วันพุธ, พฤศจิกายน 07, 2561

ลากเงินสด ๓๒ ล้านทอดกฐิน พี่ป้อม คสช. อ้างเพื่อน "เรี่ยไรมาแต่สมัยเด็ก" อะ


คสช.คนนี้ไม่เคยจืด เรื่องเงินทอง ของกำนัลจากเพื่อน ตอนนาฬิกาหรู ๒๕ เรือน เพื่อนให้ยืมลืมคืนจนล้มหายตายจากกันไป คราวนี้มาใหม่เงินสดสองประเป๋าเดินทาง ๓๒ ล้านบาท ได้จากเพื่อนเหมือนกัน เรี่ยไรมาแต่สมัยเด็ก

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมของ คสช. ตกที่นั่ง ร่ำรวยเพราะเพื่อน อยู่ร่ำไป เมื่อ ๓ พฤศจิกา ทั่นไปทอดกฐินที่ ต.โคกสว่าง อ.ปลาปาก จ.นครพนม มีพวกบิ๊กๆ ทั้งทหาร ตำรวจ ไปร่วมกันคับคั่ง รวมทั้งประชาชนราว ๕ พันคน

พล.อ.ประวิตร ได้ถวายจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์ พร้อมมอบปัจจัยยอดกฐินจำนวน ๓๒,๑๘๕,๒๙๕ บาท ถวายวัดเพื่อสมทบทุนในการสร้างพระมหาเจดีย์ฯ” ซึ่งถ้าดูตามมาตรฐานบารมีพี่ใหญ่ คสช. แล้วน่าจะธรรมดา

เพราะ พล.อ.ประวิตร เคยมาทอดกฐินที่นี่แล้วหลายครั้ง ครั้งแรกในปี ๒๕๕๗ ได้จตุปัจจัยบริจาค ๘๒ ล้านบาท ไว้ทำการก่อสร้างเจดีย์บรรจุพระบรมสารีรกธาตุและอัฐิหลวงปู่คำพันธ์ เกจิอาจารย์ของบิ๊กป้อม ตอนนั้นหนังสือพิมพ์ยังไม่วุ้ยว้ายอะไรกัน น่าจะเพราะเป็นช่วง คสช.ยึดอำนาจใหม่ๆ

พอปี ๖๐ ก็มีทอดกฐินอีกครั้ง เงินถวายวัด ๖๒ ล้านบาท ไม่มีกะโตกกะตากเช่นเดียวกับตอนไปยกยอดฉัตรอีก ๒๓ ล้าน เมื่อ ต.ค.ปีที่ผ่านมา แต่ที่เตะตาสื่อจังงังในตอนนี้ก็คือ เงินจำนวน ๓๒ ล้านครั้งนี้เป็นธนบัตรสดๆ ใส่มาในกระเป๋าลาก ๒ ใบ

ในฐานะที่เป็นตำบลกระสุนตกของ คสช. (ก็คงเพราะแกโฉ่งฉ่างเรื่องทรัพย์สินเงินทองของเพื่อน เรื่องหะรูหะรา นั่งชั้นหนึ่งบินไทยกินไข่คาเวียร์ และเรื่องความเป็น โสด สวิงสูงวัยของทั่น) การลากเงินสดสองกระเป๋าไปทอดกฐิน จึงเป็นข้อครหาที่ไม่เป็นข่าว

ทั่นรองฯ ฝ่ายความมั่นคงก็แสนจะหูดี รีบแก้ตัวทันทีเรื่องยอดเงินทำบุญที่วัดโฆสมังคลาราม ๓๒ ล้าน ว่า เงินทั้งหมดเป็นการเรี่ยไร่กันมากับเพื่อนสมัยเด็ก ไม่ได้เป็นของตัวเองทั้งหมด ซึ่งตนเองควักเงินทำบุญเพียงแค่ ๓,๐๐๐ บาทเท่านั้น”


ทั่นมีข้อแก้ตัวของทั่น ก็ว่าไป จะฟังขึ้นไม่ขึ้นดูเหมือนจะไม่มีการรับฟังจากทางการ ถ้าไม่ใช่กระทำที่เกี่ยวโยงถึงทักษิณ ยิ่งลักษณ์ และ ชินวัตร เหมือนเรื่องปฏิทิน Happy New Year 2019 ที่มีรูปสองพี่น้องอดีตนายกรัฐมนตรียืนคู่กัน
 
เมื่อวาน (๖ พ.ย.) กำลังทหาร มทบ.๒๒ สนธิกำลังกับฝ่ายปกครองอำเภอวารินชำราบ อุบลฯ บุกไปค้นร้านอุดมแอร์ พบปฏิทินดังกล่าวจำนวน ๙ กล่อง รวมแล้วจำนวน ๕,๕๕๓ ใบ จึงได้ ยึด เอาไว้ และนำตัวบุตรชายเจ้าของร้านไปให้ปากคำ และ “สอบสวนหาแหล่งที่มาของปฏิทิน โดยยังไม่มีการตั้งข้อหาใดๆ”

อ้างว่า เพื่อต้องการระงับยับยั้งการแพร่กระจายของเอกสารที่เป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อยในประเทศ เพราะคนทั้งคู่เป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดีของศาล”

ทั้งที่พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ให้ความเห็นว่า “ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะเป็นภัยต่อความมั่นคง” และ “การแจกแบบนี้ก็มีมาก่อนแล้ว...แต่ยืนยันว่าสองคนน่ะ อดีตนายกฯ สองท่านเขาไม่ได้อยู่ในราชอาณาจักร เขาจะมาทำแจกมันคงเป็นไปไม่ได้”

 
ต่างกับกรณีนายประจักษ์ มูลรัตน์ สจ. ร้อยเอ็ดแจกแผ่นพับแนะนำตัวในฐานะว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคพลังประชารัฐ ที่แม้จะไม่ผิด พรบ.ความมั่นคงฯ แต่ก็อาจจะผิดคำสั่ง คสช. ที่ยังไม่ยอมปลดล็อคพรรคการเมืองหาเสียง

เป็นเรื่องที่ต้องจับตาดูว่าหากเจ้าหน้าที่เสาะรู้ว่าใครทำปฏิทิน ๕ พันใบแล้วจะมีการดำเนินคดีในข้อหาใดหรือไม่ ในเมื่อถ้ามี ข้อหาความมั่นคงหลุดไปแล้วตามความเห็นของศรีวราห์ แต่ถ้าโดนข้อหาขัดคำสั่ง คสช. แล้ว สจ.ร้อยเอ็ดล่ะ โดนด้วยไหม