วันศุกร์, กันยายน 04, 2563

'กบฏ ปชป.' ร่วมแก้ รธน. ๒๗๒ ปิดสวิทช์ สว. ชลอหน้าสิ่วหน้าขวาน 'ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์' ได้หรือ


ห่วงไหม ความพยายามแก้รัฐธรรมนูญที่เริ่มโดยพรรคฝ่ายค้าน จากเพื่อไทยไปก้าวไกลแถม ปชป. จากเลือกตั้ง สสร.มาจนบัดนี้มีท่าว่าการแก้ ม.๒๗๒ เพื่อตัดอำนาจ สว.น่าจะไปได้ แต่หมายความว่าต้องปิดสวิทช์แก้หมวดสองไปด้วย

พรรคก้าวไกลแถลงความคืบหน้าในการยื่นขอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๗๒ เพื่อปิดสวิทช์ สว.ว่ามีพรรคฝ่ายค้านเข้าร่วมอีก ๔ พรรค ถ้าได้รวมกับเสียงของประชาธิปัตย์และ ส.ส.รัฐบาลส่วนหนึ่งละก็ “คิดว่าน่าจะครบ” ๑ ใน ๕ หรือ ๙๘ คนตามต้องการ

ทั้งนี้ประจวบกับ ส.ส.ประชาธิปัตย์กลุ่มหนึ่งนำโดยอดีต กปปส.สาทิตย์ วงศ์หนองเตย เพิ่งแถลงว่ากลุ่ม กบฏ ปชป. ๑๔ คนของตน จะเสนอแก้ไข รธน.มาตรา ๒๗๒ เช่นกัน นอกเหนือจากที่พรรคก้าวไกลเตรียมเสนอแล้วนั้น เพราะถ้าแค่แก้ ม.๒๕๖

“ไม่เพียงพอในการคลี่คลายสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นตอนนี้ได้ เราเชื่อว่าในเดือน ก.ย. มีแนวโน้มการชุมนุมทางการเมืองที่จะขยายตัวกว้างมากขึ้น และอาจจะเกิดความรุนแรงบางประการขึ้นด้วย” เขาอ้างว่าเนื่องจาก เป็นห่วง

ว่ามี “การนำเอาประเด็นการเมืองมาปนกับประเด็นที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์” และ “มีแนวโน้มการขยายตัวขึ้น” สาทิตย์อ้างด้วยว่าการประชุมภายในพรรค ปชป. หัวหน้าพรรคก็เห็นด้วยว่าควรมีการแก้ไขเรื่องอำนาจ สว. แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะติดกับร่างฯ ของรัฐบาล

“จะรอให้มีความคิดที่ตกผลึกคงไม่ทัน เราจึงอาสาที่จะยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๗๒” ส่วนจะไปยื่นร่วมกับร่างฯ ของพรรคก้าวไกลหรือไม่รอไว้คุยกัน อย่างจริงจัง เสียก่อน ขณะที่ชัยธวัช ตุลาธน เลขาฯ ก้าวไกล ยินดีกับท่าทีของกบฏ ปชป.

แน่นอนว่านักประชาธิปไตยสาย ฮ้าร์ดคอร์ ย่อมไม่ค่อยพอใจกับท่าทีใหม่ๆ นี้ ด้วยความกังวลว่าในที่สุดการแก้รัฐธรรมนูญจะถูก ไฮแจ็ค ไปทั้งดุ้นอย่างที่ปิยบุตร แสงกนกกุล ตั้งเป็นข้อกังขาไว้ ไม่เพียงขอไม่แตะหมวด ๑ และหมวด ๒ ที่พรรคเพื่อไทย ติดกับ

แต่เลยไปถึงการคงอำนาจอย่างอื่นของ สว.นอกเหนือจากมีส่วนร่วมในการเสนอชื่อ และร่วมโหวตอนุมัติ นายกฯ คนนอก นั่นคือยังมีสิทธิมีเสียงในการค้านแก้รัฐธรรมนูญในวาระสามต่อไป สว.ตัวเด่นบางคนเคยแสดงความเห็นว่า ยอมได้ ไม่ต้องเลือกนายกฯ

จากการที่สาทิตย์อ้างว่านอกจากพวกกบฏ ปชป.ของตนแล้วยังมี สว.บางคนเห็นด้วย แสดงว่าเป้าหมายในการเสนอแก้ไข ม.๒๗๒ อยู่ที่ ตัดตอนการแก้รัฐธรรมนูญไม่ให้ไปถึงหมวดอำนาจพระมหากษัตริย์ หรือ สถานะเหนือรัฐธรรมนูญ ของ ร.๑๐


หลังจากที่ อานนท์ นำภา และภาณุพงศ์ จาดนอก (ไม้ค์ ระยอง) เดินเข้าคุก ไม่ขอยื่นประกันที่มีข้อห้ามร่วมชุมนุมครั้งต่อไปและเพิ่งวงเงินหลักประกัน แล้วส่งจดหมายเปิดผนึกถึงผู้ร่วมอุดมการณ์ “หน้าที่นอกคุกผมจบแล้ว”

เขายื่นไม้ต่อให้น้องๆ พี่ๆ ที่ร่วมต่อสู้ด้วยกันมา “เราเดินมาไกล จงเดินต่ออย่างกล้าหาญ...ขอเดิมพันทั้งหมดเพื่อการเปลี่ยนแปลง ๑๙ กันยายนนี้ช่วยยืนยันว่าเรามาถูกทาง” เชื่อกันว่าการที่ศาลตัดสินให้ถอนประกันอานนท์ เพื่อสกัดกั้นไม่ให้เขาไปร่วมชุมนุมวันดังกล่าว

สมบัติ บุญงามอนงค์ ซึ่งเข้าไปฟังการไต่สวนเบิกความในศาลระหว่างการพิจารณาถอนประกันอานนท์ เล่าว่า “ระหว่างการพิจารณาคดีมีสายโทรศัพท์เข้ามายังบัลลังก์ จนท. ศาล ต้องยกหูให้คุยกับผู้พิพากษาที่กำลังดำเนินการสอบพยานอยู่

ผมรู้ได้ทันทีว่าคดีนี้ผู้ใหญ่ให้ความสนใจอย่างมาก เพราะผมขึ้นศาลมาหลายครั้ง ไม่เคยมีกรณีสายโทรศัพท์เข้ามาถึงตุลาการที่กำลังทำหน้าที่อยู่” บก.ลายจุดเกิดความคิด “๑๙ ก.ย. นี้อานนท์และไมค์ไม่สามารถออกมาร่วมชุมนุมกับพวกเราได้ที่ธรรมศาสตร์

ผมจะเสนอให้ผู้จัดทำหน้ากากใบหน้าของอานนท์และไมค์เป็นบัตรเข้าร่วมงาน เราจะทำให้ม๊อบนี้เป็นม๊อบหน้ากากคน ๑ แสนคน” ส่วน เพ็นกวินพริษฐ์ ชีวารักษ์ อีกหนึ่งนักปาฐกที่จะขึ้นเวทีปราศรัยวันที่ ๑๙ เช่นกัน ขยับเพดาน


“การถอนประกันพี่ไม้ค์กับพี่อานนท์ ไม่ช่วยให้คนพูดเรื่องสถาบันกษัตริย์น้อยลง เพราะต่อให้ไม่มีสองคนนี้ก็ยังมีคนอื่นที่สืบทอดเจตนารมณ์...อย่าเอาเรือขวางน้ำเชี่ยว อย่าทะเลาะกับกาลเวลา...การปิดปากจะทำให้สถาบันกษัตริย์เสื่อมลงไปกว่านี้”

เพ็นกวินประกาศ “ขอให้พี่น้องจากทุกสารทิศมารวมตัวกันที่ท่าพระจันทร์ เพราะถ้าคนเยอะเราจะไปยึดสนามหลวงคืน เป็นสนามประชาชน” แสดงว่าอานนท์ ปลีกตัว เข้าคุกเพื่อไม่กลายเป็นเป้าของการสกัดพลังคนรุ่นใหม่เบ่งบานเต่งตูม

พรรคการเมืองจะชลอสถานการณ์ที่ใกล้จะเป็นหน้าสิ่วหน้าขวานได้หรือไม่ จำเป็นอย่างยิ่งต้องมี ซ.ต.พ.สนองโจทย์เรขาคณิต “ซึ่งต้องพิสูจน์”

(https://prachatai.com/journal/2020/09/89348, https://www.facebook.com/nuling/posts/3693772663968418CP-R, https://www.khaosod.co.th/politics/news_4837047 และ https://www.innnews.co.th/politics/news_763453/)