครองภายใน ๙๐ วัน”
ไม่ว่า พล.ท.พีระพงษ์
จะอ้างเหตุ “จริงๆ เราก็ไม่อยากทำ แต่เราตักเตือนช่องหลายครั้งแล้วก็ยังไม่ปรับปรุง”
เรื่องการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล คสช.
กรณีที่มีสี่รัฐมนตรีไปร่วมจัดตั้งและเป็นผู้บริหารระดับสูงและสุดของพรรคพลังประชารัฐ
จะให้ดีต้องฟังที่ อจ.พิชญ์ พงศ์สวัสดิ์ เล่าชี้แจง “ในฐานะหนึ่งในผู้จัดรายการในช่องทีวีที่ถูกปิด
๑๕ วัน” ว่า “เดิมเราเป็นช่องเดียวที่โดนเซ็น เอ็มโอยู
ห้ามอ่านความเห็นผู้ชมออกอากาศ และหนักเข้าไปอีก แค่อ่านพวก กูเกิ้ลเทรนก็ไม่ได้
อ่านคำที่เจอใน social listening ก็ไม่ได้”
ใครคิดเหมือนที่ @Incognito_me รำพึงไว้บ้าง “เพิ่งรู้ว่า #VoiceTV เป็นช่องเดียวที่ถูกบังคับเซ็น MOU
ห้ามอ่านความเห็นผู้ชมออกอากาศ” จะหลักวิชาการอย่างไรก็น่าสงสัย
ทำไมช่องเดียวที่เป็นของ โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร เสียด้วย
“ระบบการทำงาน กสทช นั้น เขาเหมือนผู้ตัดสิน
เขาไม่ได้เล่นเอง เขาเริ่มกระบวนการตัดสินตามที่มีคนร้อง
ต้องถามครับว่าเวลามีการร้องนั้นใครร้อง ร้องบ่อยขนาดนั้น ร้องเป็นระบบ
ติดตามร้องกันทั้งวันทั้งคืน จากนั้นเขาจะเรียกเราไปซักถามชี้แจงก่อนจะตัดสิน”
นั่นละ ‘หลักวิชาการ’ ของ พล.ท.พีระพงษ์ ซึ่งคงต่างกับหลักวิชาการของคณะผู้จัดรายการ
(Pitch Pongsawat, Virot Ali และ Chuwat Rerksirisuk) อยู่พอดู ดัง อจ.พิชญ์ ว่า
“เราไม่ได้สู้กับ กสทช. เราสู้กับหลักการ สู้กับความจริง
เราต้องชี้แจงหลักการและความจริงให้ กสทช. และ องค์กรยุติธรรมอื่นๆ รับรู้
ที่สำคัญก็คือประชาชนจะต้องรับรู้ ทั้งคนที่ชอบเราและไม่ชอบเรา”
ดังนั้นระหว่างจอดำ ๑๕ วันนี้ผู้ที่ต้องการชม และติดตามคณะของเขาไม่หงอยเหงาแน่
เพราะทั้งสามจะย้ายไปจัดทำ ‘เฟชบุ๊คไล้ฟ์’ “ทั้งช่องทั้งวัน
อย่างน้อย ๑๕ วัน และจะสนุกกว่าเดิม เพราะผู้ชมจะช่วยจัดรายการด้วยตลอดรายการ”