พรรคร่วมรัฐบาลลากเอาพวกหมอสา’สุข มายืนเรียงแถวโต้อภิปรายฝ่ายค้าน เรื่องสูตรฉีดวัคซีนไขว้ยี่ห้อ ว่ามีหลักวิชาการรองรับ “เป็นการค้นพบของนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ของประเทศไทย” กำลังจะส่งตีพิมพ์ในวารสารระดับโลก ต้องใช้เวลานาน รอไม่ได้
“สถานการณ์เช่นนี้ หากใครก็ตามที่เป็นผู้บริหารรอให้ตีพิมพ์ก่อนจึงมาบริหารจัดการถือว่าโง่มาก” นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวในระหว่างแถลงการณ์ตอนหนึ่ง พูดเหมือนดูถูกสติปัญญาประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะฝ่ายค้านที่บังอาจมาทักท้วง
ทั้งที่ในทางที่ควร หากจำเป็นต้องเร่งรีบนำออกใช้ ถ้ามั่นใจว่าสูตรนั้นมีประสิทธิภาพจริง ก็ต้องเปิดเผยผลการทดสอบที่ทำให้มั่นใจว่า จะไม่เป็นผลร้ายภายหลัง หรือคุณภาพคับแก้วจริงๆ เสียก่อน การตีพิมพ์ทางวิชาการช้าได้ แต่ความมั่นใจประชาชนต้องมาก่อน
แต่นี่อ้างมั่วซั่ว ว่าฉีดไปแล้ว ๓๒ ล้านโด๊สเซส ไม่มีผู้เชี่ยวชาญของกลุ่มตนคนไหนบอกว่ามีการเสียชีวิต ก็เพิ่งจะฉีดไปหมาดๆ ถ้าคำพูดที่อ้างเชื่อถือได้นะ ผลดีผลร้ายใดๆ ยังไม่สามารถอ้างอิงได้แน่นอน ตามหลักการประเมินผลทางวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย
รวมทั้งที่ “ยืนยันว่าในปีนี้เราน่าจะมีวัคซีนมากกว่า ๑๐๐ ล้านโดส และยืนยันเพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจว่าเราจะฉีดวัคซีนตามแผน และเป้าหมายด้วยวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ และความปลอดภัย” ตามคำของ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค
ว่าไปแล้วก็เป็นเพียงคำอ้างของพวกทั่น ความเชื่อมั่นสาธารณะไม่ได้ขึ้นอยู่กับสรรพนามนำหน้า หรือตำแหน่งต่อท้าย เมื่อเป็นเรื่องที่พวกทั่นทั้งหลายในรัฐบาลประยุทธ์ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะที่ปรึกษาหรือบริวาร ล้วนประสพความล้มเหลวกันมาทั้งนั้น
ณ จุดนี้ความเชื่อถือมันอยู่ที่ตรรกะ การอ้างเหตุผลว่าทำไมจึงต้องไขว้ มากเสียกว่าความเห็นชอบของ ‘คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ’ และที่ว่าเป็นข้อสรุปตรงกันของผู้เชี่ยวชาญจากแหล่งต่างๆ เนื่องจากหากต่อไปอีกสองเดือนมีคนตายเป็นเบือ มันไม่คุ้มกัน
ควรแล้วที่พรรคฝ่ายค้านต้องตั้งข้อกังขาไว้ก่อน หมอศุภกิจอ้าง “ผลวิจัยที่ออกมา” ว่าถ้าฉีดซิโนแว็คเข็มแรกแล้วตามด้วยแอสตร้าเซเนก้า ในอีก ๓ อาทิตย์ต่อมา จะได้ภูมิคุ้มกันพอๆ กับการฉีดแอสตร้าฯ สองเข็ม คำถามก็คือแล้วทำไมไม่ฉีดแอสตร้าฯ เสียเลย
จะต้องสั่งซิโนแว็คมาเพิ่มเพื่อฉีดไขว้ให้ชาวบ้านหวาดหวั่นไปทำไม ทำไมไม่ยอมรับเสียตรงๆ ว่าไม่สามารถมุ่งหวังการส่งมอบวัคซีนแอสตร้าฯ ได้ตามความต้องการ หากแต่การทำสัญญากับสยามไบโอไซน์ผู้ผลิต และแอสตร้าฯ อังกฤษ เหมือนโดนมัดมือชก
ดังที่พรรคก้าวไกลเอาสัญญาซื้อแอสตร้าฯ ๓๔ หน้ามาเปิดเผยกลางสภา พบว่าทั้งที่รัฐบาลประยุทธ์ได้สนับสนุนทุนเบื้องต้น ๖๐๐ ล้านบาท ให้สยามไบโอไซน์สามารถจัดหาอุปกรณ์และเตรียมการรับงานผลิตแอสตร้าในเบื้องต้นนั้นแล้ว
รัฐบาลไทยไม่สามารถกำหนดเจาะจงได้เลยว่า จะได้รับวัคซีนจำนวนเท่าไหร่เมื่อไร มีเพียงจำนวนคร่าวๆ ทั้งหมด ครั้นเมื่อการผลิตไม่สามารถส่งมอบให้ได้ตามจำนวนที่ต้องการเมื่อสองเดือนที่แล้ว หรือแม้แต่เดือนตุลานี้ รัฐบาลจึงต้องสั่งเพิ่มซิโนแว็คมาแก้ขัด
ข้อโจมตีของฝ่ายค้านในการอภิปรายว่ารัฐบาลไม่เห็นแก่ชีวิตของประชาชน ไม่ได้เกินกว่าความเป็นไปได้เท่าไรนัก คุณหมอๆ บริกรทั้งหลายจะเอาดีกรีของตนมาอ้างเท่าไร “ขอยืนยันว่าการฉีดวัคซีนไขว้มีความปลอดภัย” ย่อมพูดได้อยู่แล้ว
แต่จะให้ประชาชนส่วนมากเชื่อถือแค่ไหน มันขึ้นกับ credibility คุณภาพอันเป็นประจักษ์จนทำให้คนจำนวนมากเชื่อถือ แต่คุณภาพของกระทรวงสาธารณสุขภายใต้การบริหารจัดการของหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จากผลการทำงานผ่านมาสองปีไม่มีความน่าเชื่อถือเสียเลย
ยิ่งตัวนายกรัฐมนตรีคนที่คุมการดำเนินนโยบายอยู่สูงสุด ยิ่งหาความน่าเชื่อถืออะไรไม่ได้เช่นกัน ยิ่งเมื่อพูดตอบโต้การอภิปรายอย่างไร้วุฒิภาวะ “ถ้าเก่งจริงทำไมไม่แก้ไขปัญหาตั้งแต่รัฐบาลก่อน ใช่เรื่องที่ผมต้องมาแก้มั้ย” ตอบได้เลยว่า ใช่สิ
ไม่ว่ารัฐบาลก่อนจะเป็นมาอย่างไร คุณมรึงเป็นรัฐบาลอยู่ขณะนี้ต้องรับผิดชอบทั้งหมดแน่นอน ไม่มีปัญญา ทำไม่ได้ก็ออกไปเปิดโอกาศคนอื่นที่สาธารณะเชื่อถือเชื่อมั่นมาทำแทน หลักการธรรมดาทั่วโลกยึดถือกัน แล้วไอ้รัฐบาลก่อนที่ว่านั่น รัฐบาล คสช.ใช่ไหม
ชั่วร้ายเข้าไปอีก สมกับที่ ‘เต้’ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ สาดเสีย อยู่ที่การเอาเงินงบประมาณของประเทศไปใช้สร้างภาพปกปิดความไร้ประสิทธิภาพของตน “เตรียมของบกลาง ๕๖๙ ล้านบาท มาจ้าง influencer, ทำ MV, ทำสปอตทีวี-วิทยุ, ทำคลิป vdo และซื้อพื้นที่สื่อ”
อ้างว่าเป็นมาตรการเร่งด่วน “ลดการแพร่เชื้ออย่างรวดเร็ว แก้โควิด-19 ที่ต้นเหตุ” ตอนนี้คณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณล่วงหน้าออกมาก่อนแล้ว ๑๐๕.๕๙ ล้านบาท “สร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนในการบริหารการจัดการการแพร่ระบาดของโควิด-19”
เพราะความรู้ความเข้าใจเต็มหัวของประชาชนเวลานี้ก็คือ รัฐบาลล้มเหลวไม่เป็นท่า นั่นละ
(https://www.matichon.co.th/politics/news_2913077, https://thematter.co/brief/153637/153637 และ https://www.facebook.com/thestandardth/posts/2839592259666981)