วันอาทิตย์, พฤษภาคม 10, 2563

๗ นักชำเรานี่ หลักอาญาฝรั่งเรียก ‘premeditated’ "จะร้องไห้ทุกวัน วันละสามเวลา ตลอดเวลาที่ติดคุกสักสิบปี ก็ไม่ทำให้ความผิดหายไปได้"


“ไทยเป็นชาติมีน้ำใจ” นึกถึง รวงทอง ขึ้นมาจับใจ เมื่อได้ชมคลิปไทยรัฐสัมภาษณ์ พี่สาวที่แสนดี ของ ๕ ครูมุกดาหารที่ชำเรานักเรียนหญิงอายุ ๑๔ ปี และ ๑๖ ปี เป็นนิจสินนานเป็นปี จนเมื่อยายของเด็กเพิ่งรู้เรื่องเมื่อต้นเดือนนี้ จึงพาไปแจ้งความ

ครูหญิงผู้พี่คนนี้บอกกับไทยรัฐ “ในมุมมองที่อยากชี้แจงนั้นก็คือ อย่างเราเป็นครูที่นี่ ในภาพที่เราร่วมงานกับน้องๆ คือเราชื่นชมและประทับใจในการทำงานของเค้า” แม้จะไม่เห็นด้วยกับการกระทำของพวกเขา และรู้สึก ช้อค กับเหตุที่เกิด

แต่ “เราเป็นเพื่อน เราเป็นคนไทยด้วยกัน สิ่งที่เขาทำดีก็มี...เข้าใจโนะ ทุกคนร้องไห้ตลอดล่ะ แล้วถ้า...เค้าคิดสั้น หรือเป็นอะไรไป หรือต้องเสียชีวิตไปน่ะ มันคุ้มค่าไหม พี่ยินดีที่จะเป็นส่วนรับทุกข์ตรงนั้นนะ” โถ พี่สาวออกตัวรับขนาดนั้น ซึ้งเนอะ

“พี่ก็ได้ออกไปเยี่ยมบ้านนักเรียน ถามว่าจะให้เค้าเข้าข้างใครมั้ย น่ะไม่ แล้วทีนี้สังคมชุมชนเราก็ดูแลนักเรียนอยู่ แต่มันเกิดแล้วไงคะ...เมื่อมันเกิดแล้ว เราจะเยียวยาคนที่เหลืออยู่อย่างไร” นี่ไงการมีศีลธรรมอย่างไทยๆ แต่ไม่รู้จักจริยธรรมสากล

ใช่สิ “อย่างน้อยก็เปิดโอกาสให้คนที่อยู่ ญาติพี่น้องเขา ลูกเมียเขา ถ้ายังไม่มีภูมิคุ้มกัน ไม่มีธรรมะ ไม่ได้เรียนรู้ธรรมชาติมากพอ มันรับไม่ได้ คิดว่ารับไม่ได้ ร้องไห้ตลอดสามวันน่ะค่ะ” พี่สาวที่แสนดีมองตรงที่ “มีครอบครัวทุกคน และลูกเด็กทุกคน”

แถมเมียของผู้ต้องหาคนหนึ่งกำลังตั้งท้อง “มีน้องคนนึงชื่อสิทธินันธ์ อายุ ๒๕ ปี น้องเค้าปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำ ไม่ร่วมกระทำ เมียเค้ามาขอให้ช่วย เราก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร” พี่ก็เลยไปโพสต์เฟชบุ๊ค งั้นเถอะ “พี่ไม่อายที่มีพวกเธอเป็นน้องๆ

...แต่พวกเธอขาดสติและ (การ) ตระหนักถึงความเป็นครูไป พี่ขอเป็นกำลังใจให้น้องๆ” ครูชั้นผู้น้อย ๕ คน วัยตั้งแต่ ๓๕ ปี ลงไปถึง ๒๕ ปี กับหนุ่มศิษย์เก่าวัย ๒๑ ปีอีกสองคน ซึ่งตำรวจออกหมายจับแล้วในข้อหากระทำชำเรา และพรากเด็กเพื่อการอนาจาร

ครูคนหนึ่งในนั้นชื่อเอกลักษณ์อายุ ๓๕ ปี เคยกระทำชำเราเด็กนักเรียนหญิงมาก่อนแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็รอดพ้นจากคุกตะรางมาได้จากการยอมความ จ่ายค่าทำขวัญไป ๕ แสน แต่ครั้งนี้มีเพื่อนร่วมกิจกามอีก ๖ คน “รุมข่มขืนตามจุดต่างๆ ภายในโรงเรียน และถ่ายคลิปไว้

โดยอาศัยจังหวะช่วงพักเที่ยงบ้าง ช่วงเลิกเรียนบ้าง ในห้องเรียนชั้น ม.๒ หรือวันหยุดก้ลวงเด็กให้ไปเอาเครื่องคอมพิวเตอร์ที่บ้านพักครูหลังโรงเรียน “หากไม่ยินยอมก็จะใช้กำลัง บางครั้งก็ขู่ว่า หากไม่ยอมจะให้ซ้ำชั้น”
 
ชายทั้งเจ็ดถูกควบคุมตัวแล้วที่ศาลมุกดาหารรอการดำเนินคดี และโรงเรียนต้นสังกัดได้สั่งปลดจากราชการแล้ว โล่งอกไปได้สองเปราะ คือในมุมมองของพี่สาวแสนดี พวกเขาจะไม่มีโอกาสได้ คิดสั้น อย่างที่พี่ห่วงแล้วนะ เพราะมีเจ้าหน้าที่คอยจับตา

และในสายตาชาวบ้านการสั่งปลดจากหน้าที่ราชการ อย่างน้อยก็ทำให้อาการช็อคของคนที่รู้จักใกล้ชิดคลี่คลาย เมื่อได้รู้ว่าพวกเขามีความผิดกล่าวหาโดยผู้เสียหายยืนยันอยู่ อะไรเป็นความดีที่เคยทำก็ต้องแยกแยะ ตามคำครูผู้พี่น่ะแหละ

ขณะที่สังคมไทยก็ควรที่จะแยกแยะกันให้ได้ดีกว่านี้ โดยเฉพาะในเรื่องเพศสัมพันธ์ อย่าทำเป็นปากว่าตาขยิบกันจนเกินล้น ข้อหา โทรมเด็กหญิงอายุไม่เกิน ๑๕ ปีไม่ว่า “เด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม” เป็นความผิดตามจรรยาบรรณสากล

และกฎหมายไทยรับรองตามหลักกฎหมายสากล อย่าได้สับสนกับความเห็นอกเห็นใจเป็นส่วนตัว ต้องชั่งน้ำหนักให้ถูกต้องว่าการกระทำผิดอย่างหนึ่ง สร้างความเสียหายกับผู้เยาว์สองคนที่อาจเป็นตราบาปสำหรับเด็กทั้งสองไปตลอดชีวิต

แล้วยังสร้างความเสื่อมทรามแก่หลักจริยธรรมของวิชาชีพครู การอ้างว่าพวกนักชำเราเคย ทำความดีเพื่อสังคมมาเยอะแยะเท่านั้นฟังไม่ขึ้น ยิ่งอ้างว่าพวกเขาเป็นพ่อเด็กแล้วโดนสังคมประณาม จะเป็นรอยช้ำไปถึงลูกและเมีย นั่นไม่ใช่

ความชั่วร้าย (หรือแค่ผิดพลาด) ของเขาอยู่กับตัวเขาเอง จะอ้างว่ากลัวลูกเมียลำบากเพื่อให้พ้นผิด เป็นความคิดเอาเปรียบ เห็นแก่ได้ ไม่รับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง การรุมชำเราเด็กหญิงบ่อยๆ นานเป็นปี นี่หลักอาญาฝรั่งเรียก ‘premeditated’

ทั้งตั้งใจ ทั้งเตรียมการ และลงมือกระทำซ้ำแล้วซ้ำอีก แสดงว่านอกจากไม่เห็นแก่ลูกและเมียแล้วยังไม่ละอายจริยธรรม และไม่ยำเกรงกฎหมาย จะร้องไห้ทุกวัน วันละสามเวลา ตลอดเวลาที่ติดคุกสักสิบปี ก็ไม่ทำให้ความผิดหายไปได้