วันพุธ, มีนาคม 23, 2565

ชักทะแม่ง ททบ.๕ ลงนามร่วมมือด้านการข่าวกับรัสเซีย แถมกระทรวงอุดมศึกษาให้ทุน 'ศูนย์ไซเบอร์กองทัพบก' เสริมทักษะ

ชักทะแม่งนะนี่ รัฐบาลนี้ที่โดนเหน็บมากว่า กึ่งเผด็จการ กันดีนัก เลยเลิกกระมิดกระเมี้ยน ไม่ต้องผลุบๆ โผล่ๆ อีกต่อไป ททบ.๕ องค์กรสื่อของทหาร ลงนามความร่วมมือในด้านการเสนอข่าวกับรัสเซีย สถานทูตรัสเซียออกประกาศโจ๋งครึ่ม

“เผยแพร่ภาพ-ข่าว นาย Evgeny Tomikhin อัครราชทูตรัสเซีย ต้อนรับและหารือกับบิ๊กตี๋ พลเอก รังษี กิติญาณทรัพย์​ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง ๕” Wassana Nanuam จัดแจ้งว่าจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารต่อกัน

ข่าวบางกระแสบอกด้วยว่า ความร่วมมือด้านการข่าวเช่นนี้ มีกับจีนและอิหร่านแล้วเช่นกัน ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันทีมงานรัฐมนตรีช่วยว่าการศึกษา ได้เข้าพบทูตเกาหลีเหนือ เพื่อขอรับทราบเกี่ยวกับการจัดหลักสูตรทางการศึกษาของประเทศ Autocracy แห่งนี้

ถ้าจะคิดกันไปไกลๆ เหมือนเป็นการเตรียมตัวเลือกฝ่ายเอาไว้รองรับ หากเกิดสถานการณ์แบ่งกลุ่มประเทศออกเป็นสองฟาก และประกาศสถานะสงครามต่อกัน เหมือนที่เคยเกิดมาแล้วสองครั้งในอดีต ก่อผลให้ประชาชนการล้มตายจำนวนมาก

แล้วยังสภาพบ้านเมืองปรักหักพังเสียหาย ใช้เวลานับสิบๆ ปีกว่าจะฟื้น ทว่าองค์กรนำและ/หรือผู้นำกลับมองเห็นแต่ด้านชนะ-แพ้ในสงคราม ไม่คำนึงมากนักกับผลกระทบทางสังคมและภาวะจิตใจรวมหมู่ ของสถานะสงคราม จึงมุ่งแต่สร้างเสริมกำลังรบ

เมื่อสองวันก่อนมีรายงานว่า กระทรวงอุดมศึกษาลงนามข้อตกลงกับกองทัพไทย ให้การสนับสนุนทางงบประมาณ “จัดสรรทุนการศึกษาแก่บุคลากรของกองทัพไทย ไปศึกษาการปฏิบัติการทางไซเบอร์ในต่างประเทศ” เสริมทักษะของ 'ศูนย์ไซเบอร์กองทัพบก'

เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.กล่าวว่า “ความสำคัญของการให้ทุนจึงไม่ใช่เพียงแค่ไปเรียนวิชาการ แต่ผู้รับทุนต้องสามารถทำหน้าที่เสมือนหน่วยข่าวกรองของประเทศไทยในต่างประเทศ เพื่อให้มีศักยภาพในการนำความรู้มาต่อยอด” กลายเป็นสิทธิพิเศษไป

ขณะที่สถานอุดมศึกษาบางแห่งซึ่งปฏิบัติภารกิจพิเศษ เช่น โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ รับผู้ป่วยจากการติดเชื้อโควิดระลอกก่อน ช่วงเชื้อกลายพันธุ์เดลต้าระบาดหนัก จนเตียงพยาบาลสนามไม่พอรับมือ ก็ยังต้องใช้งบประมาณของตนเอง เป็นต้น

แม้ในขณะนี้ที่การระบาดของโควิดระลอกสี่ยังกระหึ่มไม่ขาดสาย จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ๆ อยู่ในเกณฑ์ ๔-๕ หมื่นแทบทุกวัน จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มแต่ละวันถึง ๘๐ กว่าราย ไม่แน่ว่าถึงปลายพฤษภาจะกระเตื้องดังหวัง เศรษฐกิจก็ยังฝืดเคืองเป็นปีที่แปด

แต่ปฏิบัติการทางไซเบอร์ของกองทัพกลับได้รับการใส่ใจเป็นพิเศษ แม้นว่าคณะรัฐมนตรีจะออกมาตรการ แก้ปัญหาพลังงานขึ้นราคาฮวบฮาบ จากผลของสงคราม ปูติน รัสเซียบุกยูเครน ลดค่าครองชีพ และจุนเจือผู้มีรายได้น้อย ๑๐ รายการ มูลค่ากว่า ๗ หมื่นล้าน

เมื่อพินิจอย่างละเอียด ๑ ถึง ๑๐ กลับพบว่า ส่วนหนึ่งเป็นการหมุนเงินแบบล้วงจากกระเป๋าหนึ่งไปจ่ายแทนอีกกระเป๋า คล้ายๆ เอาอัฐยายไปซื้อขนมยาย ก็ว่าได้ มิหนำซ้ำข้อ ๑ ถึง ๘ แทบจะเป็นเรื่องเดียวกัน เอามาแยกย่อยให้ดูมากรายการเข้าเท่านั้น

ข้อ ๙ “ลดอัตราเงินสมทบของนายจ้างและลูกจ้างที่อยู่ในระบบประกันสังคมมาตรา ๓๓ จาก ๕% เหลือ ๑%” และข้อ ๑๐ “ลดอัตราเงินสมทบผู้ประกันตน มาตรา ๓๙ จาก ๙% เหลือ ๑.% และลดอัตราเงินสมทบของผู้ประกันตนมาตรา ๔๐ ลงเหลือ ๔๒๑๘๐ บาทต่อเดือน”

ทั้งสองกรณีไม่มีความจำเป็นมากนักหากมีงบประมาณที่สามารถนำมาใช้ในโครงการได้โดยเฉพาะ ไม่ต้องไปชักหน้าชักหลังจากที่โน่นที่นี่ เงินสมทบในระบบประกันสังคม ในความเป็นจริงคือเงินออมของผู้ประกอบอาชีพ หากใส่น้อยยอดหลังเกษียณก็จะลดตาม

เมื่อดูแล้วอย่างนั้น ก็เห็นว่ามาตรการ ๑๐ เป็นเพียง โปร’ –Propaganda เพื่อหาเสียงใส่พกไว้สำหรับการเลือกตั้งที่อาจมีกลางปี ๖๖ หรือไวกว่านั้น หากสถานการณ์กว้านเสียงอำนวย หรือมิฉะนั้นจากสิ่งที่ได้รียนรู้จากรัสเซียและเกาหลีเหนือ

(https://thaipublica.org/2022/03/10-measures-reduce-impact-expensive-oil/, https://prachatai.com/journal/2022/03/97799 และhttps://www.facebook.com/100001454030105/posts/5093526987372385/?d=n)