ที่จริงข้อเขียนของ Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล เกี่ยวกับ ‘ทวิสภาวะแปลกแยก’ ที่เกิดต่อพรรคก้าวไกล เป็นการทบทวนจุดยืน หลักการทำงาน และเป้าหมายร่วม ของคนในพรรคก้าวไกล ให้คล้องจองกับ ‘สารตั้งต้น จากอดีตพรรคอนาคตใหม่
ให้คนที่เป็นสมาชิกพรรค เครือข่ายคณะทำงาน พนักงาน หรือคนที่ ‘แบก’ พรรค และบรรดา ส.ส.กับรัฐมนตรี (ถ้ามี) ได้ตระหนักรู้ และปรับกระบวนกันให้แน่วแน่ก่อนการเลือกตั้งใหญ่จะมาถึง ไม่ปล่อยตัวตามสบายด้วยความคุ้นเคยกับการเมืองไทยๆ
ซึ่งกำลังกลับมา เหมือนจะทดแทนบรรยากาศครอบงำของการสืบทอดอำนาจรัฐประหาร เมื่อองคาพยพของอำนาจนั้นพยายามชุบสี เปลี่ยนท่าทีให้เหมือนพลเรือนมากขึ้น แต่ไม่สำเร็จ แต่กลับ ‘ขุน’ ตัวเองอย่างพีมันเรื่อยมา จึงยังเห็นความ ‘ฉาบฉวย’ ได้ชัด
บทความชนิด ‘กฤษณาสอนน้อง’ ของปิยบุตร สร้างความสนใจและใส่ใจจากคนภายนอกพรรค ไม่ว่าจะเป็นติ่ง คู่แข่ง หรือศัตรู ว่าก้าวต่อไปของพรรคนี้ จะไกลแค่ไหน โดยเฉพาะในบางวรรคตอนของข้อเขียน กระทบถึงสภาพแวดล้อมภายนอกไม่น้อยเลย
“เราไม่ต้องการเป็นพรรคที่หาคนมาลงขันใส่ ‘ทุน’ เข้ามา แล้วรอเป็น รมต. เอาเงินคืน
เราไม่ต้องการเป็นพรรคที่มี ‘หัวหน้ามุ้ง’ จ่ายเงินเดือนเลี้ยงดู ส.ส. เอาจำนวน
ส.ส.ไปแลกตำแหน่ง รมต.ให้หัวหน้ามุ้ง แล้วรอเอาเงินคืน
เราไม่ต้องการเป็นพรรคที่เสมือนเป็นที่อยู่อาศัยชั่วครั้งชั่วคราวให้คนมาลง
ส.ส. พอไม่ได้ลงก็ขนคนย้ายออก
เราไม่ต้องการเป็นพรรคที่ไม่ทำกิจกรรมใดๆ
นอกจากลงเลือกตั้ง”
กับการตั้ง ‘มาตรฐาน’ ถาวรสำหรับ ‘ภายใน’ พรรค ซึ่งถ้าสำเร็จจะเป็นมาตรฐานการเมืองทั่วไป ให้เป็นประชาธิปไตย ‘ไทยสากล’ ด้วยก็ได้
“ให้เป็นพรรคของมวลชน ให้มวลชน ให้สมาชิก ให้ทีมงาน ควบคุมนักการเมืองของพรรค
นักการเมืองของพรรค ไม่ใช่ “เจ้านาย” พรรค ไม่ใช่ “เจ้านาย”
คนทำงานเบื้องหลังพรรค
ส.ส.หรือรัฐมนตรีของพรรค ก็คือคนที่รับบทบาทหน้าที่
ให้ไปทำภารกิจ ‘เปลี่ยนแปลงประเทศ’
นักการเมืองของพรรคควรมุ่งหน้า ‘หาเสียง’ ให้ตนเองและพรรค
มุ่งหน้า ‘หาพวก’
เปลี่ยนแปลงความคิดคน ให้ความคิดแบบเราเป็นความคิดกระแสหลัก
ไม่ใช่ ‘หาเรื่อง’
ให้พรรค ให้ทีมงาน ให้ตนเองต้องตามแก้ไข”
(https://www.facebook.com/PiyabutrOfficial/posts/pfbid0Horn)