
รัสเซีย ยูเครน : กรุงเคียฟเตรียมพร้อมรับการบุกยึดจากผู้รุกราน
เจเรมี โบเวน
บีบีซีนิวส์ ประจำกรุงเคียฟ
13 มีนาคม 2022
ตอนที่รัสเซียเริ่มรุกรานยูเครน เสียงสัญญาณเตือนภัยก็ดังระงมไปทั่วกรุงเคียฟเป็นครั้งแรก ผู้คนต่างหวาดกลัวว่าเมืองหลวงแห่งนี้จะล่มสลายภายในบ่ายวันนั้น
รายงานการเคลื่อนพลรบพร้อมด้วยอาวุธหนักจากทางตะวันตกเฉียงเหนือถูกทยอยส่งเข้ามา นักวิเคราะห์ทางการทหารยอมรับในฝีมือของกองทัพรัสเซีย พวกเขากล่าวว่ากองทัพรัสเซียมีความเป็นมืออาชีพสูง มีอาวุธที่เยี่ยมยอด และมีประสบการณ์การรบจากสงครามในซีเรีย
มีคนบอกผมว่าความผิดพลาดทางยุทธวิธีที่ผมเคยเห็นรัสเซียเพลี่ยงพล้ำคือ ตอนที่พวกเขาพยายามจะขยี้กลุ่มผู้ต่อต้านในสาธารณรัฐเชเชนเมื่อปี 1995 มันเป็นประวัติศาสตร์อันไกลโพ้น
ผู้นำยูเครนชี้สูญทหารไปแล้ว 1.3 พัน, ไบเดนย้ำ ไม่รบรัสเซีย
ทัพรัสเซียเริ่มขยับเข้าใกล้กรุงเคียฟอีกครั้ง ยอดสไนเปอร์อันดับโลกรุดช่วยยูเครน
เข้าสัปดาห์ที่ 3 ผู้ลี้ภัยสงครามมีมากแค่ไหน และหนีการรุกรานไปที่ใดบ้าง
ฉันทามติเกี่ยวกับกองกำลังของยูเครนในวันแรกที่มีสงคราม คือพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นมากเมื่อเทียบกับปี 2014 ที่ยูเครนไม่อาจหยุดยั้งรัสเซียในการเข้ายึดครองไครเมียและสถาปนาสองรัฐแยกตัวในยูเครนตะวันออก
แต่รัสเซียครอบครองทั้งกองกำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ ฉันทามติดังกล่าวระบุว่ายูเครนจะค้นพบกับความจริงอีกครั้งจากคติพจน์ที่มีคนบอกว่าสตาลินพูดไว้ว่า: "ปริมาณมีคุณภาพในตัวมันเอง"
สองสัปดาห์แรกของสงครามพิสูจน์ว่าการคาดการณ์เหล่านั้นผิด กองทัพรัสเซียเพลี่ยงพล้ำ ขณะที่ยูเครนยืนหยัดต่อสู้ รอบกรุงเคียฟ การรุกของกองทัพรัสเซียหยุดชะงัก แต่พื้นที่ทางตอนใต้เหมือนหนังคนละม้วน พวกเขาเร่งเปิดเส้นทางระหว่างไครเมียและดินแดนที่ถูกรัสเซียล้อมรอบทางตะวันออกของยูเครน
เป็นเรื่องชัดเจนว่าการเข้ายึดครองกรุงเคียฟถือเป็นกุญแจสำคัญในการเอาชนะข้อโต้แย้งทางการเมืองและสนามรบ ขณะที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เชเลนสกี ยังคงคุมกรุงเคียฟไว้ได้ เขาสามารถอ้างได้ว่าตนเองไม่พ่ายแพ้ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย ที่อยู่ในทำเนียบเครมลินก็ไม่สามารถอ้างชัยชนะได้เช่นกัน
ช่วงสองสามวันที่ผ่านมาท้องฟ้าสว่างและแดดจ้า หลังจากตกอยู่ใต้หมอกหนากว่าหนึ่งสัปดาห์ นี่หมายถึงดาวเทียมจะสามารถเห็นการเคลื่อนไหวบนพื้นดินได้อย่างชัดเจน หนึ่งในข้อสรุปคือการเคลื่อนขบวนของกองทัพรัสเซียที่มีความยาวถึง 40 ไมล์ ในทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเคียฟค่อย ๆ กระจัดกระจายและมีการปรับขบวนใหม่ ข่าวล่าสุดจากกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกาชี้ว่าขบวนช่วงท้าย ๆ กำลังตามมาสมทบ ทว่ายานยนต์ที่อยู่ใกล้กับกรุงเคียฟมากที่สุดไม่ได้เคลื่อนที่

ภาพก่อนและหลังการสร้างปราการป้องกันกรุงเคียฟ
การสู้รบรอบกรุงเคียฟกระจุกตัวอยู่บริเวณตะวันตกเฉียงเหนือและดำเนินมาตั้งแต่เช้าวันแรกที่เหล่าทหารอากาศของรัสเซียลงถึงพื้นดิน ณ สนามบินขนส่งสินค้าใกล้กับเมืองฮอสโตเมล (Hostomel) และ เมืองเอียร์ปิน (Irpin) ไม่ไกลกรุงเคียฟ ที่เหล่าผู้อพยพชี้ว่าได้รับความเสียหายอย่างหนัก กองทหารรัสเซียพยายามรักษาพื้นที่ตรงนั้นเพื่อเดินหน้าเข้ายึดครองกรุงเคียฟ แต่กองทัพยูเครนสามารถหยุดยั้งไว้ได้
ช่วงหลายวันที่ผ่านมา ผมเห็นผู้ต่อต้านรัสเซียจำนวนมากขึ้นที่เคลื่อนพลเดินหน้าเพื่อไปต่อสู้บริเวณรอบๆ เมืองเอียร์ปินและสนามบินฮอสโตเมล และได้ยินเสียงปืนใหญ่อย่างต่อเนื่องจากฝั่งยูเครน จากแนวพลปืนที่ซ่อนตัวอยู่ในเขตป่าหนาทึบ

แผนที่แสดงให้ถึงการรุกคืบของกองทัพรัสเซียใกล้กับกรุงเคียฟ ณ วันที่ 10 มี.ค.
บริเวณสู้รบทางตะวันตกเฉียงเหนือห่างจากกรุงเคียฟด้วยระยะทางเพียง 20 นาที ทางรถยนต์ ตัวเมืองยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ทว่าเสียงแจ้งเตือนภัยดังขึ้นเป็นประจำ
ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ได้ราวหนึ่งสัปดาห์ ชาวยูเครนพัฒนาระบบป้องกันทางกายภาพของพวกเขาซึ่งแทบจะไม่มีอยู่เลยในบางที่อย่างต่อเนื่อง จุดตรวจที่เคยเป็นแค่บล็อกคอนกรีตก็เปลี่ยนมาเป็นแนวรั้วลวดหนาม ชายหนุ่มต่างจัดทำและจัดวางกระสอบทรายไปทั่วทั้งเมือง ช่างโลหะในเคียฟต่างก็มีงานล้นมือ ณ ทางแยกที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ และบนถนนคู่ขนานหลายสายที่วิ่งตรงจากกรุงเคียฟ จุดกีดขวางรถถังที่ทำจากเหล็กประจำการพร้อมใช้งาน
เคียฟเป็นเมืองหลวงขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยถนนสายหลักที่กว้างขวาง ตัดกับถนนแคบ ๆ ที่ถูกปูด้วยพื้นหินลูกเต๋า (cobblestones) ขนาดใหญ่ ตึกจำนวนมากถูกสร้างโดยมีห้องใต้ดินที่กว้างขวาง หากมีการต่อสู้ที่นี่จริง คงต้องลากยาวกันหลายเดือน
ตัวเมืองทอดไปตามสองฝั่งของแม่น้ำเนียเปอร์ (Dnieper) หนึ่งในแม่น้ำหลักของทวีปยุโรป ท่าเรือและท่าจอดเรือยังปกคลุมด้วยน้ำแข็ง

การข้ามแม่น้ำภายใต้การสู้รบนับเป็นปฏิบัติการทางทหารที่ยากลำบาก ริมฝั่งแม่น้ำด้านตะวันตกซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับตึกทำงานของรัฐบาลและอาสนวิหารสำคัญจำนวนหนึ่งทั้งลึกและเป็นพื้นที่ป่าทึบ กลุ่มผู้ปกป้องเมืองจะได้ประโยชน์อย่างมาก
แต่การข้ามแม่น้ำเนียเปอร์ อาจยังไม่อยู่ในวาระของรัสเซียจนกว่ากองทัพจะสามารถควบคุมสองฝั่งแม่น้ำได้ ทฤษฎีหนึ่งคือการรุกที่หยุดชะงักลงทางฝั่งตะวันตกและตะวันตกเฉียงเหนือไม่ได้เป็นเพราะแค่การสกัดกั้นจากฝั่งยูเครนและการจัดการการเคลื่อนพล อย่างบกพร่องของฝั่งรัสเซียเองเท่านั้น ขบวนทหารจากฝั่งตะวันออกกำลังเคลื่อนพลมาอย่างช้า ๆ และอาจเป็นไปได้ว่าเหล่านายพลกำลังรอการมาเสริมทัพอยู่
กองทัพรัสเซียพยายามเคลื่อนกองรถถังเข้ามายังฝั่งตะวันออกของกรุงเคียฟเมื่อ 10 มี.ค. ที่ผ่านมา พวกเขาถูกโจมตีอย่างหนักขณะที่กำลังเคลื่อนพลไปตามถนนทางหลวง อย่างช้าๆ ในตอนกลางวัน ภาพจากโดรนเผยให้เห็นว่าขบวนรถถังถูกจัดเป็นแนว ทำให้ง่ายต่อการตกเป็นเป้าของกระสุนปืนใหญ่และโดรนของยูเครน อีกหนึ่งความผิดพลาดทางยุทธวิธีของรัสเซีย
ไม่เป็นที่แน่ชัดนักว่ารัสเซียต้องการจะโอบล้อมกรุงเคียฟหรือพยายามจะบีบบังคับให้ยอมแพ้ด้วยการใช้รถหุ้มเกราะและทหารราบฝ่าเข้าไปยังใจกลางเมือง ทางเลือกทั้งสองนี้ไม่ส่งผลดีกับกองทัพรัสเซีย การโจมตีโดยตรงหยุดชะงักในขณะนี้ ขณะที่การล้อมเมืองใหญ่อาจต้องใช้จำนวนคนมากเกินไป
หนึ่งในความเป็นไปได้คือประธานาธิบดีปูตินกำลังตั้งตารอการล่มสลายอย่างรวดเร็วของรัฐบาลยูเครนที่เขาไม่รับรองอีกต่อไปจากความพยายามสมคบคิดในฐานะนาซีกับประเทศตะวันตก ปูตินยังไม่คิดว่าการล่มสลายของรัฐบาลยูเครนจำเป็นต้องพึ่งทหารของรัสเซีย
เป็นที่แน่ชัดว่าปูตินและบรรดานายพลของเขากำลังคิดทบทวนสถานการณ์และปรับกำลังใหม่ และจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้
พันธกิจของปูตินคือการคืนชีพรัสเซียที่เขาเชื่อว่ามีความชอบธรรมที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำโลก ชัยชนะของรัสเซียในกรุงเคียฟเป็นเส้นทางที่ตรงที่สุดที่ปูตินจะสามารถประกาศได้ว่าสามารถบรรลุพันธกิจได้แล้ว

ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากองทัพรัสเซียปฏิบัติการด้วยกำลังและความรวดเร็วแค่ครึ่งเดียวของที่มีเท่านั้น ส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดของพวกเขาเอง อีกส่วนมาจากการที่ยูเครนเป็นศัตรูว่องไวและน่าเกรงขาม การโจมตีที่หยุดชะงักลงรอบๆ กรุงเคียฟทำให้กลุ่มผู้ปกป้องเมืองหลวงมีเวลาในการพัฒนาแนวป้องกันเบื้องต้นของตัวเอง ทั้งยังอาจเป็นการซื้อเวลาเพื่อรออาวุธชั้นสูงจากนาโต
คำถามที่ติดอยู่ในใจของผู้คนจำนวนมากในกรุงเคียฟคือ ประธานาธิบดีปูตินจะสรุปว่านี่ถึงเวลาที่จะใช้อาวุธที่มีอานุภาพตามแบบ (conventional weapons) ร้ายแรงที่สุดมาปราบกลุ่มผู้ปกป้องเมืองหลวงแล้วหรือไม่ นับจนถึงตอนนี้ดูเหมือนปูตินจะยังไม่คิดเช่นนั้น หากเป็นเช่นนั้นจริง ผู้คนอีกมากจะต้องสังเวยชีวิตและความเสียหายอย่างเลวร้ายจะเกิดขึ้น
ผู้คนจำนวนหนึ่งไม่เชื่อว่าประธานาธิบดีปูตินจะทำลายกรุงเคียฟแบบเดียวกับที่หลายเมืองในฝั่งตะวันออกและทางตอนใต้ของยูเครนต้องเผชิญ พวกเขาโต้แย้งว่าปูตินจะลังเลที่จะทำลายเมืองโบราณที่เป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรม ศาสนา และประวัติศาสตร์ของรัสเซีย คนจำนวนหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านี้ยังเชื่อว่ารัสเซียจะไม่รุกรานยูเครน
คนอีกส่วนกลัวว่าหากกำลังทหารราบและรถหุ้มเกราะของรัสเซียถูกขวางไว้ ปูตินและบรรดานายพลจะหันไปใช้กลยุทธ์ที่กองทัพรัสเซียใช้กับเมืองทางตอนใต้อย่างเมืองมาริอูโปล (Mariupol) ด้วยการล้อมรอบเมืองและพยายามทำลายขวัญกำลังใจของกลุ่มผู้ปกป้องเมืองด้วยปืนใหญ่และการโจมตีทางอากาศ นี่เป็นกลยุทธ์ที่กองทัพรัสเซียใช้ได้ผลในซีเรีย และในช่วงทศวรรษที่ 90 ตอนที่เมืองกรอซนี (Grozny) เมืองหลวงของสาธารณรัฐเชเชนที่พยายามแยกตัวจากรัสเซีย ถูกปราบจนราบเป็นหน้ากลอง
ไม่กี่สัปดาห์ต่อจากนี้ จะเป็นช่วงเวลาอันตรายต่ออนาคตกรุงเคียฟ และต่อภาพใหญ่ของสงครามที่มีต่ออนาคตยูเครน หากรัสเซียไม่สามารถจู่โจมกรุงเคียฟได้อีกครั้ง กลุ่มผู้ต่อต้านจะมีความมั่นใจมากขึ้น ขณะที่ความเข้มแข็งและกำลังใจของกองทัพรัสเซียซึ่งรวมไปถึงเหล่าทหารเกณฑ์จะถูกบั่นทอนลงไปอีก
หากระบอบปูตินสามารถหาหนทางยุติการต่อต้านได้ ประธานาธิบดีผู้นี้จะเข้าใกล้ความสำเร็จในการล้มล้างเอกราชของยูเครนลงได้ แต่การบังคับให้ยูเครนอยู่ในวงโคจรของรัสเซีย ซึ่งอาจจะเผชิญกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่นาโตให้การสนับสนุน ก็จะเป็นเรื่องที่ยากขึ้นกว่าเดิม