ซึ่งบังเอิญหรือไม่ “ชั่งหัวมัน” ที่เป็นวันเดียวกัน สถานที่เดียวกัน เวลาไล่เรี่ย กับกลุ่ม ‘ทะลุวัง’ ไปทำกิจกรรม ‘โพล’ สอบถามผู้สัญจรไปมาบนสกายว้อคอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ “ว่าคุณยินดียกบ้านให้กับราชวงศ์หรือไม่” ตั้งแต่บ่ายสามโมงถึงห้าโมงสี่สิบห้า
กิจกรรมทำโพลนี้กลุ่มเยาวชนเครือข่าย ‘ทะลุ’ จัดทำกันมาแล้วหลายหน ไม่ว่าจะเป็นคำถามเกี่ยวกับการปฏิรูปสถาบันอื่นๆ เช่น ขบวนเสด็จก่อความเดือดร้อนแก่ผู้มีความจำเป็นใช้รถใช้ถนนในการประกอบอาชีพไหม และคราวนี้ดูเหมือนคำตอบท่วมท้นว่า ‘ไม่’
เวลาราว ๑๗.๐๐ น.กว่าๆ ขณะผู้ร่วมกิจกรรมทำโพลจำนวนหนึ่งปักหลักอยู่หน้าโรงพยาบาลราชวิถี อีกส่วนหนึ่งอยู่บนเกาะกลางพหลโยธิน มีผู้ร่วมรายการเสื้อเหลืองเข้าไปในบริเวณชุมนุมของกลุ่มทะลุวัง ทำให้ชายสวมเสื้อขาวซึ่งตั้งกล้องบันทึกภาพอยู่ แสดงความไม่พอใจ
ชายเสื้อขาวผู้นั้นเข้าไปต่อว่าและท้าทายกลุ่มเสื้อเหลือง โดยมีชายที่สวมปลอกแขนอุณาโลมแดงคอยห้ามกั้นไว้ไม่ให้ปะทะกัน และ “แซม สาแมท พยายามพาผู้ชุมนุม ศปปส. ออกจากพื้นที่” หลังจากที่มีเหตุ ‘หัวร้อน’ เกิดขึ้น
จากการที่มีชายชุดดำ ๒ คนในเครื่องแบบกลุ่มสุริโยไท ขับมอเตอร์ไซค์เข้าไปในบริเวณ ชายเสื้อขาวคนเดิมจึงปรี่เข้าไปบีบคอ ๑ ใน ๒ ชุดดำ แต่มีผู้ร่วมชุมนุมช่วยกันห้ามไว้อีกได้ จากนั้นแซม สาแมท อีกเช่นเคย เข้าไปขอโทษกลุ่ม ศปปส.
ประมาณเลยเวลาห้าโมงครึ่งเล็กน้อย ผู้ร่วมรายการเชิดชูสถาบันกษัตริย์ยกขบวนกันเข้าไปในเกาะพหลโยธิน ต่างชูภาพ ร.๙ และราชินีสลอน มีรถกระบะเครื่องเสียงติดแผ่นป้าย ๖ องค์กรสองข้าง เปิดเพลง ‘หนักแผ่นดิน’ ลั่น ก่อนแกนนำลงไปกล่าวปราศรัย
‘เต้อาชีวะ’ หรือ อัครวุธ ไกรศรีสมบัติ ประกาศให้กลุ่มทะลุวังที่ชูสามนิ้วอยู่บนเกาะราชวิถีให้อยู่ที่เดิมไม่เช่นนั้นก็ไปร่วมกิจกรรมกับพวกตน ผู้สื่อข่าวสำนักราษฎรรายงานว่า เต้บอก “เราไม่เน้นการปะทะ การหาเรื่อง” ขณะเปิดเพลง ‘กูละเว้ยเฮ้ย’ คลอ
เขากล่าวนำวลี “อยู่อย่างจงรัก” ให้ผู้ร่วมกิจกรรมตะโกนตามว่า “ตายอย่างภักดี” แล้วกล่าวต่อว่ามาวันนี้เพื่อร้องเพลงชาติเพื่อบรรพบุรุษ มือชี้ไปที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และว่าชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ต้องอยู่คู่คนไทยตลอดไป
จากนั้นเขาเริ่มพาดพิงไปถึงกลุ่มทะลุวัง ที่ทำโพลเรื่องขบวนเสด็จเมื่อต้นเดือนกุมภาว่า “ทำให้พวกมึงเดือดร้อนแค่ไหน กูไม่รู้ แต่กูรู้ว่ากูไม่ได้เดือดร้อนและกูก็มีรถยนต์” แล้วถามชวนผู้สนับสนุนว่าเดือดร้อนไหมให้ขานรับพร้อมกัน “ไม่เดือดร้อน”
ต่อด้วยวาทกรรมอหังการ์ “มึงจะเกลียดรัฐบาล มึงเกลียดไป ไม่เกี่ยวกับกู แต่ถ้ามึงจาบจ้วงสถาบัน แดกตีนกู” ปัญหามีแต่เพียงว่า อย่างไรจึงจะ ‘จาบจ้วง’ พูดคำว่า “กล้ามากเก่งมาก” หรือใส่เสื้อคร้อปท้อปเดินห้าง ก็ ถือว่าจาบจ้วงแล้วหรือ
ส่วนความเดือดร้อนจากขบวนรถเสด็จนั้น สมศักดิ์ เจียม@somsakjeam ว่า “เดือดร้อนมานานแล้ว ดูได้จากความพยายามหลายครั้งที่จะ ‘แก้’ แต่ไม่สำเร็จ และบทนินทาขององคมนตรี ‘สิทธิ’ (เศวตศิลา) สศจ.ยังท้าด้วยว่า
“เพื่อความแฟร์ๆ ลองให้สำรวจความเห็นประชาชนแบบเสรีไหมล่ะ? ทำไมพอเด็กพยายามทำจึงมีการจับล่ะ” เป็นคำถามที่รู้กันแล้วว่าไม่เคยอยู่ใน ‘ระบบความคิด’ ของคนพวกนั้น และเลี่ยงที่จะตอบ เป็น ‘mindset’ ของพวกนิยมอำนาจเผด็จการ
ในประเด็นที่ประยุทธ์อยู่มาจะเกิน ๘ ปีตามบัญญัติรัฐธรรมนูญแล้ว ได้เวลาจะต้องยุติ “เรียกร้องให้ยุบสภา หรือลาออกมาตลอด ๗ ปี” ซึ่งตรงข้ามกับข้อเท็จจริงที่ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ ด้วยเหตุที่ประยุทธ์ขาดประสิทธิภาพทางการบริหารประเทศ
ธนกรพยายามไขสือว่า “ประชาชนเริ่มเบื่อหน่ายเต็มทีแล้ว หน้าที่ตัวเองไม่คิดทำ เฝ้าแต่หาหนทางให้ตัวเองได้กลับมามีอำนาจอีกครั้ง” ทั้งประโยคบ่งบอกสภาพที่รัฐบาลของประยุทธ์กำลังเป็นอยู่ ต่างแต่ว่าประชาชนไม่ใช่เพิ่ง ‘เริ่ม’ แต่ว่าเบื่อหน่ายมาหลายปีแล้ว
“ใช่ฝ่ายค้านหรือไม่ที่ออกไปสนับสนุนการเมืองบนท้องถนน” ถ้าไม่ใช่ ก็แสดงว่าพรรคการเมืองนั้นก็ไม่ได้อยู่ข้างประชาชนละสิ กับที่พูดพล่ามไปว่าฝ่ายค้าน “ยังอยากจะกลับมามีอำนาจอีก” ก็นี่ไงการเมืองในระบอบเลือกตั้งและรัฐสภา
ต้องแสดงให้ประชาชนเห็นว่าดีกว่า และฝ่ายตรงข้ามด้อยกว่า เพื่อความไว้วางใจได้รับมอบหมายให้บริหารประเทศ ไม่ใช่ทำอะไรไม่เป็น ไร้น้ำยา ได้แต่ถ่มถุยเอาหน้ารอดไปวันๆ
(https://www.matichon.co.th/politics/news_3231664, https://prachatai.com/journal/2022/03/97671 และ https://www.facebook.com/watch/live/?ref=search&v=3875698399321012)
