วันอังคาร, พฤษภาคม 18, 2564

ปล่อยให้ติดเองหายเอง กันเยอะ เป็น ‘herd immunity’ ไม่มีชาติ (ชั่ว) ไหนกล้าทำกัน


สุดยอด มาตรฐานการต่อสู้โควิดของไทยไม่แคร์ใครในจักรวาล โรงบาลพระปกเกล้าฯ เยี่ยมที่สุด คนฉีดวัคซีนจากที่นั่นได้สามวันแล้วตาย “มิได้เกิดจากการรับการฉีดวัคซีน...แต่อย่างใด แต่เกิดเนื่องจากผู้ป่วยรายนี้มีภาวะที่เสี่ยงต่อการเกิดโรค”

อ้าว ก็ตอนโควิดระบาดใหม่ๆ ตั้งเป็นปีมาแล้ว ทุกแห่งทั่วโลกต่างบอกว่าความเสี่ยงอยู่ที่ผู้มีโรคประจำตัวอยู่แล้วจะหนักหน่วงถึงตาย โดยมักจะเป็นผู้สูงวัยส่วนใหญ่ แล้วชายไทยวัย ๕๘ ที่ตายหลังฉีดวัคซีน พระปกเกล้าฯบังเอิญไม่ได้ปกกระหม่อมหรือไร

แล้วอาการที่ทั่นอธิบายว่าทำให้คนตายน่ะอย่างที่เขาแจ้งไว้เด๊ะ ก็ใช่หละ สิ่งที่ทั่นต้องการจากประชาชนมากที่สุด คือให้ฉีดวัคซีนเร็วและมาก แต่วัคซีนของพ่อคุณไม่พอนะ แม้จะสั่งใหม่เป็นร้อยๆ ล้านโด๊สเซส มันก็มาไม่ทันไง พูดให้ฟังหลายหนแล้วทำเป็นไม่เก็ต

การฉีดวัคซีนให้มากที่สุดเป็นการสกัดกั้นทั้งชุมชน หากฉีดได้ถึง ๘๐% ของประชากร จะเกิด ‘herd immunity’ ความคุ้มกันหมู่ หรืออย่างน้อย ๕๐% ก็ทำให้การแพร่ระบาดอ่อนแรงได้ แต่ไม่ใช่วิธีปล่อยให้ติดโรคกันเยอะๆ หายเองแล้วจึงเกิดภูมิ

นั่นเป็นทฤษฎี แต่ไม่มีชาติ (ชั่ว) ไหนกล้าทำกัน จะมีก็แต่ประเทศวิเศษไตแลนเดียมั้ง ที่ทำกับผู้ติดโรคในคลัสเตอร์เรือนจำ โดนจับเท็จได้ที่เชียงใหม่ เริ่มแรกพบผู้ติดเชื้อในคุก ๑๔๔ ราย เมื่อ ๒๖ เมษา รุ่งขึ้น “สาธารณสุขจังหวัดร่วมกับกองทัพเข้าไปล็อคดาวน์

ล็อค ๒๘ วันตรวจเชื้อ ๒ รอบ ๑๔ วันครั้ง กะจะส่งพื้นที่คืน ๒๘ พฤษภา” ผลจากการล็อคที่เรียกว่า ‘Bubble and Seal’ “คือตัวเลขพุ่งจาก ๑๔๔ เป็น ๓,๙๒๙ คน จากผู้ต้องขังทั้งหมด ๖,๔๖๙ คน (ผลจากการตรวจเชื้อหลังล็อกไป ๑๔ วัน)”

Atukkit Sawangsuk อธิบายจากข่าวว่า “เป้าหมายคือทำให้ผู้ต้องขังทั้งหมดมีภูมิคุ้มกัน (คือปล่อยให้ติดแล้วหายเองนั่นแหละ) เมื่อครบ ๒๘ วันคาดว่าจะเหลือไม่ถึง ๑๐% ที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน โดยระหว่างนี้ก็ดูแลอย่างดีด้วยฟ้าทลายโจร วิตามินซี และขิง

และบอกว่ามี ผู้ป่วยสีแดง ๖ รายเท่านั้น” มันจะเป็นไปได้ไง จากที่ระบาดเหยียบสี่พัน ข้อสำคัญวิธีอัปรีย์นี้ “เคยใช้กับแรงงานต่างด้าวสมุทรสาคร” มาแล้ว ผลตอนนั้นก็ไม่ได้อย่างที่คิดว่าจะได้ ยังจะเอาทฤษฎีที่ทำแล้วไม่สำเร็จมาใช้อีก


ความผิดคนอื่นเท่าภูเขา ความผิดตัวเราเท่าเส้นผม” รมว.ยุติธรรม “ระบุหนึ่งในปัญหาของควบคุมโควิดฯ ในเรือนจำคือ 'ผู้ต้องขัง' ไม่ให้ความร่วมมือตรวจหาเชื้อ ยกตัวอย่างกรณีผู้ต้องขัง ๙ คน ย้ายจากเรือนจำพิเศษธนบุรีมาเรือนจำพิเศษกรุงเทพ”

แน่ะไปโทษเด็กที่พวกคุณมรึงแกล้งจับพวกเขาไปขังคุกอีก พูดไม่คิดเลยว่า “ไม่ได้ระบาดแค่ ๒ เรือนจำ งงอะไรรึเปล่า กว่า ๙ เรือนจำจากนราธิวาสยันเชียงใหม่ มีผู้ติดเชื้อทั่ว ปท.มากกว่าหมื่นรายแล้ว ดีแต่โทษ ปชช.” หงะ Bencha Saengchantra @BenchaMFP ย้อนให้

“ตอนนี้ไอลอว์ทำแคมเปญใน Change เรียกร้องการแก้ปัญหาโควิดในเรือนจำ อย่างที่รู้กันว่าตอนนี้ผู้ติดเชื้อทะลุหมื่นไปแล้ว ราชทัณฑ์หรือรัฐบาลเองก็ไม่ได้มีการประกาศมาตรการอะไรที่มันชัดเจนออกมา” ไอซ์ @nanaicez ร้องชวนประชาชนตรวจความประพฤติราชทัณฑ์

ที่จริงก็ตรวจไปถึง ศบค.และทั้งรัฐบาล บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินได้ห่วยยิ่ง อัตราเพิ่มการติดเชื้อและตายไม่ลดละ เมื่อวาน (๑๗ พ.ค.) ติดเพิ่ม ๒,๓๐๒ ตาย ๒๔ ราย วันนี้ฟาดเข้าไป ๒,๔๗๓ ติดเชื้อ ตายอีก ๓๕ รวมติดสะสมระลอกนี้กว่าแสน

ประชาชนดิ้นรน กระเสือกกระสนช่วยกันชนิดเกือบจะตามบุญตามกรรม อย่าง พิมรี่พายสร้างโรงพยาบาลสนามในราคาเป็นธรรม-ดา ถูกกว่าที่รัฐจัดสร้างเยอะ แล้วยังถูกสุขลักษณะมากกว่าด้วย ผู้คนชื่นชมไปทั่วจนรัฐบาลอิจฉาเพราะมีคนเอาไปเปรียบเทียบ

โซเชียลมีเดียมีการแชร์ข้อมูลเรื่องงบประมาณจัดทำโรงพยาบาลสนามบุษราคัม พร้อมกับตัดต่อภาพประกอบ ว่าใช้งบประมาณ ๒๓๙,๒๘๐,๐๐๐ บาท สามารถรองรับได้ ๑,๐๙๒ เตียง ตกเตียงละ ๒๒๐,๐๐๐ บาท”

แต่โรงพยาบาลสนามของแม่ค้าออนไลน์ปากไวใจกุศล “ใช้งบประมาณ ๑๗๐,๐๐๐ บาท แต่ได้ถึง ๕๐ เตียง ตกเตียงละ ๓,๔๐๐ บาท” เท่านั้น เลยร้อนถึงรัฐมนตรีดิจิทัลต้องจัดการ ถึงจะยอมรับว่า “เป็นสิ่งที่ดี...รัฐบาลก็ต้องขอบคุณถึงความตั้งใจ”

แล้วกลับไปหาเรื่องกับผู้ทำการเปรียบเทียบ ว่าตัดต่อภาพ ผิด พรบ.ดิจิทัล และเป็นขบวนการที่ไม่หวังดี “บิดเบือนเพื่อต้องการให้เกิดความแตกแยกขัดแย้ง” แถไปโน่น ชนิดไม่มีเหนียงยางอายกันเลยสักนิด

(https://www.matichon.co.th/economy/news_2727858, https://www.prachachat.net/local-economy/news-670910 และ https://www.facebook.com/MTSGOLD/posts/4357583800918835)