วันอังคาร, เมษายน 10, 2561

จากใจของนิสิตจุฬาที่ชูป้าย... การแสดงออกของพวกเราในวันนี้ ต้องการจะส่งสัญญาณว่าเราไม่เห็นด้วยที่ผู้บริหารของจุฬาฯ ตัดสินใจก้มหัวให้เผด็จการทหารเพียงเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ เพื่อต้องการจะบอกกับสังคมว่าไม่ใช่ทุกคนในจุฬาฯ ที่เห็นด้วยกับการตัดสินใจดังกล่าวของผู้บริหารจุฬาฯ...





การแสดงออกของพวกเราในวันนี้ ต้องการจะส่งสัญญาณว่าเราไม่เห็นด้วยที่ผู้บริหารของจุฬาฯ ตัดสินใจก้มหัวให้เผด็จการทหารเพียงเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ เพื่อต้องการจะบอกกับสังคมว่าไม่ใช่ทุกคนในจุฬาฯ ที่เห็นด้วยกับการตัดสินใจดังกล่าวของผู้บริหารจุฬาฯ เราไม่เห็นด้วยที่ผู้บริหารของจุฬาฯ กำลังประทับตรารับรองความชอบธรรมให้กับรัฐบาลซึ่งมีที่มาอย่างไม่ถูกต้องในทุกมิติ รัฐบาลที่กดขี่สิทธิและเสรีภาพของประชาชนอยู่ตลอดเวลา รัฐบาลที่โดยเปรียบเทียบแล้วได้ช่วยเหลือคนที่ร่ำรวยที่สุดที่มีสัดส่วนเพียง 1% ในสังคม แต่ทอดทิ้งคนในสังคมอีก 99% ไว้ข้างหลัง จุฬาฯ ไม่อาจเป็น “เสาหลักของแผ่นดิน” ได้เลย หากจุฬาฯ ยังคงให้การสนับสนุนรัฐบาลที่กดขี่พลเมืองของประเทศนี้อย่างต่อเนื่องตลอด 4 ปีที่ผ่านมา

การแสดงออกในวันนี้ยังเป็นการแสดงออกว่าเราไม่พึงพอใจต่อการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมต่อนิสิตบางกลุ่ม บางคน เห็นได้จากแทนที่มหาวิทยาลัยจะช่วยปกป้องสิทธิและเสรีภาพของนิสิตในรั้วมหาวิทยาลัย กลับส่งเสริมให้ตำรวจ ทหาร และผู้มีอำนาจ ใช้อำนาจของตนที่มีกดขี่สิทธิและเสรีภาพของนิสิตจุฬาฯ ถึงในรั้วมหาวิทยาลัย และเรายังต้องการแสดงออกว่าเราไม่พึงพอใจที่ผู้บริหารของจุฬาฯ ใช้คะแนนกิจกรรมหอพัก เอาความด้อยโอกาสทางเศรษฐกิจของนิสิตหอพัก มาเป็นเครื่องมือในการสร้างความชอบธรรมให้เผด็จการในครั้งนี้อีกด้วย

“ชาวจุฬาฯ รักเผด็จการ” จึงเป็นข้อความที่ตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม และเราเชื่อว่าเป็นสิ่งที่อยู่ในใจผู้บริหารของจุฬาฯ บางท่านอยู่แล้ว เป็นการแสดงออกถึงท่าทีและจุดยืนขององค์กรให้ชัดเจน ไม่ต้องเหนียมอายทำมาเป็นจัดงานปาฐกถาที่เนื้อหาของประยุทธ์กลวงจนแทบจะจับหาสาระไม่ได้เช่นนี้ แล้วนำมาเชิดชูว่าเป็นปาฐกถาที่สุดยอด รัฐบาลชุดนี้มีนโยบายสนับสนุนนวัตกรรม ซึ่งตรงกับเป้าหมายของจุฬาฯ แต่เนื้อแท้ คือ การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องในการใช้องค์กรมาเป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรมให้กับการกระทำของพวกคุณ การบอกไปตรงๆ เลยว่าชาวจุฬาฯ รักเผด็จการ จึงเป็นคำที่ทั้งตรงและสื่อการกระทำของผู้บริหารของจุฬาฯ ในวันนี้ได้เป็นอย่างดี

ท้ายที่สุดนี้ เรายังคงหวังลึกๆ อยู่ในใจว่าผู้บริหารของจุฬาฯ จะยอมทบทวนบทบาทการเป็น “เสาหลักของแผ่นดิน” ของสถาบันนี้ และนำพามหาวิทยาลัยให้กลับมาเป็นมหาวิทยาลัยที่เป็นแหล่งส่งเสริมเสรีภาพทางความคิดและวิชาการ เป็นสถาบันทางการศึกษา มิใช่สถานที่แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ หรือการทำธุรกิจค้าหากำไรใดๆ ทั้งสิ้น

ที่มา FB

Tanawat Wongchai