ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
9h ·
#นรินทร์ (สงวนนามสกุล) จำเลยคดี “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากการถูกกล่าวหาว่าแปะสติกเกอร์ “#กูkult” บนรูปกษัตริย์ รัชกาลที่ 10 ระหว่างการชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร เมื่อปี 2563 ซึ่งเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาศาลเพิ่งมีคำพิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปี โดยหลังจากวันนั้นนรินทร์เปิดเผยว่า ถูกคุกคามบ่อยครั้งขึ้นเรื่อยๆ โดยมีบุคคลนิรนามเดินทางมาสอดส่องนรินทร์ที่บ้านแล้วอย่างน้อย 3 ครั้ง
.
นรินทร์เล่าว่า เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 2565 เวลาประมาณ 20.00 น. มีรถกระบะ 2 คัน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนรถ สีบรอนซ์เงินและสีบรอนซ์ทอง พร้อมกับรถจักรยานยนต์จำนวนหลายคันขับเข้าในซอยหมู่บ้านของนรินทร์ จากนั้นชายนิรนามหลายคนระบุจำนวนไม่ได้ เข้าไปสอบถามผู้คนในละแวกนั้นในทำนองว่า “#รู้จักคนที่ทำงานเป็นติวเตอร์ที่มีบ้านอยู่แถวนี้ไหม” เพื่อนบ้านไม่ได้ให้คำตอบ สักพักชายนิรนามกลุ่มดังกล่าวจึงเดินทางกลับไป จากนั้นเพื่อนบ้านหลายคนที่ถูกถามเรื่องนี้จึงได้มาแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นกับแม่ของนรินทร์
.
เวลาผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ในเวลาประมาณ 22.00 น. แม่นรินทร์พบว่า บริเวณหน้าปากซอยหมู่บ้านมีรถตำรวจเปิดสัญญาณไฟไซเรนขับวนอยู่พักใหญ่ แม่จึงได้โทรไปบอกกับนรินทร์ ซึ่งขณะนั้นเขากำลังเดินทางกลับบ้าน เมื่อนรินทร์รู้ดังนั้นจึงรอเวลาสักพักถึงค่อยได้เดินทางกลับ
.
เมื่อนรินทร์กลับถึงบ้านแล้ว ในคืนเดียวกันยังมีบุคคลนิรนามขับรถมอเตอร์ไซต์หลายคัน (ไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด) เข้ามาภายในซอยที่บ้านในลักษณะขับวนและชะโงกมองเข้ามาในบ้านอีกหลายครั้ง จนกระทั่งเวลาประมาณ 23.30 น. แม่ของนรินทร์ตัดสินใจเดินออกไปถามว่า “#มาทำไมกัน #ต้องการอะไร” จากนั้นบุคคลนิรนามกลุ่มดังกล่าวจึงได้ขับรถหนีออกไป โดยไม่ได้ให้คำตอบใดๆ
.
.
ถูกติดตามตลอดเวลา แม้เที่ยววันหยุดกับเพื่อน
.
ต่อมาในวันที่ 18 มี.ค. 2565 นรินทร์ได้นัดหมายกับเพื่อนที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งและไปถึงในเวลาประมาณเที่ยง ระหว่างนั่งพูดคุยกันอยู่ข้างในร้าน นรินทร์กับเพื่อนสังเกตว่ามีชายนิรนามมีท่าทางมีพิรุธ แอบเฝ้ามองนรินทร์และกลุ่มเพื่อนจากด้านหน้าร้านอยู่สักพักแล้ว
.
นรินทร์กับกลุ่มเพื่อนจึงได้แยกกันออกเป็น 2 กลุ่ม โดยเขากับเพื่อนอีก 1 คนได้มุ่งหน้าไปยังบริเวณโรงแรมรัตนโกสินทร์ เมื่อไปถึงแล้วได้นั่งทานอาหารที่ร้านแห่งหนึ่งตรงข้ามวัดมหรรณพ ระหว่างนั้นนรินทร์พบว่ามีชายนิรนามขับรถจักรยานยนต์วนเวียนอยู่ในบริเวณนั้น 2-3 รอบ และได้ยกถือมือขึ้นมาถ่ายรูปนรินทร์กับเพื่อนด้วย
.
เมื่อทานข้าวเสร็จ นรินทร์กับเพื่อนได้เดินทางไปต่อที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ระหว่างเดินทางแม่นรินทร์ได้โทรมาบอกกับเขาว่า เพื่อนบ้านโทรมาบอกว่า มีรถตู้ 1 คัน ขับเข้าไปจอดที่บริเวณหน้าบ้าน จากนั้นชายหัวเกรียน 4 คน สวมใส่เสื้อสีเหลืองได้ลงจากรถเพื่อถ่ายรูปบริเวณหน้าบ้านและตัวบ้าน ซึ่งขณะนั้นไม่มีใครอยู่บ้านเลย
.
จากนั้นนรินทร์กับเพื่อนได้ไปถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิที่บริเวณเกาะพญาไท ไม่นานมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบเข้ามาหา โดยมีการแสดงบัตรประจำตัวและบอกว่ามาจาก สน.ชนะสงคราม และได้ติดตามนรินทร์กับเพื่อนอยู่ห่างๆ จนไปถึงศูนย์การค้าเซนจูรี่ เดอะมูฟวี่พลาซ่า
.
ต่อมา ประมาณ 17.00 น. นรินทร์กับเพื่อนไปนั่งดื่มที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในซอยรางน้ำ ระหว่างนั่งทานอาหารอยู่ เขาพบว่ามีชายนิรนามลักษณะหัวเกรียนเดินวนเวียนไปมาที่บริเวณฟุตบาทด้านหน้าร้าน นรินทร์บอกว่า มั่นใจว่าเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ เพราะจำหน้าบางคนได้ รวมถึงคนที่เดินตามมาจากเกาะพญาไทด้วย
ไม่นานมีคนชายนิรนามลักษณะหัวเกรียนเดินเข้ามาสั่งเครื่องดื่มภายในร้านและนำออกไปนั่งดื่มที่โต๊ะด้านหน้าร้าน ระหว่างที่ชายนิรนามนั่งอยู่ได้พยายามนำมือถือขึ้นมาแอบถ่ายรูปนรินทร์กับเพื่อนที่นั่งอยู่ด้านในร้านหลายครั้ง
.
สุดท้ายเพื่อนของนรินทร์ตัดสินใจเดินเข้าไปสอบถามจนชายคนดังกล่าวยอมรับว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนจากกองบังคับการตำรวจนครบาลมาทำหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ในระหว่างที่มีขบวนเสด็จ อ้างว่ามีชื่อเล่นว่า “#โย” และมียศระดับพันตำรวจเอก
.
.
ตร.ฝากข้อความผ่านเพื่อนบ้าน “#ขอให้เรื่องนี้เป็นเรื่องของตำรวจ” พร้อมมอบซุปไก่ 1 แพ็ค
.
19 มี.ค. 2565 เวลาประมาณ 06.00 น. แม่ของนรินทร์สังเกตเห็นว่ามีชาย 2 คน ขับรถจักรยานยนต์เข้า-ออกภายในซอยหมู่บ้านและสอดส่องดูบ้านของนรินทร์รวม 2-3 ครั้ง โดยชายคนที่ซ้อนท้ายสวมใส่เสื้อลายพรางคล้ายทหาร ส่วนชายคนขับแต่งกายคล้ายวินมอเตอร์ไซต์รับจ้าง ทั้งคู่ใส่หมวกกันน็อคปิดบังใบหน้า โดยแม่ของนรินทร์ตั้งข้อสังเกตว่าคนขับไม่น่าจะใช่วินมอเตอร์ไซต์ในละแวกนั้น เพราะปกติวินมอเตอร์ไซต์ย่านนั้นไม่มีใครสวมหมวกกันน็อคเลย เพราะเป็นการวิ่งแค่ในพื้นที่ระยะทางใกล้ๆ
.
ต่อมาในเวลาเย็น ชายเพื่อนบ้านได้มาพูดคุยกับแม่นรินทร์ โดยบอกว่า ตำรวจฝากมาบอกว่า “วันพรุ่งนี้ (20 มี.ค. 2565) อย่าให้ลูก(นรินทร์)ออกไปไหนนะ” และบอกอีกว่า “ขอให้เรื่องนี้เป็นเรื่องของตำรวจ อย่าให้ทหารเข้ามายุ่งเลย” แม้ประโยคดังกล่าวแม่และนรินทร์ไม่ค่อยเข้าใจนักว่าตำรวจต้องการจะสื่อถึงอะไร แต่ทำให้แม่นรินทร์ยิ่งเกิดความกังวลว่า ชายสวมเสื้อลายพรางที่เคยมาวนเวียนบริเวณมาบ้านและอาจเสี่ยงต่อการถูกอุ้มหายหรือไม่
.
ทั้งนี้ตำรวจที่ฝากข้อความผ่านเพื่อนบ้านมาอ้างตัวว่าประจำการอยู่ที่ สน.เตาปูน และยังได้ฝากมอบ #อาหารเสริมซุปไก่สกัด จำนวน 1 แพ็ค (12 ขวด) ให้แม่ของนรินทร์อีกด้วย
.
นรินทร์ตั้งข้อสังเกตว่า ข้อความที่ตำรวจฝากมาบอกว่าห้ามออกไปไหนในวันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมานั้น อาจจะเพราะต้องการมาสอดส่องและติดตามเพื่อยืนยันว่าเขาอยู่ที่บ้านหลังนี้จริงๆ เพราะตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเดินทางมาติดตามและคุกคามนรินทร์ถึงบ้านหลายครั้ง นรินทร์ไม่เคยได้อยู่เจอพวกเขาเลย เนื่องจากต้องออกไปทำงานข้างนอก แต่ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา ไม่มีความผิดปกติหรือบุคคลใดๆ เดินทางเข้าไปที่บ้านหรือบริเวณบ้านของนรินทร์ในลักษณะติดตามคุกคามและสอดส่องความเคลื่อนไหวเลย ซึ่งนรินทร์ตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นเพราะในวันนั้นฝนตกหนักต่อเนื่องกันตลอดทั้งวันก็เป็นได้
.
นอกจากการถูกคุกคามถึงบ้านอย่างน้อย 3 ครั้ง ในช่วงก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2564 นรินทร์เคยถูกบุคคลนิรนามเดินทางมาสอดส่องที่บ้านแล้วอย่างน้อย 4 ครั้ง และต้นปี 2565 อีกอย่างน้อย 4 ครั้ง ซึ่งมีลักษณะคล้ายกันคือขับรถเข้ามาในบริเวณบ้านและสอบถามคนในละแวกบ้านหลายครั้งในหลายช่วงเวลา
.
หลังจากศาลมีคำพิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปี ในคดีที่เขาถูกกล่าวหาว่าแปะสติกเกอร์บนรูปรัชกาลที่ 10 ซึ่งทนายความจะยื่นอุทธรณ์ต่อไป เขายังเหลืออีก 2 คดีที่เกี่ยวข้องกับ “#กูkult” ซึ่งขณะนี้อยู่ในชั้นสอบสวน โดย 1 ใน 2 คดี ยังถูกกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เนื่องจากถูกกล่าวว่าเป็นแอดมินเพจเฟซบุ๊ก “#กูkult” พนักงานอัยการนัดฟังคำสั่งว่าจะฟ้องต่อศาลหรือไม่ในวันที่ 28 มี.ค. 2565 นี้ ส่วนอีกหนึ่งคดีที่เหลือในข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ พนักงานอัยการยังไม่ได้มีคำสั่งฟ้องแต่อย่างใด
.
.
อ่านบนเว็บไซต์ https://tlhr2014.com/archives/41677