วันพุธ, ตุลาคม 09, 2567
"มันจบแล้วครับนาย" ประโยคที่อนุทินไม่รู้ว่าใครพูด แต่อาจเกิดขึ้นได้อีกรอบ
The Momentum
8 hours ago
·
“ผมชวนไปเอง จบนะ ไม่ต้องถามอะไรต่อ เพราะว่าเรื่องกินข้าวเป็นเรื่องส่วนตัวภายใน”
.
ประโยคที่ อนุทิน ชาญวีรกูล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า ได้พา เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด หรือที่หลายคนรู้กันว่าเป็น ‘นายใหญ่’ พรรคภูมิใจไทย ไปเข้าพบกับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา
.
ภายหลังบ่ายเบี่ยงในการตอบคำถามอยู่นาน อนุทินยอมรับถึงการเข้าพบครั้งนี้ โดยให้เหตุผลว่า เป็นเพียงการเฉลิมฉลองวันเกิดครบรอบ 66 ปีของเนวินเท่านั้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหลังตามการรายงานของสื่อหลายฉบับที่รายงานตรงกันว่า อดีตนายกฯ ทักษิณนั้นไม่พอใจกรณีที่เนวินอวยพรให้กับอนุทินในระหว่างพิธีปะกำช้างว่า ‘ผูกให้ได้เป็นนายกฯ’ เมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา จึงได้เรียกทั้งสองเข้าพบที่บ้านจันทร์ส่องหล้าภายหลัง
.
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ความไม่พอใจของผู้นำจิตวิญญาณทั้งสองถือว่าเคลียร์กันเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่ อนุทินตอบว่า ความขัดแย้งนั้นไม่มีอยู่จริงและประโยคที่หลายสื่อใช้กันว่า ‘มันจบแล้วครับนาย’ ตนก็ไม่ทราบว่า ใครพูดประโยคนี้จนเป็นสาเหตุให้สื่อใช้มาตลอดกว่า 10 ปี
.
วันนี้ The Momentum จึงขอชวนย้อนรอยเหตุการณ์เบื้องหลังที่มาของประโยค ‘มันจบแล้วครับนาย’ ว่าแท้จริงแล้วมีที่มาที่ไปอย่างไร และใครเป็น ‘ผู้พูด’ ตัวจริง ที่แม้แต่ตัวของอนุทินก็ยังไม่รู้
.
หากต้องเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ต้องเริ่มย้อนความจากในยุคพรรคไทยรักไทย ที่เนวินเป็นหนึ่งใน ‘องครักษ์’ คนสำคัญของทักษิณ นายกฯ ในเวลานั้น
.
เป็นที่รู้กันว่า งานมวลชนและงานใต้ดินอยู่ในมือของเนวินแทบทั้งหมด วันที่รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เนวินคือหนึ่งในรายชื่อแรกๆ ที่ถูกคณะทหารจับตัว ซ้ำยังถูกจับ ‘แก้ผ้า’ เพื่อหา ‘ของขลัง’ ที่ว่ากันว่าเนวินพกติดตัวไว้ตลอด
.
นับจากนั้น เมื่อสถานการณ์การเมืองเข้าสู่โหมดปกติ เนวินกลับคืนมาอีกครั้ง โดยเป็นกำลังสำคัญของพรรคพลังประชาชน พรรคใหม่ที่มี สมัคร สุนทรเวช เป็นหัวหน้าพรรค ก่อนที่สมัครได้เป็นนายกฯ ในเวลาต่อมา
.
เนวินมีชื่อเป็นหนึ่งใน ‘แก๊งออฟโฟร์’ ร่วมกับสมัคร, นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี และธีรพล นพรัมภา เลขาธิการนายกฯ ในเวลานั้น โดยมีเสียงในพรรคร่ำลือกันว่า แก๊งออฟโฟร์ต่างตีตัวออกหากจากศูนย์กลางพรรคอย่างทักษิณมากขึ้นเรื่อยๆ
.
และสุดท้ายเนวินก็เป็นเจ้าของ ‘ดีล’ บันลือโลก เมื่อศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคพลังประชาชนช่วงสิ้นปี 2551 เนวินนำ ส.ส.กว่า 30 คน ‘ข้ามขั้ว’ ไปจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้การดีลของ สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้น โดยมี ‘ทหาร’ เป็นตัวช่วย และเป็นจุดเริ่มต้นของการตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร ที่สุดท้ายมี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ
.
และยังเป็นการพลิกขั้วที่ก่อกำเนิดขบวนการคนเสื้อแดง ที่มีข้อเรียกร้องให้อภิสิทธิ์ยุบสภาฯ ในเวลาต่อมา
.
นั่นจึงเป็นเหตุให้หลังจากนั้นมีการรายงานกันของสื่อภายในประเทศว่า เนวินได้พูดคุยกับทักษิณ ผู้นำจิตวิญญาณของพรรคไทยรักไทย ซึ่งเวลานั้นอยู่ที่สหราชอาณาจักร โดยไฮไลต์ตอนหนึ่งระหว่างการพูดคุยคือ ประโยคที่ว่า ‘มันจบแล้วครับนาย’ ทำให้กลุ่มการเมืองของเนวินและพรรคพลังประชาชนต้องแยกทางกันหลังจากนั้น
.
ในวันที่ 3 ธันวาคม 2551 ปรากฏภาพของเหล่าแกนนำพรรคประชาธิปัตย์นำโดยอภิสิทธิ์ เดินทางมายังโรงแรมสยามซิตี้ เพื่อเชิญกลุ่มเพื่อนเนวินเข้าร่วมรัฐบาลอย่างเป็นทางการ พร้อมมอบดอกกุหลาบแดงจากประเทศเนเธอร์แลนด์ให้เพื่อเป็นการแสดงความยินดี
.
โดยในวันเดียวกันนั้นเนวินให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า การตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลครั้งนี้ ถือเป็นการแลกด้วยความเจ็บปวด แต่จำเป็นเพราะบ้านเมืองต้องมีทางออก เราไม่สามารถปล่อยให้บ้านเมืองเสียหายได้ โดยย้ำว่าทักษิณก็ยังมีสถานะเป็นที่เคารพของตนเสมอ
.
“ท่านก็ยังเป็นนายอยู่ ผมกับท่านคุยกันหลายรอบแล้ว แต่ขอเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างผมกับท่าน” เนวินให้สัมภาษณ์
.
ขณะที่ในอีกไม่กี่เดือนถัดมา ในวันที่ 8 เมษายน 2552 ท่ามกลางการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่เรียกร้องให้อภิสิทธิ์ยุบสภาฯ เนวินออกมาแถลงข่าวถึงทักษิณอย่างเผ็ดร้อนว่า ตนเองเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ทาส เมื่อแยกออกไปแล้ว ก็ขอให้อย่าไล่ล่ากัน
.
“กรณีผมกับท่านนายกฯ ทักษิณไม่ใช่การหักหลัง แต่เป็นเรื่องของคนคิดต่างในทางการเมือง กรณีพวกผม เมื่อเห็นต่างจากท่านนายกฯ ทักษิณ พวกผมถูกไล่ล่า ทำลายล้าง ผมอยากฝากไปยังท่านนายกฯ ทักษิณว่า พวกผมเป็นคน เป็นมนุษย์ ไม่ใช่ทาส กี่คนแล้วที่เห็นต่างจากท่านนายกฯ ทักษิณ ที่เห็นต่างแยกไป แล้วถูกไล่ล่า ทำลายล้าง”
.
“ผมเคยตกเป็นเครื่องมือมาแล้ว ผมเป็นแค่หมาล่าเนื้อ วันไหนผมเห็นต่าง ผมไม่ทำตามใจ ผมก็เป็นได้แค่คนเนรคุณ คนหักหลัง สำหรับท่านนายกฯ ทักษิณ”
.
ขณะเดียวกัน เนวินยังแถลงถึงทักษิณว่า ขอให้ทักษิณสั่งให้คนของตัวเอง ‘หยุดก้าวล่วงพระราชอำนาจ’ เพื่อให้เห็นว่ายังจงรักภักดี ทั้งยังขอให้ทักษิณหยุดการสนับสนุน หยุดการเคลื่อนไหว และหยุดการทำให้บ้านเมืองแตกแยก
.
ประเด็นดังกล่าวทำให้เห็นว่าทักษิณและเนวินแยกทางกันถาวร พรรคภูมิใจไทยกลายเป็น ‘คู่แข่ง’ กับพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งหลังจากนั้น
.
กระทั่งปี 2566 ที่ผ่านมา สถานการณ์การเมืองเปลี่ยนฟาก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และฝั่งอนุรักษนิยมเดิมไม่อาจนำจัดตั้งรัฐบาลได้ เนวินและทักษิณจึงได้โคจรกลับมาเจอกันอีกครั้ง ในวันที่เนวินมีอำนาจต่อรอง มี ส.ส.พรรคภูมิใจไทยมากกว่า 70 เสียง มีกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงใหญ่ๆ อีกเพียบในมือ อีกทั้งยังคุมมือของ ส.ว.ได้ สามารถแฮกระบบเลือกตั้งอันพิสดารของ ส.ว.ได้
.
วินาทีนี้ ‘มันจบแล้วครับนาย’ จึงอาจเกิดขึ้นอีกรอบ
.
ในวันที่เนวินไม่จำเป็นต้องสนใจ ‘นาย’ อีกต่อไปแล้ว