วันศุกร์, กุมภาพันธ์ 18, 2565

ประยุทธ์แถเรื่อง ม.๔๔ เหมืองทองอัครา ปัญหาเกิดก่อน คสช. บริษัทที่ฟ้องแค่หุ้นส่วน และประทานบัตร ๔ แปลงเป็นของเดิม

สงสัยประยุทธ์จะอยากเป็นนายกฯ สมัยหน้า จากเลือกตั้งอย่างเขาว่ากัน วันนี้พยายามตอบอภิปราย ม.๑๕๒ ในสภาฯ ทุกเม็ด เข้าเรื่องเหมืองทองอัครา แต่ก็เนอะยังบกพร่องเล็กน้อยทางวุฒิภาวะ คือตอบไม่ตรงกับที่เขาถาม แถไปโน่นตามเคย

ส.ส.จิราพร สินธุไพร ซัก (ฟอก) เรื่องนี้มาแล้ว ๓ ครั้ง ไม่เคยได้รับคำตอบในประเด็นที่ต้องการให้ประชาชนรับรู้ ว่าการมอบประทานบัตรเหมืองแร่ ๔ แปลง ให้แก่บริษัทอัครารีซ้อร์ชเซสนั่น เป็นการ “นำสมบัติของชาติไปประเคน...ประกันตัวเองออกจากคดี” ไหมล่ะ

ครั้งที่สี่นี้ “นอกจากไม่ตอบคำถามที่ดิฉันได้ซักถามไป ยังชี้แจงวนเวียนซ้ำซาก...พท.ไม่เคยคัดค้านที่จะไปดูแล ปชช.เรื่องนี้ แต่เราไม่เห็นด้วยที่ใช้ ม.๔๔ ไปจัดการซึ่งทำให้ประเทศเสียหายร้ายแรง” (น้ำ) @j_sindhuprai แจงไว้บนทวิตเตอร์

รายละเอียดที่ประยุทธ์พูด แถแรก ว่าเมื่อปี ๒๕๓๕-๔๔ “รัฐบาลในช่วงนั้นก็ได้เห็นชอบตามกฎหมาย...รัฐบาลในช่วงนั้นก็ได้เห็นชอบตามกฎหมาย สนับสนุนให้มีการทำเหมืองทองใน จ.พิจิตร” พูดอย่างเฟี้ยวๆ ก็คือ กรูไม่เกี่ยวนั่นแหละ

แถต่อมาเรื่องคดีความจากการใช้อำนาจรัฐประหาร ม.๔๔ “ระงับต่อใบอนุญาตประทานบัตรจำนวน ๑ แปลง ด้วยเหตุความไม่ชัดเจนในหลายเรื่อง” รวมทั้ง “เรื่องผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาเรื่องสุขภาพ และสารพิษตกค้างจากการทำเหมือง”

ซึ่งประยุทธ์ผลักความผิดไปพ้นตัวว่า “ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นมาก่อนหน้าช่วงรัฐบาล คสช. เข้ามาบริหารบ้านเมือง...แต่เป็นหน้าที่ของรัฐบาล คสช.ที่ต้องทบทวนข้อกฎหมาย และกรอบนโนบายการทำเหมือง เพื่อจะลดปัญหาที่หมักหมมมานาน”

แถที่สาม “คิงส์เกตก็เป็นบริษัทหนึ่ง (ท่ามกลางบริษัทอื่นๆ กว่าร้อย) ที่สนใจทำเหมืองในประเทศไทย “ถึงแม้ผู้ถือหุ้นของบริษัทจะมีคดีความฟ้องร้องต่อรัฐบาลไทย แต่ก็ไม่ได้เป็นข้อจำกัดที่มีต่อบริษัท” อัครารีซ้อร์ชเซส เพราะ

“การต่อใบอนุญาต ๔ แปลงดังกล่าวเป็นแปลงเดิม ที่อนุญาตตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๓๖ -๒๕๔๓...ข้อกล่าวหา (ยกสมบัติของชาติให้เอกชนตามอำเภอใจ) นี้ คงเป็นการกล่าวหาตั้งแต่รัฐบาลยุคนั้น” ไม่ใช่ความผิด คสช.และ/หรือตัวประยุทธ์เอง

อันดับสี่ ไม่แถแต่กัด ผมขอให้การอภิปรายนี้เป็นไปด้วยความระมัดระวัง ไม่ให้...บิดเบือนให้ประชาชนเห็นว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นอย่างร้ายแรง...ถ้าผู้อภิปรายเห็นว่าการดำเนินการนั้นไม่ถูกต้องชอบธรรม ก็...ไม่ควรมาผูกกับเรื่องเหมืองทอง”

อ้าวก็การใช้อำนาจบาตรใหญ่มาตรา ๔๔ โดยไม่ยั้งคิดให้รอบคอบสั่งระงับกิจการ เป็นความผิดพลาดจากการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศนั่นต่างหาก ทำให้ถูกฟ้องร้อง แล้วจะมาแก้ไขด้วยการรื้อฟื้นสัญญาเดิม อ้างว่าเป็นส่วนที่เหลืออีก ๔ แปลง

ปิดท้าย “ท่านมุ่งหวังว่าจะตีรัฐบาล จะล้มรัฐบาล จะเอานายกฯ ออกให้ได้ ผมว่าไม่ถูก ไม่ใช่หน้าที่ของท่าน” อ่า ใช่สิทำไมจะไม่ใช่ การซักฟอกเอานายกฯ ออกเพราะบริหารห่วยนี่ละ หน้าที่โดยตรงของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

ถ้าประยุทธ์ยังหลงอำนาจตัวเองอย่างนี้ ไม่มีทางเป็นนายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งได้ ยิ่งการที่มี ส.ส.ลิ่วล้อในพรรคพลังประชารัฐ สัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ท้วงว่า “ผมกังวลในเรื่องของความครบถ้วน และถูกต้องของเอกสาร” จน ส.ส.จิราพรต้องสอนมวย

“เป็นเอกสารที่คิงส์เกตเผยแพร่บนเว็บไซ้ท์ ถ้าท่านว่าง สามารถเข้าเว็บไซ้ท์คิงส์เกตแล้วไปเซิ้ร์ชดูได้เลยค่ะ” นี่เป็นอีกความด้อยคุณภาพของระบบ ขี้ตู่ อันทำให้ ไม่ผ่านมาตรวัดทางประชาธิปไตย จะเอาแต่อ้างลมๆ แล้งๆ เรื่องไม่มีทุจริต ก็ยังไม่ได้

ขณะเขียนนี่ไม่ทราบว่าประยุทธ์ไม่อยู่ฟังอภิปรายของเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อีกหรือเปล่า เห็นว่าจะมีการ เปิดเบิ่งเรื่องทุจริตเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดนครศรีธรรมราช “ซึ่งมีแข่งกันอยู่สองพรรคคือพลังประชารัฐและ ประชาธิปัตย์ มีการเปิดหลักฐานเป็นไลน์กรุ๊ป คลิปภาพและเสียง”

Nopkong@SAHINOP ชี้ว่าการอภิปรายของเสรีพิศุทธ์ เคย “หักนิ้ว” ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลด้วยหลักฐานที่คาดไม่ถึงมาแล้ว เป็นผลให้ ส.ส.หลายคนถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ และตัดสิทธิ์ทางการเมือง” ได้แก่ สิระ เจนจาคะ และปารีณา ไกรคุปต์ “ล่าสุดก็ ส.ส.ลำปาง”

(https://www.matichon.co.th/politics/news_3189920 และ https://thestandard.co/jiraporn-asked-about-akara-gold-mine/)