‘ดอน’ เนี่ย ถ้าใคร ‘สอนระเบียบ’ ซะหน่อยก็จะดี ชอบพูดอะไรให้ ‘การทูต’ มัวหมอง ด้วยภูมิปัญญาแบบลิ่วล้อ จปร. เอาแต่นบนอบอย่างเต่าเลี้ยงของ คสช. เมื่อวานออกมาโต้เสียงเรียกร้องให้ประณามรัสเซีย พูดเหมือนเป็นบริวารปูติน
“การที่ยูเครนสมัครเข้า ‘อียู’ ก็อาจจะคุยกันยากขึ้นไปด้วย” จะให้เขายอมสยบผู้รุกรานละหรือ จะได้สั่งง่ายๆ เหมือนที่ ดอน ปรมัตถ์วินัย กำลังทำตัวเองเดี๋ยวนี้ ทั้งที่ผ่านมาและจะผ่านไป ฟังเค้าว่า “และอาจจะไม่ได้มาจากความคิดของยูเครนก็ได้
คนอยากให้ยืดเยื้อมีเยอะ” แน่สิ ใครๆ ก็รู้ยูเครนกำลังน้อยกว่า ถ้าไม่ยืดเยื้อหมายถึงเสร็จรัสเซียตั้งแต่ยกแรกตามที่ปูตินวาดแผน กลับเจอคนยูเครนนักสู้ทรหด และผู้นำซึ่งตรงกันข้ามกับนายของดอน (จากดาวตลกมาเป็นนักรบ ไม่ใช่จากตะหานกลายเป็นจำอวด)
เลยไม่ ‘blitzkrieg’ บุกยึดได้เฉียบพลับดังหวัง ทำให้ดอนร้อนตัว ออกมาแซะ ‘คนอยากให้ยืดเยื้อ’ ดีนะนี่ไม่ได้ไปพูดในที่ประชุมสิทธิมนุษยชนยูเอ็นเหมือน เซอร์ไกย แล็ฟร้อฟ ที่คนเดินออกเกือบหมดห้องประชุม ถ้าเป็นดอนคงโดนเขาถอดรองเท้าเขวี้ยงใส่จอแทน
หากจะบอกว่าจุดยืนไม่เข้าข้างฝ่ายไหน เพราะผลประโยชน์ชาติไทยที่ได้จากการค้ากับรัสเซีย มีน้ำหนักมากกว่ามูลค่าการค้ากับยูเครน (ในปี ๖๔ ไทยส่งรถยนต์และส่วนประกอบไปรัสเซีย ๓๒๑ ล้านดอลลาร์ เทียบกับยูเครนแค่ ๓๓ ล้านดอลล์
รวมมูลค่าสินค้าอื่นๆ ทั้งหมด ได้แก่ผลิตภัณฑ์ยาง ผลไม้กระป่อง และอัญมณี เป็นอาทิ ๑ พันกว่าร้านดอลลาร์ ยูเครนเทียบไม่ติด แค่ ๑๓๕ ล้านดอลลาร์ ก็ยังควรต้องคำนึงถึงมูลค่าการค้ากับบรรดาประเทศที่ประณามและแซงชั่นรัสเซียมากกว่าเป็นพันๆ เท่า)
ฉะนั้นการไปกล่าวหาว่าใครเสี้ยมให้ยูเครนเข้าอียู ภาษาชาวบ้านเขาเรียก ‘ปากหะมา’ ไม่ใช่ขี้ข้าเผด็จการทำไม่ได้ อยากทำตัวเป็น ‘นักเจรจา’ ก็ควรรู้จักเรียนรู้จาก วโลดีเมียร์ ซาเล็นสกี้ ที่มือถือปืนปักหลักสู้แต่ปากก็พร่ำบอกแต่อ้อนแต่ออกมาตลอดเวลาว่าขอเจรจา
น่าสมเพชดอนโดนตู่เป่ากระหม่อมเสียจนสมองฝ่อ หลักวิชาการทูตที่เคยร่ำเรียนมาเข้าหม้อหมด คงจะปักหลักร่วมหัวจมท้ายไปให้สุดกับตู่ หวังว่าจะได้เป็นต่ออีกสมัย เชื่อมั่นยุทธวิธี จปร.เดี๋ยวได้แน่ แต่สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว ความเสื่อมมันมี
เมื่อวานนี้เช่นกัน ธรรมนัส พรหมเผ่า นักการเมืองค่ายพลังประชารัฐเดิมที่เคยเป็นหอกข้างแคร่ของ ประยุทธ์ จันทร์โอชา เดี๋ยวนี้พาพวก ๑๘ คนไปตั้งอาณาจักรใหม่ของตนเอง ให้สัมภาษณ์เปิดตัวตนอย่างเป็นทางการครั้งแรกในนามพรรคเศรษฐกิจไทย
เขาพูดถึงแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีในนามพรรคเศรษฐกิจไทย ว่า “เคยบอกสเป็คไปแล้วว่าจะต้องมีเคมีที่เข้ากับตนได้ และจะต้องทำงานร่วมกันเพื่อปากท้องของประชาชนได้” แม้มีนัยยะความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของพรรคอยู่ในคำพูด แต่ก็รื่นหูกว่าคำพูดของดอน
น่าจะเป็นเพราะเขาบอกว่าจุดยืนพรรคเศรษฐกิจไทย “เป็นพรรคอิสระที่ไม่ได้ขึ้นตรงกับรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ลงมติต่างๆ เราจะยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก” เรื่องไหนที่รัฐบาลทำ ถ้าไม่เกิดประโยชน์แก่ประชาชนก็จะไม่เอาด้วย
โดยเฉพาะในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในการประชุมสภาสมัยหน้า ซึ่งฝ่ายค้านเตรียมอัดใส่ประยุทธ์เต็มที่ตั้งแต่เริ่มเปิดฉากในเดือนพฤษภานั้นเลย ธรรมนัสบอกว่า “ตนไม่ค่อยได้ใส่ใจ มองเพียงว่ารัฐบาลทำอะไรให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากกว่า
...หากรัฐมนตรีคนใดที่ถูกอภิปราย และมีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่าทำให้บ้านเมืองเสียหาย เราโหวตสวนแน่นอน เพราะไม่เห็นด้วยที่จะให้ทำหน้าที่ต่อ ดังนั้นจะพิจารณาเป็นรายกรณีไป” พอนักข่าวย้อนถามว่าถ้างั้นก็จะทำให้ประยุทธ์ตกที่นั่งลำบากสิ
นักการเมืองจากจังหวัดพะเยา ผู้สามารถใช้วิชาลอยตัวเหนือคดีค้าผงขาว (ซึ่งเขาบอกว่า “มันคือแป้ง”) ที่เคยมีความผิดต้องโทษในออสเตรเลีย “ไม่สามารถตอบได้ว่ารัฐบาลจะอยู่ยาวถึงปีหน้าหรือไม่ เพราะในทางการเมืองไม่มีอะไรแน่นอน”
(https://www.facebook.com/Prachaya.Philosophy/posts/5280763355290027, https://www.facebook.com/thestandardwealth/posts/503306264758400 และ https://www.bangkokbiznews.com/politics/991131)