https://www.youtube.com/watch?v=FRtKVgdGhLc
เพลง: เมืองแห่งความเกลียดชัง
prachatai
Published on Apr 13, 2016
เพลง "เมืองแห่งความเกลียดชัง" ถูกเขียนขึ้น และถ่ายทอดออกมาในช่วงเวลาที่ประเทศไทยอยู่ ใต้การปกครองของรัฐบาล คสช. ที่มาจากการยึดอำนาจ ซึ่งเป็นผลพวงจากเหตุการณ์ ความรุนแรงทางการเมือง ที่มีมาต่อเนื่องยาวนาน ไม่เพียงในรอบสิบปีนี้เท่านั้น แต่ต้องย้อนกลับไปถึง เหตุการณ์ความรุนแรงอีกหลายครั้งในประวัติศาสตร์ ที่มีจุดร่วมคล้ายกันคือ อุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างเป็นเหตุสะสมและบ่มเพาะความเกลียดชังมากจนคนในประเทศเดียวกันลุกขึ้นมาใช้ความรุนแรงต่อกัน
เหตุการณ์หน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2556 เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่ความเห็นแตกต่างทางการเมือง นำมาซึ่งความเกลียดชัง และนำไปสู่ความรุนแรงจนสุดท้ายมีผู้สูญเสีย แต่สังคมกลับดูไม่ได้เรียนรู้จากเหตุการณ์นั้นและมีแนวโน้มจะเดินหน้าเข้าสู่ความรุนแรงครั้งใหม่ๆ อีกในอนาคต
เพลง "เมืองแห่งความเกลียดชัง" ขอเป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ เอาไว้เป็นบทเรียน
วีดีโอนี้ เป็นผลงานของผู้เข้าร่วมโครงการ "อาสาสมัครเยาวชนผลิตสื่อวิดีโอ ส่งเสริมเสรีภาพออนไลน์" โดยประชาไท ทำงานร่วมกับ ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ โดย ไอลอว์ วัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับประเด็นสิทธิเสรีภาพบนอินเทอร์เน็ต และสื่อสารเรื่องเสรีภาพการแสดงออกในสังคมไทย
ooo
“เมืองแห่งความเกลียดชัง” ออกมาหลายเดือนแล้ว แต่น่าจะเหมาะกับบรรยากาศที่เข้าขั้น “Sectarian War” ตอนนี้มาก กระแสปลุกป่นความเกลียดชัง “Kick for Dad” ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีพัฒนาการมาในห้วงบรรยากาศทางการเมืองที่แบ่งเป็นสองขั้วอย่างชัดเจน และไม่ได้เกิดเฉพาะเมืองไทย บ้านเมืองอื่นก็มีอย่างกรณีการประท้วงของคนดำในอเมริกา กรณีความอยุติธรรมของตำรวจ ลุกลามเป็นการจลาจล สร้างความเสียหายมากมาย
ฟังเพลงของน้อง ๆ โดยเฉพาะวลีที่ว่า “เราไม่ต้องรักกัน แต่อย่าเกลียดกันมากกว่านี้” ทำให้หวนนึกถึง “Baltimore” ของ Prince ที่วายชนม์ไปแล้ว มันคล้ายกันมาก แต่ถึงจุดหนึ่ง มนุษย์คงต้องเรียนรู้ว่า “Enough is enough, it's time for love / It's time to hear /It's time to hear the guitar play, guitar play / Baltimore, ever more”
มิตรสหายท่านหนึ่ง
.....
จำได้ว่าประชาชนประเทศนี้แหละครับ ที่ก่นด่าพวกไอซิศว่าเป็นพวกบ้าคลั่งขาดสติ
มิตรสหายอีกท่านหนึ่ง