แถลงการณ์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
เรื่อง ร่างรัฐธรรมนูญฉบับ “อภิชนเป็นใหญ่”
ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมานานกว่าทศวรรษ
สังคมไทยได้สูญเสียโอกาสที่จะก้าวหน้า และกลับล้าหลังลงไปในหลายๆ ด้าน โดยที่คณะรัฐประหารไม่สามารถแสดงให้เห็นถึงความหวังที่จะหลุดพ้นจากสภาพดังกล่าวได้เลย
การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งควรจะเป็นส่วนหนึ่งของทางออกจากวังวนแห่งปัญหา กลับปรากฏปัญหาในเชิงหลักการสำคัญของระบอบประชาธิปไตยหลายประการด้วยกัน
ที่สำคัญมีดังต่อไปนี้
ประการแรก
ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ลดทอนสิทธิและเสรีภาพของประชาชนมากยิ่งกว่ารัฐธรรมนูญฉบับใดๆ
ในอดีต กล่าวคือ สิทธิเสรีภาพหลายชนิดซึ่งเคยได้รับการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับก่อนๆ
ได้ถูกลดทอนลงหรือแม้แต่ถูกตัดออกไป เช่น บทบัญญัติว่าด้วยสิทธิชุมชนในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
บทบัญญัติที่ให้ความสำคัญแก่ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีการจำกัดเสรีภาพทางวิชาการด้วยบทบัญญัติเรื่องหน้าที่ของชนชาวไทยและศีลธรรมอันดี
และการปฏิเสธพันธกรณีระหว่างประเทศในด้านต่างๆ
ที่ประเทศไทยได้เคยให้การรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับก่อนหน้าอีกด้วย
ประการที่สอง ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำให้ระบบการเมืองไทยมีจุดยึดโยงกับประชาชนน้อยลง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกแบบระบบการเลือกตั้งซึ่งจะทำให้พรรคการเมืองขนาดใหญ่เกิดขึ้นไม่ได้เลย
ความอ่อนแอของพรรคการเมืองนี้ย่อมจะส่งผลให้การแทรกแซงของอำนาจนอกระบบอื่นๆ เกิดขึ้นได้ง่ายดังเช่นที่ได้เคยเกิดขึ้นแล้วในสังคมการเมืองไทย
ประการที่สาม ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระตามบทบัญญัติในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ขาดความยึดโยงกับประชาชนโดยสิ้นเชิง
แต่กลับมีอำนาจในการกำกับการทำงานของรัฐบาลสูงมาก เช่น การมีอำนาจในการตีความรัฐธรรมนูญ การพิจารณากฎหมายต่างๆ
ว่าชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ และการวินิจฉัยอำนาจหน้าที่ขององค์กรต่างๆ
ที่ตั้งขึ้นตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ เป็นต้น
ประการที่สี่ ในส่วนของวุฒิสภาที่บทบัญญัติในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้อำนาจไว้มากและกว้างขวาง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งอำนาจในการให้ความเห็นชอบต่อการแต่งตั้งบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ
แต่วุฒิสมาชิกปราศจากการยึดโยงกับประชาชนทั้งหมดในสังคมเกือบสิ้นเชิง เพราะวุฒิสมาชิกมาจากการเลือกกันเอง
ซึ่งทำให้มีปัญหาในเรื่องความชอบธรรมของวุฒิสภา
ทั้งปัญหาในแง่ที่มาของวุฒิสมาชิกและในแง่ของอำนาจหน้าที่ของวุฒิสภา
ซึ่งปัญหาความชอบธรรมนี้จะกลายเป็นอุปสรรคในการทำงานของวุฒิสภาอย่างแน่นอน
ด้วยปัญหาทั้งสี่ประการดังกล่าวข้างต้นนี้
ย่อมเห็นได้ชัดเจนว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อลดทอนอำนาจของประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อม
ในขณะเดียวกันก็พยายามสถาปนาอำนาจให้กับชนชั้นนำเพียงบางกลุ่ม จึงอาจกล่าวได้ว่าเป็นร่างรัฐธรรมนูญฉบับ “อภิชนเป็นใหญ่”
ที่จงใจทำให้รัฐไทยและรัฐธรรมนูญไทยกลายเป็นสมบัติของคนเพียงหยิบมือเดียว มิใช่ของประชาชนทั้งหมด
ซึ่งถ้าหากร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีผลบังคับใช้ ก็จะนำพาสังคมไทยจมดิ่งลึกลงไปในความขัดแย้งที่สลับซับซ้อน
และรุนแรงมากขึ้น
อนึ่ง จากการออกแบบโครงสร้างและสถาบันการเมืองให้มีลักษณะดังที่กล่าวมาข้างต้นนี้
ย่อมทำให้กลายเป็นเรื่องสุดวิสัยที่จะปรับแก้เนื้อหาเพียงบางส่วนในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้
เพราะถ้าหากมีการแก้ไขในสี่ประเด็นสำคัญที่ขัดต่อหลักการประชาธิปไตยเหล่านี้แล้ว
ก็ย่อมเท่ากับการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ทั้งฉบับนั่นเอง
ด้วยความเชื่อมั่นในพลังแห่งสติปัญญาของสังคมไทยที่จะผลักดันกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญให้เป็นไปตามหลักการของระบอบประชาธิปไตย
เพื่อเป็นแสงสว่างให้สังคมไทยได้ก้าวพ้นปัญหาที่ต้องเผชิญอยู่ในปัจจุบัน มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนใคร่ขอเรียกร้องให้สังคมร่วมกันพิจารณา
วิพากษ์วิจารณ์
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน 2 กุมภาพันธ์ 2559