จากคำเล่า Prachaya Nongnuch (ค่ายมติชน) “ธรรมนัสโชว์พลัง ทานอาหารเหลา (กับ) พรรคเล็กที่ฮือฮา กลับมี ส.ส.พรรคของ ชัช เตาปูน กับ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ไปร่วมด้วย...กลายเป็นว่าสิบกว่าเสียงของพรรคเล็ก ส่อเทไปยังพรรค ศก.ไทย ของธรรมนัส”
ตามมาด้วย คำตัดพ้อของหัวหน้าพรรคประชาธิปไตย “มองว่า ครั้งแรกที่เชิญพรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่มีพรรคเล็กเข้าไปร่วมด้วย ยอมรับว่ากลายเป็นชนชั้นที่สอง ซึ่งก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร...เรื่องกินข้าวไม่ได้สำคัญสามารถห่อข้าวไปเองได้”
สุรทิน พิจารณ์ “ไม่สบายใจที่หากจะมีการเชิญไปกินข้าวกันอีก (วันที่ ๑๗ มีนา ที่เก่า) เพราะชาวบ้านก็ก่นด่ามา จึงขอเสนอแนะนายกฯ ว่า เปลี่ยนจากเชิญพรรคร่วม-พรรคเล็กกินข้าว ควรเป็นเชิญทั้งสภามารับฟังปัญหาประชาชน...จะดีกว่า”
สำหรับทาง นพดล แก้วสุพัฒน์ ส.ส.พรรคพลังท้องถิ่นไทของ ชัชวาลล์ คงอุดม บอก “ผมแค่ไปรับประทานอาหารในฐานะเพื่อน ส.ส.ด้วยกัน ไม่ได้มีประสงค์ใดแอบแฝง...ต้องการไปพูดคุยเกี่ยวกับการแก้กฎหมายเลือกตั้ง เรื่องเลขบัตรลงคะแนนผู้สมัคร ส.ส.”
ส่วน นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่เผยว่า “นายกรัฐมนตรีได้เชิญหัวหน้าพรรคการเมืองขนาดกลาง และขนาดเล็กทุกพรรคการเมือง ทั้งนี้จะเป็นการรับประทานอาหารร่วมกัน และพูดคุยเรื่องการทำงานของพรรคเล็ก” ในบทบาทพรรคร่วมรัฐบาล
อย่างไรก็ดี ส.ส.น.พ.ระวี เผยลึกลงไปอีกด้วยว่า “คาดว่าจะไม่เชิญนายสุรทิน พิจารณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ เพราะที่ผ่านมาเขาเลือกข้างชัดเจนว่าสนับสนุน ร.อ.ธรรมนัส” แม้เจ้าตัวจะปฏิเสธเรื่องยุบพรรคตนไปรวมกับ ‘เศรษฐกิจไทย’
ดังนั้นสรุปความนาฏกรรมการเมืองครั้งนี้ได้ว่าเป็นการชักคะเย่อระหว่าง ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ ธรรมนัส พรหมเผ่า โดยที่ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๘ สาม ป.นัดเฉพาะพวกหัวโจกพรรคร่วมรัฐบาล คุยกันครื้นเครงเรื่องต่างๆ รวมทั้ง “ระมัดระวังเรื่องเสียงในรัฐสภา”
เป็นข่าวออกมาว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยืนยันเสียงของพรรคเศรษฐกิจไทยยังคงสนับสนุนรัฐบาลนี้ต่อไป ยกเว้นธรรมนัสคนเดียวที่คุมไม่ได้ ทำให้ธรรมนัสแก้ข่าวในวันรุ่งขึ้นว่า โน โน โน เฮียป้อมไม่ได้พูดอย่างนั้น แล้วเขาจัดกินข้าวเหลาเมื่อ ๑๑ มีนา
จึงเป็นที่จับจ้องกันว่าเย็นวันที่ ๑๗ นี้จะมีใครไม่มีใครไปสโมสรราชพฤกษ์บ้าง ท่ามกลางบรรยากาศของการบ้านช่องอึมครึมไปด้วยฝุ่นละออง เมื่อประธานสภาหอการค้าขอพูดบ้างเรื่องของแพง “ปีนี้ราคาสินค้าต้องปรับขึ้นแน่นอนตามภาวะต้นทุนการขนส่งและเงินเฟ้อ”
“เร่งนำเสนอการขยายเพดานเงินกู้ ๑.๕ ล้านล้านบาทให้สภาผู้แทนราษฎรโดยเร็ว” ตรงนี้ทำให้หลายคนร้องเฮ้ เมื่อปีที่แล้วกำหนดวงเงินกู้ไว้ ๑ ล้านล้านบาท เมื่อเดือนที่แล้วมีอีก พรก.ให้กู้เพิ่มอีก ๕ แสนล้าน แล้วนี่มาเสนอกู้อีก ๑.๕ ล้านล้าน มันมือหรือไร
‘มติชน’ เขาทำตารางจำนวนเงินกู้จริงแต่ละปีมาให้ดูกัน ตลอดเวลาที่ประยุทธ์อยู่ในอำนาจ ๘ ปี มันเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี จากสองแสนครึ่ง (ล้าน) ไปสี่แสน แล้วสี่แสนครึ่ง มาห้าแสนเจ็ด จนปีที่แล้วหกแสนกว่า มาปีนี้ปาเข้าไปแล้ว ๗ แสนล้าน
รวมยอดทั้งหมด ๘ ปี ประยุทธ์สุมหนี้ให้ประชาชนเกือบ ๔ ล้านๆ บาท จะเอาไปใช้หาเสียงสำหรับกลับมาเป็นนายกฯ อีกไหมล่ะ ว่าขออยู่ต่ออีกสักสี่ปีเพื่อจะได้มาปลดหนี้ (ที่ตนก่อ) ให้แก่ประชาชน ไม่เช่นนั้นมีขาเก่านักปลดหนี้เตรียมส่งนารีขี่ม้าขาวมาทำให้อีกแล้วนะ
(https://www.matichon.co.th/economy/news_3228506, https://www.matichon.co.th/politics/news_3229195, https://www.matichon.co.th/politics/news_3229246 และ https://www.matichon.co.th/politics/news_3229264)
