วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 24, 2561

‘คารวะ’ และ ‘สดุดี’ กลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่ยังถูกควบคุมตัวทั้ง ๑๔ คน "ถ้าประชาชนไม่สันติ หมดขันติเมื่อไหร่คงสนุกพิลึก"

สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา เขียนเฟชบุ๊ค คารวะ และ สดุดี กลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่ยังถูกควบคุมตัวทั้ง ๑๔ คน เป็นการแสดงออกที่ไม่ธรรมดา ในฐานะเขาสังกัดพรรคที่พร้อมระทวยกับพลังดูด

เสี่ยตือยืนยันว่า “สนับสนุนและเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง” ที่หนุ่มสาวเหล่านี้กล้าลุกขึ้นมาท้าทายอำนาจรัฐ ทวงถามสิทธิและเสรีภาพให้กับคนไทยทั้งประเทศ


เป็นจุดยืนซึ่งต่างอย่างสิ้นเชิง แบบหน้ามือเป็นหลังเท้ากับท่าทีของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งแม้นเขาจะเพิ่งปฏิเสธหลัดๆ ตระบัดคำว่าไม่เคยพูดจะสนับสนุนหัวหน้า คสช. เป็นนายกฯ อีกครั้ง และจะไม่มีการตั้งพรรคการเมือง

แต่กลับมีรายงานข่าววานนี้ (๒๓ พ.ค.) ว่านายสุเทพในฐานะประธานยมูลนิธิมวลมหาประชาชน ได้ส่งเจ้าหน้าที่ประสานไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้ว ว่าจะมีการไปจดแจ้งชื่อ พรรครวมพลังประชาชาติไทย

อย่างนี้นี่เองทำให้ สุเทือก กระหวัดลิ้นเมื่อวันก่อนว่าจะไม่มีการตั้งพรรคการเมือง “โดยชื่อของ กปปส.” หรือ “ในนาม กปปส.” อย่างแน่นอน แถมอาจเร็วๆ นี้ เป็นวันที่ ๒๕ พ.ค.ก็ได้

นสพ.ข่าวสดให้รายละเอียดว่าพรรคที่สุเทือกกำลังจะแอบจดตั้งนี้ ตัวหัวหน้าพรรคมอบให้ เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ที่คณะยึดอำนาจของประยุทธ์มอบหมายให้ร่วมดูแลการปฏิรูปด้านการเมือง และเป็นกรรมการของทหารเตรียมสร้างความปรองดองของพลเมืองด้วย รับไป

พรรคใหม่ของ กปปส. มีพวกแก่นๆ แกนๆ เป่านกหวีดปิดกรุงเทพฯเรียงหน้ากันมาเต็ม ทั้ง พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร ประสาร มฤคพิทักษ์ สุริยะใส กตะศิลา พิเชษฐ์ พัฒนโชติ สำราญ รอดเพชร และอัญชะลี ไพรีรัก ล้วนขาดไม่ได้

ข่าวบอกด้วยว่าพรรคตั้งใหม่ของ กปปส. ใช้วิธีดูดแบบนิ่มๆ เนียนๆ จากพรรคประชาธิปัตย์ นอกจากน้องชายสองคนของสุเทือก เชนกับธานี แล้วยังมีอดีต ส.ส.นราธิวาสสองคนกระโดดเรือไปอยู่กับ กปปส. คืสุรเชษฐ์ แวอาแซ และเจ๊ะอามิง โตะตาหยง

บวกกับอดีต ส.ส. กรุงเทพฯ ที่ถูกพรรคหัวโขน คสช. ภายใต้กำกับของ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ดูดไปหลายคน ได้แก่ พุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ สกลธี ภัททิยะกุล และณัฎฐพล ทีปสุวรรณ รวมทั้ง ชื่นชอบ คงอุดม ที่ไปช่วยพรรคท้องถิ่นไท

“ทำให้พรรคประชาธิปัตย์เสียอดีต ส.ส.ให้กับพรรคการเมืองอื่นไม่ต่ำกว่า ๘ คนแล้ว”


แต่ ปชป. ไม่ค่อยเดือดร้อนอะไร ส.ส.ที่เสียไปส่วนใหญ่เป็น กปปส. และยังมีอีกบางส่วนยืนยันสมาชิกภาพอยู่กับประชาธิปัตย์ ต่อไปภายหน้าถ้าประยุทธ์ได้ตั้งรัฐบาล หรือเป็นนายกฯ คนนอก ย่อมง่ายต่อการประสานทอง “ชนิดเรือล่มในหนองทองจะไปไหน”

จึงไม่เห็นมีนักการเมือง ปชป. ยินร้ายอะไรนักกับการ “กลั่นแกล้ง กักขัง” คนอยากเลือกตั้งทั้ง ๑๔ ใครได้อ่านจดหมายจากห้องขัง สน.พญาไท ของครูโบว์ ณัฏฐา มหัทธนา จะรู้แจ้งถึงความเลวร้ายของตำรวจลูกไล่ คสช.

ตำรวจภายใต้กำกับของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ไม่เพียงเขียนรายงานว่าทำการ จับกุม ทั้งที่ความจริงฝ่ายคนอยากเลือกตั้งตัดสินใจ มอบตัว ทำให้รูปคดีหนักขึ้น เพื่อใช้ปฏิเสธการให้ยื่นประกันขอปล่อยตัว

ซ้ำร้ายยังทำการกลั่นแกล้งด้วยการเพิ่มข้อหา จาก ๕ เป็น ๗ เพื่อให้มูลความผิดร้ายแรงขึ้น เพื่อการคุมขังต่อเป็นวันที่สาม


แม้นว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ยื่นหลักประกัน ๑.๕ ล้านบาท ขอประกันตัวผู้ถูกคุมขังทั้ง ๑๔ คน ผู้กำกับฯ ชนะสงครามอ้างว่ายังทำสำนวนไม่เสร็จ ต้องรอต่อไป ปิดประตูอิสรภาพของ ๑๔ นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย

จึงได้มีคนเปรียบเทียบคดีชุนุมของคนอยากเลือกตั้งกับเมื่อปี ๒๕๕๗ ที่ กปปส.ชุมนุมปิดกรุงเทพฯ ว่า “มีใครไปร้องศาลแพ่งบ้างหรือยัง เผื่อศาลแพ่งจะได้สั่งคุ้มครองบ้าง เพราะเห็นกันชัดๆ อยู่แล้วว่าในรอบนี้ใครชุมนุมสันติกว่ากัน

Wanchalearm Satsaksit ท้าวความคำสั่งห้ามสลายการชุมนุมโดยศาลแพ่ง ว่าประกอบด้วยข้อห้าม ๙ อย่าง คือห้ามสั่งสลายชุมนุม ห้ามยึด อายัด สินค้าที่ใช้สนับสนุนการชุมนุม ห้ามตรวจค้น รื้อถอน

ห้ามสั่งห้ามผู้ชุมนุมซื้อขายสินค้า ห้ามปิดเส้นทางจราจร ห้ามสั่งห้ามชุมนุม ๕ คนขึ้นไป ห้ามปิดเส้นทางคมนาคม ห้ามสั่งห้ามผู้ชุมนุมใช้อาคาร และห้ามสั่งห้ามคนใช้เส้นทางสัญจร เป็นต้น

วันเฉลิมชี้ถึงความแตกต่างระหว่างการชุมนุม กปปส. กับของคนอยากเลือกตั้ง “#กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง
ไม่ได้ปิดสถานที่ราชการ ไม่ชุมนุมยืดเยื้อ ไม่โยนระเบิดไปใส่ตำรวจแบบ กปปส. ไม่ทุบตีคนทั่วไป

ไม่มีปืนกลไว้ใช้แบบ กปปส. ไม่มีกรวยและไอ้โล้น ไม่ปิดหน่วยเลือกตั้ง ไม่ขัดขวางการเลือกตั้ง ไม่ขโมยทรัพย์สินราชการ แถมต่อสู้ยืนหยัด ด้วยหลักการและคุณค่าอันเป็นสากล

ส่วน #กปปสนกหวีดหลิ่ม ทำทุกอย่างตรงกันข้ามกับคนอยากเลือกตั้ง” เขาลงท้ายว่า “กดเข้าไป-กดหัวประชาชนเข้าไป-ใช้อำนาจหลายมาตรฐานให้เยอะๆ ตอนนี้เขาก็สันติดีหรอกนะครับ

ถ้าประชาชนไม่สันติ หมดขันติเมื่อไหร่คงสนุกพิลึก