วันอังคาร, กรกฎาคม 04, 2566

แม้ ปดิพัทธ์ สันติภาดา จะไม่ได้เป็นประธานสภา ความคิดที่เขาเสนอ น่าสนใจ






พรรคก้าวไกล - Move Forward Party
1d·


[ ปดิพัทธ์ ขึ้นเวทีอนาคตประเทศ เผยเป้าหมายสร้างรัฐสภาที่โปร่งใส มีประสิทธิภาพ และเป็นของประชาชน ]
.
วันนี้ Padipat Suntiphada - ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 และแคนดิเดตประธานสภาฯ จากพรรคก้าวไกล ขึ้นเวที 'อนาคตประเทศไทย ภายใต้รัฐบาลใหม่' ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน โดยมี พริษฐ์ วัชรสินธุ - ไอติม - Parit Wacharasindhu ส.ส.บัญชีรายชื่อ ผู้จัดการการสื่อสารและรณรงค์นโยบาย พรรคก้าวไกล ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ด้วย โดยระหว่างการบรรยาย ปดิพัทธ์ได้แสดงวิสัยทัศน์ในการสร้างรัฐสภาไทยให้เป็น Open Parliament หรือรัฐสภาที่เปิดเผยโปร่งใส
.
ปดิพัทธ์ ระบุว่า ต้องมีการเปลี่ยนแปลงองค์กรนิติบัญญัติอย่างรัฐสภาเพื่อให้อำนาจแก่พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะกฎหมายที่เสนอโดยประชาชนต้องถูกนำมาพิจารณา เพราะที่ผ่านกฎหมายของประชาชนเสียงไม่ดังพอ มักไม่ผ่านการพิจารณาของสภาฯ ต่างจากกฎหมายที่เสนอโดย ครม.
.
"ถ้าเราอยากทำการเมืองใหม่ ทำการเมืองดี เราคาดหวังแค่ทำเนียบรัฐบาลไม่ได้ ต้องคาดหวังไปที่การปฏิรูปหรือการเปลี่ยนแปลงองค์กรนิติบัญญัติด้วย นี่จึงเป็นที่มาของการฟอร์มทีม เราเอาจริงเอาจังในการเข้าไปบริหารองค์กรนิติบัญญัติ เรากระตือรือร้นที่จะเข้าไปสร้างความเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่เพราะต้องการตักตวงทรัพยากรเข้าตัวเอง แต่เห็นว่าถ้ากระบวนการนิติบัญญัติดี จะทำให้ประเทศก้าวหน้าได้"
.
"ถ้าสภาฯ เป็นที่ตั้งในการผลิตกฎหมายให้ ครม. กฎหมายของประชาชนคงยากที่จะผ่าน ทั้งที่ประชาชนมีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง รอกฎหมายนี้มาหลายสิบปี ส.ส. 20 คน สามารถเสนอกฎหมายได้ เพราะฉะนั้นคนจากพรรคเล็ก ก็มีสิทธิที่จะเสนอกฎหมายได้ เพราะประชาชนเลือกเขามา ถ้าพรรคประชาชาติมี ส.ส. 9 ท่าน หาเพิ่มให้ถึง 20 ท่าน ก็ควรจะเสนอกฎหมายที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เห็นสมควร นี่คือกระบวนการนิติบัญญัติที่เราต้องการเข้าไปเปลี่ยนแปลง"
.
แคนดิเดตประธานสภาฯ ยังย้ำอีกว่ากระบวนการนิติบัญญัติและประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ต้องไม่เป็นนั่งร้านหรืออยู่ใต้อาณัติของรัฐบาล ไม่เกรงใจพรรคการเมืองใด
.
"ทุกท่านครับ เป็นความตั้งใจของเราจริงๆ ที่จะให้สภานิติบัญญัติมีอำนาจตรวจสอบฝ่ายบริหารจริงๆ สภาฯ ที่เราเห็นว่ามันล้มเหลว สภาล่ม รัฐมนตรีไม่มาตอบกระทู้ กฎหมายไม่ผ่าน เพียงเพราะมีการเล่นการเมืองในสภาฯ เราอยากจะเข้าไปกอบกู้ขึ้นมาใหม่ให้ประชาชนรู้สึกว่าอำนาจของเราอยู่ที่นั่น อำนาจของประชาชนอยู่ที่นั่น การต่อสู้ของเราอยู่ที่นั่นและมีตัวแทนของพวกเราอยู่ที่นั่นจริงๆ ทั้งคนที่ผมเห็นด้วยและผมไม่เห็นด้วย พวกเขามีสิทธิพูด เพราะพวกเขามาจากการเลือกตั้ง มันไม่สำคัญว่าพวกเขาพูดอะไรตรงกับที่ผมคิดหรือเปล่า แต่มันสำคัญกับว่าเขามีความชอบธรรมที่จะพูดในสภาฯ เพราะเขามาจากประชาชน นี่คือสิ่งที่เราอยากสร้างขึ้นมา"
.
ปดิพัทธ์เชื่อว่า หากระบบนิติบัญญัติเข้มแข็ง จะเป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์ของกระบวนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยเต็มใบ ถ้าประชาชนมีความเชื่อมั่นในระบบรัฐสภา จะทำให้เกิดความหวังทั้งบนท้องถนน ในสภา และในคูหาการเลือกตั้ง
.
นอกจากนี้ แคนดิเดตประธานสภาฯ จากพรรคก้าวไกล ได้แสดงวิสัยทัศน์ถึงแนวทางการจัดการพื้นที่อาคารรัฐสภาด้วย โดยระบุว่าในช่วงการระบาดของโควิด-19 ได้เห็นประชาชนหลากหลายอาชีพ เดินทางเข้าไปยื่นหนังสือ ทั้งนักดนตรี ไรเดอร์ ฯลฯ ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจและโรคระบาด จึงอยากให้ทุกอาชีพเข้าไปใช้บริการได้อย่างสะดวกสบาย และหากเดินทางไปสภาฯ ด้วยรถสาธารณะ จะพบว่าไม่มีเส้นทางให้เดินเข้าไปใช้บริการ เพราะอาคารคิดมาเพื่อให้ใช้รถยนต์ส่วนตัว นี่คืออันตรายของการออกแบบที่ทำให้ประชาชนรู้สึกไม่มีอำนาจ
.
นอกจากนี้ มีอีกหลายอย่างที่ต้องการเข้าไปทำให้อำนาจของประชาชนยังอยู่ โดยการสร้าง Open Parliament และสร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตยให้อยู่ในทุกที่ของชีวิตประจำวัน เพื่อให้ประชาชนมีอำนาจอย่างยั่งยืน
.
"ถ้าผมได้เป็นประธานสภาฯ ประชาชนอยากตรวจสอบงบประมาณของผม ทำได้เลยครับ ผมตั้งใจว่าจะทำให้สภาฯ เป็น Open Parliament ทุกอย่างจะเปิดเผยโดยที่ประชาชนไม่ต้องร้องขอ ทุกคนจะรู้ว่าประธานคนนี้ขับรถประจำตำแหน่งอะไร บินไปดูงานที่ไหนบ้าง ใช้เงินภาษีไปตัดสูทของตัวเองกี่บาท" ปดิพัทธ์ยืนยันความตั้งใจ